(เพ้นท์)
“คุณเพ้นท์ฉันไม่ตลกด้วยนะคะ”
แกร็ด! ผมวางปากกาในมือลงทันทีเมื่อได้ยินเรนนี่พูดออกมาแบบนั้น ผมรู้ว่าผมเองก็บ้าที่ไปขอให้เลขาตัวเองทำอะไรแบบนั้นแต่ว่าผมเกิด 31 ปีก็อยากลองมีความสัมพันธ์ทางร่างกายดูบ้างไง แต่ว่าไม่มีใครที่ผมจะสามารถไว้ใจได้นอกจากเธอเรนนี่...
เรนนี่ที่ทำงานกับผมมาตั้งแต่เธอเรียนจบและตอนนี้ผมก็เองก็เป็นเพียงรองประธานที่ต้องศึกษางานในบริษัททั้งหมดแค่นั้น แต่เธอก็ยังมั่นใจและตั้งใจทำงานกับผมมาตลอดจนตอนนี้ผมได้เป็นประธานบริษัทเต็มตัวแล้ว
“หน้าผมเหมือนคนกำลังพูดเล่นเหรอ?” ผมพูดและจ้องมองเรนนี่ที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานของผม
“คุณไม่เคย...โอเค! ฉันเข้าใจเรื่องคุณไม่มีแฟนหรือคนรักค่ะเพราะคุณเอาแต่ทำงานและทำงานมาตลอดตั้งแต่เราเจอกัน แต่ว่า...ความสัมพันธ์ทางร่างกายก็ไม่เคยเหรอคะ?” เรนนี่จ้องมองผมจนทำให้ผมรู้สึกเกร็งแบบสุด ๆ ไปเลย
“อืม แล้วทำไมละทีคุณยังไม่เคยเลยนิ” ผมย้อนกลับ
“ฉันเป็นผู้หญิงนิคะก็ไม่เห็นแปลกเลยแต่คุณเพ้นท์ออกไปกินเหล้า เที่ยวกลางคืน แถมยังควงผู้หญิงตลอดมันเชื่อยากนิคะ” ออกไปกินเหล้าแล้วไง ควงผู้หญิงแล้วไงแต่ผู้หญิงพวกนั้นผมไม่เคยไปยุ่งด้วยเลยมากสุดก็กอดเอว ไม่เคยจูบและล้วงอะไรทั้งนั้น
“ผู้ชายก็รักนวลสงวนตัวได้เหมือนกันนะคุณ”
“แล้วทำไมตอนนี้ไม่รักนวลสงวนตัวแล้วละคะ แถมยังมาเสนอให้ฉันที่เป็นเลขาอีกอยากมองหน้ากันไม่ติดเหรอคะ?” มันคงไม่ขนาดนั้นหรอกมั้ง
“ไม่นิ” ผมตอบสั้น
“ทำไมถึงคิดแบบนั้นละคะ?”เธอถามผม
“เพราะว่าความสัมพันธ์ของเราคือ Friend with benefit”
“ไอ้ที่เป็นมากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟนและไม่ผูกพันธ์ทางความรู้สึกน่ะเหรอคะ?” เธอถามย้อนกลับ
“ทำไมรู้เรื่องนี้ดีจัง?”
“สมัยนี้ความสัมพันธ์แบบนั้นมันเยอะนิคะทั้งวันไนท์สแตนอะไรนั่นอีก ถ้าคุณแค่อยากลองมีเซ็กส์ก็แค่หาผู้หญิงสักคน...”
“ถ้ามันง่ายขนาดนั้นผมก็คงไม่เลือกคุณหรอกนะเรนนี่” ผมบอกกับเธอ
“แล้วทำไมต้องเป็นฉันด้วยละคะ?” เรนนี่ก็คือเรนนี่ทุกอย่างต้องมีเหตุผลเสมอ
“เพราะผม...ไม่ไว้ใจคนอื่นไง”
“...” กึก!! เรนนี่ชะงักไปผมเลยพูดต่อเลยถ้าเธอไม่โอเคผมก็จะไม่บังคับอะไรทั้งนั้น ส่วนผมก็คงจะต้องมองหาผู้หญิงคนอื่นดู
“ผมไม่ได้บังคับคุณหรอกนะ ที่ผมถามคุณเพราะเผื่อว่าคุณจะคิดเหมือนกันแค่นั้นเอง”
“ฉันว่าเรา...ค่อยคุยเรื่องนี้กันใหม่เถอะค่ะ”
“เรน...”
