ตอนที่1 ผู้กองยอดชาย
หัวรถจักรเคลื่อนตัวเข้าชานชาลาช้าๆ กระทั่งจอดสนิทยังสถานีปลายทางในเวลาหนึ่งทุ่มเศษ ต้นทางจากสถานีรถไฟหัวลำโพงกรุงเทพมหานครเมืองฟ้าอมรมายังสถานีปลายทางจังหวัดติดแนวชายแดนลุ่มน้ำโขงแห่งนี้กินเวลานานนับสิบชั่วโมง ผู้โดยสารชายหญิงต่างพากันกุลีกุจอเก็บกระเป๋าสัมภาระที่ติดตัวมาหอบหิ้วขึ้นบ่า บางคนอุ้มลูกเล็กเด็กแดงจับไม้จูงมือกันเดินลงจากขบวนรถส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวมองดูแล้วชวนเวียนหัวพิลึก
ยอดชายคือหนึ่งในผู้โดยสารของการรถไฟแห่งประเทศไทยขบวนนี้ เขานั่งมองดูเพื่อนร่วมทางพากันทยอยเดินลงจากตู้รถไฟจนเกือบหมดเขาจึงลุกขึ้นยืนสะพายเป้ทหารใบใหญ่ขึ้นพาดบ่า พอลงจากขบวนรถกวาดสายตามองไปรอบๆ สถานีเห็นบรรดาคนขับรถจักรยานยนต์สามล้อรับจ้างพากันกวักมือร้องเรียกผู้โดยสารจ้าระหวั่น บางคนพูดด้วยภาษาของประเทศเพื่อนบ้านซึ่งเป็นบ้านพี่เมืองน้องของไทยมาช้านาน
“ไปไหนครับพี่มาทางนี้เลยครับเดี๋ยวผมไปส่ง” ชายขับรถจักรยานยนต์สามล้อรับจ้างผิวดำแดงรูปร่างผอมสูงเดินปรี่เข้ามาหายอดชายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ฉันจะไปอำเภอบุ่งคล้าช่วยพาไปที่ขนส่งหน่อยสิ คิดราคาเท่าไหร่ก็ว่ามา”
ยอดชายบอกจุดหมายปลายทางของเขา
“โอ้ มืดค่ำป่านนี้รถประจำทางไปบุ่งคล้าคงหมดแล้วล่ะครับพี่เที่ยวสุดท้ายออกไปตอนหกโมงเย็น ผมว่าทางที่ดีหาที่หลับที่นอนแถวนี้สักคืน วันพรุ่งนี้ผมจะพาไปส่งที่ขนส่งเอง” คนขับรถจักรยานยนต์สามล้อรับจ้างเจ้าถิ่นแนะนำ
“แย่จริง ฉันคิดว่าจะมาทันรถเที่ยวสุดท้ายซะอีก นี่ต้องเสียเวลาไปอีกคืน” ยอดชายแสดงสีหน้าผิดหวัง
“เอ่อจริงสิ แล้วพี่พอจะรู้จักคนขับรถลากซุงของโรงเลื่อยที่จะผ่านไปทางบุ่งคล้าบ้างไหม พาฉันไปส่งทางที่รถลากซุงพวกนั้นจะวิ่งผ่านก็ได้ฉันจะขอโบกรถไปเอง ให้สินจ้างรางวัลสักหน่อยคนพวกนั้นคงให้ฉันติดรถไปด้วยแน่”
“รู้จักน่ะก็พอจะรู้จักอยู่หรอกครับ แต่ผมว่านะมืดขนาดนี้คงหารถที่พี่บอกยาก เอาอย่างที่ผมบอกเถอะครับ เดินทางมาเหนื่อยๆ หาที่พักนอนออมแรงสักคืน พี่อยากได้ที่หลับที่นอนแบบไหนผมจัดให้ได้นะครับ เอาแบบที่นอนหลับพักผ่อนเฉยๆ หรืออยากได้แบบมีสาวๆ มาคอยนวดคอยเฟ้นให้หายปวดเมื่อยยังได้เลย ผมเกิดที่นี่รู้ทุกซอกทุกมุม” คนขับรถจักรยานยนต์สามล้อรับจ้างยิ้มกริ่ม
“น่าสนใจเหมือนกันนะ” ยอดชายเอ่ยขึ้นหลังจากเงียบไปเกือบนาทีเนื่องจากกำลังใช้ความคิด
