บทที่ 6 อ้ายอ้ายตายแล้ว

1773 Words
อ้ายอ้ายตกใจจนมือสั่น อ้ายอ้ายไม่อยากตกต่ำอีกแล้วเพิ่งจะกลายเป็นเศรษฐีก็ต้องมาหัวใจวายตาย มีวาสนาได้เกิดใหม่ก็ต้องมาตกระกำลำบาก อ้ายอ้ายลำบากมามากพอแล้วเธอไม่อยากลำบากอีกต่อไป อ้ายอ้ายมองไปรอบ ๆ ที่นี่ยังไงก็ไม่เหมือนบ้านเศรษฐีเพราะเป็นเพียงบ้านไม้หลังเก่าผุ ๆ ที่แทบจะกันลมไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ดังนั้นช่วงชีวิตต่อไปของอ้ายอ้ายจะสุขสบายได้ยังไง อ้ายอ้ายน้ำตาคลอ ขอร้องท่านยมทูตอีกครั้งหนึ่ง "ดีตรงไหนสุดท้ายยังไม่ได้ใช้ชีวิตก็ต้องถูกแม่ตัวเองฆ่าตาย ท่านยมทูตพาอ้ายอ้ายไปเกิดที่อื่นได้หรือเปล่าคะ ท่านยมทูตลองดูอ้ายอ้ายดี ๆ" ยมทูตทำสีหน้างง "ทำไมต้องดูดี ๆ" อ้ายอ้ายหมุนตัวสองรอบและหมุนอย่างช้า ๆ ยมทูตยิ่งขมวดคิ้วย่นเข้าไปใหญ่ "ดูว่าอ้ายอ้ายมีปีกหรือเปล่า เหมือนเอ่อทิงเกอร์เบลล์น่ะค่ะ นางฟ้าทิงเกอร์เบลล์ ให้อ้ายอ้ายไปเกิดเป็นนางฟ้าเสกคาถาอะไรแบบนั้นไม่ได้เหรอคะ" อ้ายอ้ายพยายามทำท่าทางให้น่ารัก แต่ยมทูตทำหน้าเหมือนกับอ้ายอ้ายกำลังพูดเรื่องปัญญาอ่อน พร้อมกับส่ายหน้าช้า ๆ "ไม่ได้ ชะตากำหนดแล้วยังเพ้อเจ้ออะไร อีกอย่างทิงเกอร์เบลล์ก็แค่นิทานหลอกเด็กไม่ได้มีอยู่จริง" อ้ายอ้ายผิดหวังเป็นอย่างยิ่งแต่ไม่ยอมแพ้ "นะคะคุณยมทูตสุดหล่อ ช่วยอ้ายอ้ายด้วยนะคะ อ้ายอ้ายไม่อยากตายเร็วไปเป็นองค์หญิงหรือนางฟ้าก็ได้ค่ะ" ในตอนที่อ้ายอ้ายอ้าปากขอร้องยมทูตเธอก็รู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างกระเด็นเข้าปากของเธอทำให้อ้ายอ้ายหุบปากและไอแคก ๆ ทันใด ท่าทางของยมทูตดูเร่งร้อนขึ้นเมื่อเขายกนาฬิกาขึ้นมาดูเวลา "ไม่มีเวลาแล้วต้องไปรับวิญญาณอีกดวง ยัยหนูชะตากรรมถูกขีดเอาไว้แล้วเจ้าไม่มีสิทธิ์เรียกร้อง ข้าไม่ได้หารือกับเจ้าข้าแค่เล่าให้ฟัง ข้ายุ่งเวลาไม่ทันแล้ว ข้าไปก่อน เดี๋ยวตอนที่เด็กคลอดออกมาวิญญาณของเจ้าจะถูกดูดเข้าไปในร่างเด็กน้อยเองไม่ต้องห่วง รออยู่ที่นี่แหละ อ้อในปากของเจ้าก็คือลูกอมยายเมิ่งไม่ใช่ยาพิษ ถึงจะไม่อร่อยแต่มันช่วยลบความทรงจำของเจ้าทั้งหมดให้กลับไปเป็นเด็กทารกอีกครั้ง ข้าไปล่ะ บาย" ยมทูตหายไปแล้วอ้ายอ้ายยังกุมคอและท่าทางเหมือนทุรนทุรายเมื่อเธอรู้สึกว่าลูกอมยายเมิ่งกำลังติดอยู่ที่คอหอยของเธอ อ้ายอ้ายจึงตัดสินใจใช้วิธีล้วงนิ้วเข้าไปในลำคอของตนเอง เธอดันนิ้วเข้าไปลึกจนสุดและในที่สุดก็บังเกิดอาการอยากจะอาเจียนกระทั่งสามารถคายลูกอมยายเมิ่งที่จะล้างสมองของเธอออกมาได้ อ้ายอ้ายใช้เท้าเหยียบขยี้ลูกอมรูปหัวใจสีดำจนละเอียด 'ในเมื่อไม่มีทางแก้ไข อ้ายอ้ายก็จะแก้ไขด้วยวิธีของอ้ายอ้ายเอง ชิ' และนี่เป็นครั้งที่สามที่อ้ายอ้ายรู้สึกว่าตัวเองถูกเครื่องดูดฝุ่นอันใหญ่ดูดอีกครั้ง วิญญาณของอ้ายอ้ายหายเข้าไปในห้องนั้นพร้อมกันกับเสียงของหมอตำแยทำคลอดที่ร้องขึ้นมา "คลอดแล้วเป็นคุณหนู คลอดแล้วเจ้าค่ะ" สายรกถูกตัดออกพร้อมกับร่างของเด็กน้อยที่ถูกอุ้มไปชำระล้างร่างกายแล้วห่อในห่อผ้ามงคลสีแดง เด็กน้อยลืมตาขึ้นแล้วมีสีหน้าที่ดูค่อนข้าง งุนงง สีหน้านี้ทำให้หมอตำแยถึงกับมองด้วยความประหลาดใจเด็กคนนี้เกิดมาก็ลืมตาทันใด ดวงตากลมโตของนางยังกลอกไปมาแล้วจ้องมองใบหน้าหมอตำแยด้วยความสงสัย หมอตำแยถูกทารกแรกเกิดจ้องมองด้วยดวงตาใสแจ๋วก็รู้สึกใจไม่ดี มิหนำซ้ำเด็กน้อยยังไม่ร้องสักแอะหรือว่าจะมีสิ่งใดผิดปกติ อ้ะ หรือว่า...นางเป็นใบ้! ไม่ได้การแล้วต้องรีบทำให้ร้องไห้ให้เร็วที่สุด ในเมื่อเจ้าหัวไชเท้าขาวอวบที่เพิ่งดึงออกมาจากดินด้วยตนเองไม่ยอมส่งเสียง หมอตำแยจึงใช้ฝ่ามือฟาดที่ตูดไปสองที แต่เด็กน้อยยังมองตาแป๋วเหมือนไม่รู้สึกอันใด หมอตำแยเริ่มใจเสีย ฮูหยินคนนี้ไม่ได้รับความโปรดปรานหากว่าบุตรสาวที่คลอดมาเป็นใบ้ชีวิตที่เหลือของนางคงไม่พ้นถูกมอบหนังสือหย่าและจากนั้นไม่ต้องเอ่ยว่าจะมีชีวิตที่ยากลำบากเพียงใด ในขณะที่หมอตำแยกำลังตกอกตกใจ อ้ายอ้ายที่เพิ่งถือกำเนิดในร่างเด็กน้อยก็อยู่ในสภาวะงวยงงสงสัย ความตายสำหรับนางช่วงรวดเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน และการเกิดใหม่ก็เช่นเดียวกัน เผลอพริบตาเดียวก็ดูเหมือนว่าอ้ายอ้ายกำลังถูกผู้ใหญ่ตัวโต ๆ อุ้มเอาไว้แล้ว อ้ายอ้ายมองไปรอบ ๆ และนางก็มองเห็นไม่ค่อยชัด นางจึงพยายามโฟกัสไปที่การมองเห็น 'ในบันทึกไม่ได้มีบอกเอาไว้ว่าเด็กน้อยตาบอด ไม่นะ ฉันไม่น่าตาบอดหรอก