ปัง!!
แม่งเอ๊ยย!!
เพี๊ยะ!! ผมเอามือตีปากตัวเองอย่างแรงเมื่อแม่งไม่ดีพูดอะไรออกไปแบบนั้น ตอนนี้เรนนี่จะโกรธผมไหมนะเล่นปิดประตูซะแรงขนาดนั้น ก็นะเรนนี่ทั้งเรียบร้อยและไม่เคยผผ่านอะไรแบบนั้นมาแต่ผมกลับไปขอให้เธอเป็น Friend with benefit ให้ผมหน่อย แม้ว่าเธอจะเป็นลูกน้องของผมแต่ผมก็ไม่ควรพูดแบบนั้นกับเธอเลย
“เฮ้ออออ!!ไอ้เพ้นท์เอ๊ย!!”
ยอมรับว่าที่ทำและพูดออกไปมีสติ...สติเหี้ยไรล่ะ?!
เพราะเพื่อนแม่งทิ้งไปมีเมียมีลูกหมดนั่นแหละเลยทำให้ผมพูดและทำอะไรแบบนั้นออกไป
“อ๊ากกกกกกกกก!!ไอ้เพ้นท์!!”
“เรนนี่จะโกรธไหมวะ?”
“เฮ้ออออ~”
ผมไม่เคยลองความสัมพันธ์รูปไหนกับผู้หญิงมาก่อนเพราะเรื่องในอดีตที่มันฝั่งอยู่ในใจ แต่พอเห็นเพื่อนกำลังมีความสุขกับชีวิตครอบครัวผมเองก็เริ่มเหงาและอยากลองมีใครขึ้นมาบ้าง แต่ก็ยังกลัวเรื่องความเจ็บปวดอยู่ดีเพราะงั้น Friend with benefit จึงน่าจะเหมาะกับผมที่สุดแล้ว ทำทุกอย่างเหมือนแฟนแต่ไม่ใช่แฟน ไม่ต้องเจ็บปวดถ้าไม่ชอบก็แค่หยุดมันซะแค่นั้นเอง
ส่วนที่ว่าทำไมต้องเป็นเธอ...เรนนี่
ก็อย่างที่บอก...ผมไม่เชื่อใจใครนอกจากเธอและผมก็รอบตัวของผมไม่มีผู้หญิงคนไหนนอกจากเธอด้วย ผู้หญิงหาง่ายก็จริงแต่ผมไม่ชอบมั่วเลยไม่เอาผู้หญิงพวกนั้นมาเป็นตัวเลือกฟังดูเหมือนแย่แต่ที่ผมเลือกเรนนี่ก็เพราะเธอไม่มีผ่านอะไรมาเหมือนกัน
“โอ๊ยยยย!!ช่างแม่งแล้ว!!ค่อยขอโทษทีหลังแล้วกัน” ผมบอกกับตัวเองก่อนจะเก็บข้าวของเพื่อกลับคอนโดเหมือนกัน ซึ่งเรนนี่ก็อยู่ห้องใกล้ผมเพราะมันเป็นสวัสดิการที่ผมให้เธอเอง งานผมเยอะมากเพราะงั้นเราต้องเอาตัวเธอมาอยู่ใกล้ ๆ เพื่อจะได้ทำงานได้สะดวกขึ้น ใช่สะดวก...แต่ตอนนี้เรนนี่คงไม่สะดวกกับผมเท่าไหร่แล้วแหละเพราะสิ่งที่ผมพูดออกไป
“ชวนไอ้เคนไปกินเหล้าดีกว่า...” กึก!! แต่มือที่กำลังกดโทรศัพท์ก็ต้องชะงักไปเพราะว่าตอนนี้มันกำลังไปฮันนีมูนกับเมียเด็กของมัน ส่วนไอ้เปลวก็กำลังเลี้ยงลูกอีก แม่งเอ๊ย!!
เหงาฉิบหาย...
แต่ก็ไม่ได้อยากมีใครไง...
“เกิดเป็นไอ้เพ้นท์มันรันทดจริง ๆ เลยเว้ย!!”