“เอาวะ ไหนๆ ก็ตกรถแล้วหาอะไรทำคลายเครียดสักหน่อยก็ดี พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน งั้นพี่พาฉันไปโรงแรมที่ว่าหน่อยพูดถึงน้องๆ หนูๆ แล้วน้ำลายสอขึ้นมาเชียว”
“ต้องแบบนี้สิพี่เชิญตามผมมาทางนี้ครับพี่ รถผมจอดอยู่ทางนี้ รับรองเลยว่าที่ที่ผมจะพาไปมีแต่ตัวเด็ดๆ ทั้งนั้น แหมพูดแล้วก็น้ำลายสอเหมือนกัน ฮา ฮา นี่ถ้าไม่กลัวว่าอีแก่ที่บ้านมันจะเพ่นกระบาลเอาหัวร้างข้าแตกผมจะไปใช้บริการโรงแรมนั้นเหมือนกัน เมียผมมันก็โหดเกิ้น”
โชว์เฟอร์หัวเราะร่วนพลางพายอดชายไปยังรถจักรยานยนต์สามล้อของตนเองที่จอดอยู่หลังสถานี
“พี่มาเที่ยวหรือครับแต่งเนื้อแต่งตัวไม่เหมือนคนแถวนี้เลย”
“จะว่าแบบนั้นก็ไม่ผิด”
“ผมชื่อนาคนะ ขอโทษนะครับพี่เป็นทหารหรือเปล่าแต่งตัวเหมือนพวกทหาร รูปร่างกำยำแข็งแรงแถมยังหน้าตาหล่ออีกตะหาก หน้าตาแบบนี้คงเสน่ห์แรงไม่เบาเลยนะพี่มีสาวตามเป็นพรวนเลยสิ” ไอ้นาคหันมาคุยกับผู้โดยสารของมัน
“เคยเป็นน่ะ ยศร้อยเอกแต่ตอนนี้ฉันลาออกแล้ว เบื่อ”
อดีตร้อยเอกยอดชาย สีหะไพรีพินาศ นายทหารชั้นสัญญาบัตรแห่งกองทัพไทยกระตุกยิ้ม พลางหวนนึกไปถึงเรื่องราวในอดีตตอนที่เขารับราชการแล้วถูกส่งตัวไปสามจังหวัดชายแดนใต้ สองปีกว่าที่ชีวิตทุกวินาทีเสมือนถูกแขวนเอาไว้บนเส้นด้าย ต้องสูญเสียเพื่อนรักและลูกน้องฝีมือดีหลายคนให้กับเหตุการณ์ความไม่สงบในดินแดนแห่งนั้น
“เสียดายจังเลยนะครับถ้าไม่รีบลาออกซะก่อนโหงวเฮ้งแบบพี่ผมว่าต้องได้ยศนายพลแน่ ว่าแต่ยศร้อยเอกนี่เขาเรียกว่าผู้กองใช่ไหมครับ”
“อืม”
ยอดชายตอบกลับเพียงสั้นๆ เพราะเริ่มรู้สึกรำคาญไอ้นาคที่พูดมากเกินไป
“ถึงแล้วล่ะครับผู้กองโรงแรมที่ผมบอก ค่าโดยสารยี่สิบบาทครับ อยากได้สาวๆ รูปร่างหน้าตาแบบไหนผู้กองบอกผู้หญิงที่ยืนอยู่หน้าโรงแรมได้เลยรับรองเด็ด ไว้พรุ่งนี้สายๆ ผมจะแวะมารับไปส่งที่สถานีขนส่งนะครับ”
โรงแรมที่ไอ้นาคพายอดชายมาส่งเป็นโรงแรมระดับสองดาวเห็นจะได้ เป็นโรงแรมสองชั้นสร้างด้วยไม้ทั้งหลังสภาพกลางเก่ากลางใหม่ตั้งอยู่ถนนเลียบริมโขง ด้านหน้าโรงแรมถัดจากถนนเป็นแม่น้ำโขงกว้างใหญ่มองเห็นแสงไฟจากบ้านเรือนประชาชนของประเทศเพื่อนบ้านได้ชัดเจน ติดกับโรงแรมมีร้านเหล้ารวมไปถึงสถานบันเทิงหลายร้านเปิดให้บริการตลอดแนว แต่ละร้านล้วนคึกคักมีแขกมาใช้บริการดื่มกินเป็นจำนวนมากทั้งชาวไทยและต่างชาติ
“เอานี่ค่าโดยสาร พรุ่งนี้อย่าลืมมารับฉันล่ะ” ยอดชายควักเงินส่งให้ไอ้นาค
“ไม่ลืมแน่นอนครับ ขอบคุณครับผู้กองคืนนี้ขอให้มีความสุขนะครับ”
ไอ้นาคยิ้มล้อเลียนแล้วขี่รถออกไป