ต้องไม่บอดสิ สวรรค์อย่าทำร้ายฉันนักเลย!' เพราะมัวแต่กังวลเรื่องดวงตาอ้ายอ้ายจึงเหม่อลอยไม่ยอมร้องไห้ จึงทำให้หมอตำแยยิ่งเข้าใจผิดว่าเด็กอาจเป็นใบ้ หมอตำแยจึงได้ลงมือตีก้นเด็กแรงขึ้น ด้วยความที่เนื้อยังอ่อนเกินไปเมื่อถูกฝ่ามือตีเข้าไปอย่างแรงคราวนี้อ้ายอ้ายก็รู้สึกเจ็บจนทนไม่ไหว "อุแว้ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ" คราวนี้อ้ายอ้ายร้องกังวานจนแสบแก้วหูไม่หยุดเพราะทั้งเจ็บที่โดนตีก้นและตกใจที่คิดว่าตัวเองอาจจตาบอด กระทั่งอ้ายอ้ายได้ยินเสียงของมารดาเอ่ยว่า "ปลอดภัยดีหรือไม่ ให้ข้าดูนางหน่อย บุตรสาวข้า" ดูเหมือนหมอตำแยจะพ่นลมหายใจด้วยความรู้สึกโล่งอก ตั้งแต่ทำคลอดเด็กมาตลอดชีวิตไม่เคยเห็นเด็กคนใดดื้อด้านไม่ยอมร้องไห้ออกมา และยังมีสีหน้าราวกับผู้ใหญ่เช่นนั้น "คุณหนูปลอดภัยดี ร้องเสียงดังเช่นนี้ย่อมบ่งบอกว่าสุขภาพแข็งแรง เห็นครรภ์ของฮูหยินเล็ก ๆ ตอนแรกยังเกรงว่าเด็กจะคลอดออกมาไม่สมบูรณ์ แต่ฮูหยินดูรูปร่างอ้วนท้วนนี่สิเจ้าคะ คุณหนูช่างเป็นซาลาเปาน้อยนุ่มฟูน่ารักยิ่งนักเจ้าค่ะ" หมอตำแยส่งอ้ายอ้ายให้มารดา มารดารับอ้ายอ้ายมาอุ้มเอาไว้พร้อมกับก้มหน้าต่ำลงมาจูบที่หน้าผากของอ้ายอ้าย เด็กน้อยหยุดร้องทันใดเมื่อเห็นใบหน้าของมารดาชัดเจน อ้ายอ้ายเหลือบตาขึ้นลงแล้วจ้องมารดาเขม็ง ไม่อ้าปากร้องอีกทำเอามารดาประหลาดใจกับท่าทางรู้ความของเด็กน้อย หมอตำแยปาดเหงื่อพร้อมกับเอ่ยว่า "คุณหนูช่างรู้ความนัก เพียงฮูหยินอุ้มก็หยุดร้องทันที ราวกับเด็กเจ็ดเดือนกระนั้นไม่เหมือนเด็กแรกคลอดเลยสักนิด" อ้ายอ้ายไม่ทันฟังคำของคนแก่คนนั้น เพราะตอนนี้อ้ายอ้ายกำลังสงสัยว่าทำไมเดี๋ยวเห็นชัดทำไมเดี๋ยวเห็นไม่ชัด 'เอ๋ ตอนหม่าม้าขยับหน้าเข้ามาใกล้ เห็นหม่าม้าชัดเจน ไม่ตาบอดหรือ' จากนั้นจึงคิดได้ว่า 'อ้อ เพิ่งคลอดออกมา เด็กจะมองเห็นไม่ชัดนอกจากจะมองใกล้ ๆ กว่าจะมองเห็นชัดก็น่าจะอีกหลายเดือน ไม่ตาบอดแล้ว ไม่ตาบอดแล้ว' อ้ายอ้ายก็พลันรู้สึกว่าตัวเองมีความสุขยิ่งนัก ดวงตากลมใสแจ๋วจ้องมองมารดา จากนั้นก็ส่งเสียงร้องอ้อแอ้และส่งรอยยิ้มออกมาเมื่อเห็นใบหน้าของนางชัดเจน