“พ่อทำยังไงดีจ๊ะ พี่ทิพย์ไม่รับสายเลยจ้ะ”
นวลลออละล่ำละลักบอกบิดาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก นิ้วเรียวก็ยังจิ้มโทรออกหาพี่สาวอย่างต่อเนื่อง
“แล้วแกรู้ไหมนวลว่าพี่ทิพย์ไปไหน”
นวลลออชะงัก คำสนทนาของพี่สาวกับผู้จัดการส่วนตัวในวันนั้นดังลั่นขึ้นมาในหัว
“นวล...ไม่แน่ใจ...”
วินัยได้ยินลูกสาวคนเล็กพูดแบบนี้ก็รีบตรงปรี่เข้ามาหา เขาเขย่าร่างเล็กแรงๆ
“แกพูดแบบนี้แสดงว่าแกรู้น่ะสิว่าลูกทิพย์อยู่ที่ไหน”
“คือนวล...ไม่แน่ใจว่าจะใช่อย่างที่นวลคิดหรือเปล่าน่ะจ้ะพ่อ”
“มึงก็บอกมาสิว่าที่ไหน?!”
หล่อนมองสีหน้าเดือดดาลของบิดาด้วยความตกใจ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่บิดาแสดงออกว่ารักทิพย์เกสรมากกว่าหล่อน แต่มันเกิดขึ้นมาตั้งแต่หล่อนจำความได้แล้ว หล่อนชาชินและพยายามที่จะไม่คิดน้อยใจอะไร แต่หลายครั้งก็ห้ามหยาดน้ำตาไม่เคยได้
“พี่ทิพย์น่าจะไปกับพี่มอลลี่ค่ะ”
“ไปไหน!”
“เอ่อ นวลได้ยินพี่ทิพย์คุยกับพี่มอลลี่เมื่ออาทิตย์ก่อนเรื่องเดินแบบที่ต่างประเทศจ้ะ”
ฝ่ามือของวินัยที่ตะปบไหล่ของลูกสาวคนเล็กเอาไว้ร่วงลงข้างลำตัว สีหน้าเต็มไปด้วยความผิดหวัง
“นี่มันไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหม...ลูกทิพย์จะไม่ทำให้พ่อกับแม่ขายหน้าใช่ไหมลูก...”
นวลลออมองบิดาอย่างสงสาร
“แล้วนี่จะแก้ปัญหายังไง เจ้าสาวหนีไปแบบนี้ คุณมิกจะต้องโกรธมากแน่ๆ แล้วไหนจะสินสอดที่รับมาก่อนหน้านี้อีก”
“นวลว่า...เราไปสารภาพความจริงกับทางคุณมิกดีกว่านะจ๊ะพ่อ อย่างน้อยๆ จะได้ยุติงานทัน”
“แกจะบ้าหรือไงนังนวล!”
คนถูกตวาดสะดุ้งโหยงตกใจ
“ถ้าทำแบบนั้น เราก็ต้องคืนสินสอดเขาไปน่ะสิ”
“เราคืนไปเถอะพ่อ จะได้จบเรื่อง ไม่อย่างนั้นน่าจะเกิดเรื่องใหญ่แน่ๆ”
วินัยเดินกลับไปกลับมาอย่างใช้ความคิด ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่วันนาวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหาพอดี
“เป็นไงบ้างคุณ เจอยัยทิพย์ไหม”
“นังนวลบอกว่ามันน่าจะหนีไปเดินแบบที่ต่างประเทศน่ะ” คนเป็นพ่อเครียดจนหน้าตาแดงก่ำ
“ตายแล้ว...แล้วแบบนี้จะทำยังไงดีคะ ยัยทิพย์นะยัยทิพย์ ไม่อยากแต่งทำไมไม่บอกดีๆ ทำไมถึงก่อเรื่องแบบนี้”
“ต้องโทษลูกสาวคนโปรดของเธอนั่นแหละวันนา รู้เรื่องมาก่อนแต่ไม่ยอมบอกพวกเรา” วินัยหันไปจ้องหน้าลูกสาวคนเล็กอย่างโกรธเคือง นวลลออก้มหน้าน้ำตาซึม
“นวลขอโทษค่ะพ่อ แต่พี่ทิพย์สัญญากับนวลแล้วว่าจะไม่ไป”
“แล้วเป็นไงล่ะ มันไปไหม มันก็หนีงานแต่งไป แล้วทีนี้ทำไงล่ะ พวกเราก็จะถูกจับเข้าซังเตน่ะสิ” วินัยตวาดลั่น ทั้งโกรธทั้งเครียดจนควบคุมตัวเองไม่ได้
“พอเถอะคุณ อย่าไปว่านวลมันเลย คนผิดคือยัยทิพย์ต่างหาก”
วันนาพูดทั้งน้ำตา ก่อนจะหมุนตัวเพื่อเดินกลับเข้าไปในคฤหาสน์หลังงาม
“แม่จะไปไหนจ๊ะ”
วันนาหยุดเดิน หันมาหาลูกสาวคนเล็ก “แม่จะไปสารภาพความจริงกับคุณมิกน่ะ จะได้ยุติงานได้ก่อนที่เพื่อนๆ ของคุณมิกจะมากันครบ”
“ไม่ได้เชียวนะ!” วินัยรีบเดินมาดักหน้าวันนาเอาไว้
“ทำไมล่ะคะคุณ ยิ่งช้ามันก็จะยิ่งเสียหายนะคะ”
“ถ้ายกเลิกงานแต่ง สินสอดทั้งหมดที่เรารับมาก็ต้องส่งคืนน่ะสิ เธอก็รู้ว่าฉันใช้ไปบางส่วนแล้ว” คนพูดเต็มไปด้วยความตระหนี่
“เราก็คืนส่วนที่เหลือไปก่อนก็ได้ค่ะ ที่เหลือค่อยหาทางส่งคืนอีกที”
“ไม่ได้ ยังไงฉันก็ไม่ยอม”
“คุณพี่...?!” วันนามองสามีอย่างตกใจ “นี่คุณพี่หมายถึง...”
“แก้ผ้าเอาหน้ารอดไปก่อน ให้งานวันนี้เดินต่อไปได้ พอจบงานแล้วค่อยจัดการแก้ไขทีหลัง”
“แล้วเราจะไปหาเจ้าสาวที่ไหนแทนยัยทิพย์ล่ะคะ” วันนาถามสามีอย่างไม่เห็นด้วย
“ก็ลูกสาวคนโปรดของเธอไงล่ะ”
วันนาหันมองลูกสาวคนเล็กอย่างตกใจ
นวลลออเองก็ตกใจไม่แพ้มารดา
“ไม่นะคะพ่อ...”
“นั่นสิคะคุณ มันจะเป็นไปได้ยังไง คุณมิกรักอยู่กับยัยทิพย์ แล้วจะให้มาเปลี่ยนตัวเจ้าสาวเป็นยัยนวลได้ยังไงกัน”
“ได้สิ ฉันทำได้แน่นอน”
นวลลออส่ายหน้าน้ำตารื้นทั้งสองข้าง “นวลทำไม่ได้หรอกค่ะพ่อ เราก็แค่เดินไปบอกฝ่ายนู้นว่าพี่ทิพย์หายไป แค่นี้ก็จบแล้วนะคะ”
“แกต้องทำ เพราะนี่มันคือความต้องการของฉัน นวลลออ”
โดมินิกระบายยิ้มกว้าง เมื่อคนรักที่สวมชุดเจ้าสาวฟูฟ่องเดินตรงเข้ามาหา ใบหน้างดงามของเจ้าหล่อนถูกผ้าคลุมสีขาวสะอาดปิดเอาไว้ แต่กระนั้นเขาก็สามารถมองเห็นความสวยสะพรั่งของหล่อนได้อย่างชัดเจน
“ทิพย์...”
มือเล็กสีขาวสะอาดถูกยื่นมาตรงหน้า เขากุมเอาไว้ และยกขึ้นมาจูบแผ่วเบา กลิ่นหอมจากหลังมือนุ่มทำให้เขารู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เมื่อมันต่างออกไปจากทุกครั้ง
บาทหลวงสั่งให้เขากับเจ้าสาวกล่าวคำสัตย์ปฏิญาณต่อกัน และสั่งให้แลกแหวนแต่งงาน
นิ้วเรียวที่เคยพอดีกับแหวนตอนนี้ค่อนข้างคับแน่น แต่ก็ยังสามารถดันแหวนขึ้นไปอยู่ที่โคนนิ้วนางข้างซ้ายได้สำเร็จ จากนั้นบาทหลวงก็สั่งให้เขาจูบเจ้าสาว ซึ่งแน่นอนว่ามีเสียงเชียร์จากบรรดาเพื่อนสนิทและญาติผู้หญิงที่มาร่วมงานเพียงไม่กี่คนดังลั่นขึ้น
เขาระบายยิ้มพึงพอใจ ดึงร่างอรชรเข้ามาสวมกอด เจ้าหล่อนอวบอัดขึ้น ไม่ผอมบางอย่างทุกครั้งที่เคยสัมผัส ทำไมวันนี้ทิพย์เกสรเปลี่ยนแปลงไปเยอะจัง แต่ก็ช่างเถอะ เพราะจริงๆ แล้วเขาชอบผู้หญิงมีเนื้อมีหนังมากกว่าหุ่นผอมบางอย่างนางแบบมากกว่า