มือเล็กป้อมยื่นมาข้างหน้าราวกลับจะคว้าใบหน้าของมารดาเอาไว้ ดูเป็นเจ้าก้อนแป้งน้อยที่กระตือรือร้นเกินเด็กแรกเกิดคนอื่น 'หม่าม้าจ๋า หม่าม้าสวยจังเลย มีหม่าม้าที่สวยแบบนี้อ้ายอ้ายก็คงไม่ขี้เหร่แล้ว' เพราะบุตรสาวเป็นทารกตัวน้อยจ้ำหม้ำอ้วนท้วนตัวขวบอวบ เวลาแย้มยิ้มแม้จะยังไม่มีฟันก็เหมือนเทพธิดาตัวน้อย พลอยทำให้หัวใจของเมิ่งสืออีพลันรู้สึกเหมือนดอกไม้ที่กำลังเบ่งบาน นางรู้สึกเหมือนตนเองเป็นผีเสื้อที่กำลังกระพือปีกบินวนอยู่บนดอกไม้ที่หอมกรุ่น "เด็กดี อีเจี่ยเอ๋อร์[1]ของแม่ ถึงคนอื่นจะไม่รักแต่แม่รักลูกที่สุดเลยรู้หรือไม่" น้ำตาของเมิ่งสืออีไหลออกเป็นทางยาวจากนั้นก็สะอื้น ในวันนี้ที่นางต้องทรมานเพราะคลอดบุตร นางกลับต้องอยู่เพียงลำพังโดยไร้เงาสามีมาคอยดูแล กระทั่งแม่สามีก็ยังไม่สนใจว่าหลานจะเป็นหญิงหรือชายจะคลอดออกมาปลอดภัยหรือไม่ แต่เมื่อได้ยินเสียงร้องไห้และเห็นรอยยิ้มไร้เดียงสาของลูกน้อยก็ดูเหมือนว่านางจะมีกำลังวังชาขึ้นมาโดยพลัน ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้าจะคลอดเจ้าก้อนแป้งนี้ออกมานางยังหวาดวิตกและเต็มไปด้วยความรู้สึกหดหู่จนรู้สึกว่าจิตใจกำลังร่วงดิ่งลงเหวอันมืดมิด เมื่อสองแม่ลูกปลอดภัยหน้าที่ของหมอตำแยก็เสร็จสิ้นลงแล้ว หญิงชราเดินออกไปข้างนอกกำชับไฉไฉสาวรับใช้ของฮูหยินซึ่งเป็นหลานสาวของตนเองในเรื่องการดูแลสตรีหลังคลอดหลายคำ "ขอบคุณท่านป้าเจ้าค่ะ หากไม่ได้ท่านป้าฮูหยินของข้าไม่รู้ว่าจะเป็นเช่นใด" สตรีสูงวัยเอ่ยว่า "ช่างเป็นฮูหยินที่น่าสงสารยิ่งนัก ข้าอยู่มาจนอายุเกือบจะหกสิบแล้วยังไม่เคยพบเห็นฮูหยินใหญ่บ้านใดตกต่ำเช่นนี้มาก่อน ฮูหยินของเจ้าทั้งงดงามทั้งอ่อนหวาน จิตใจดีงามเช่นนี้ไยพวกเขาจึงทำร้ายได้ลงคอ ดูเอาเถิดกระทั่งคุณหนูน้อยที่เพิ่งคลอดยังน่าเอ็นดูเพียงนั้น เฮ้ย เห็นทีว่าข้าต้องมองท่านแม่ทัพใหม่เสียแล้ว วันคลอดบุตรสาวคนแรกแท้ ๆ ยังขับไล่ฮู่หยินใหญ่ออกนอกจวนเพื่อเอาใจภรรยารอง ทั้งเหยียบย่ำคน จัดงานแต่งงานใหญ่เพื่อฮูหยินรองเพียงนี้" ไฉไฉเองก็น้ำตาซึม นางแทบจะกลั้นเสียงของตนเองไม่อยู่แล้วด้วยสงสารผู้เป็นนายของตนเอง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD