ห้าวันต่อมา...งานแต่งงานระหว่างทิพย์เกสรกับโดมินิกก็ถูกจัดขึ้นเงียบๆ ที่คฤหาสน์หรูของชายหนุ่ม
โดมินิกในชุดเจ้าบ่าวสีขาวหล่อเหลาสะอาดตา ใบหน้าของเขายิ้มแย้มแจ่มใสเต็มไปด้วยความสุข
นวลลออลอบมองเสี้ยวหน้าของผู้ชายที่กำลังจะมาเป็นพี่เขยของตัวเองตามกฎหมายด้วยความยินดี แม้หล่อนจะรู้สึกดีๆ กับเขา แต่หล่อนยินดีกับเขาและทิพย์เกสรเสมอ
สุขใจแค่ได้เห็นว่าคนที่รักมีความสุข...
“นวล...”
คนที่แอบมองหน้าเจ้าบ่าวอยู่สะดุ้งเมื่อถูกเรียกจากทางด้านหลัง หล่อนรีบหันไปมอง
“คะแม่?”
สีหน้าของมารดาตื่นตระหนกขณะเดินเข้ามาหาหล่อน
“มีอะไรเหรอคะแม่”
“เกิดเรื่องใหญ่แล้ว” วันนากระซิบกระซาบข้างหูของลูกสาวคนเล็กด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกไม่แพ้ใบหน้า “แม่หาทิพย์ไม่เจอ”
คราวนี้หล่อนเองก็ตกใจไม่แพ้มารดา เรื่องราวที่เคยได้ยินพี่สาวคุยกับผู้จัดการส่วนตัวทางโทรศัพท์กลับเข้ามาในสมองอีกครั้ง แต่ก็พยายามคิดในแง่ดีว่าพี่สาวจะไม่มีวันทำแบบนั้นเด็ดขาด
“แม่หาทั่วหรือยังคะ พี่ทิพย์อาจจะไปเข้าห้องน้ำก็ได้”
“แม่หาทั่วทั้งห้องทั่วทั้งบ้านแล้วนวล แต่ไม่เจอทิพย์เลย ไม่รู้ทิพย์หายไปไหน”
ตอนนี้ใจคอหล่อนก็เริ่มไม่ค่อยดีเสียแล้ว หล่อนหันไปมองโดมินิกที่กำลังคุยกับเพื่อนฝูงอย่างสนุกสนานอย่างเป็นกังวลใจ ก่อนจะดึงแขนมารดาเดินห่างออกมา
“แม่อย่าเพิ่งตกใจนะจ๊ะ นวลคิดว่าพี่ทิพย์คงอยู่แถวๆ นี้แหละจ้ะ” หญิงสาวหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาต่อสายหาพี่สาวของตัวเองแต่ไม่มีคนรับ
“แม่กับพ่อโทรหาตั้งหลายรอบแล้วแต่ไม่มีคนรับเลย”
“เอ่อ พี่ทิพย์อาจจะไม่ได้อยู่กับมือถือก็ได้นะแม่” หล่อนพยายามคิดในแง่ดี
“แล้วเราจะทำยังไงดีล่ะนวล อีกไม่ถึงสิบนาทีก็จะได้เวลาไหว้ผู้หลักผู้ใหญ่แล้วนะ”
“งั้นแม่รออยู่แถวนี้ก่อนนะจ๊ะ เดี๋ยวนวลไปช่วยพ่อตามหาพี่ทิพย์อีกคน”
สีหน้าของแม่ซีดเซียวจนน่าตกใจ จนนวลลออต้องรีบปลอบใจท่านด้วยความเป็นห่วง “แม่ไม่ต้องกังวลนะจ๊ะ เดี๋ยวนวลจะกลับมาพร้อมกับพี่ทิพย์ค่ะ”
แววตาของแม่มีความหวังขึ้น หล่อนยิ้มให้ท่านอีกครั้ง ก่อนจะเดินจากไปด้วยความรีบร้อน ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกับที่โดมินิกเดินเข้ามาหาวันนาพอดี
“คุณแม่ครับ ทิพย์ยังแต่งตัวไม่เสร็จอีกหรือครับ”
“เอ่อ...” วันนาพูดไม่ออก
โดมินิกยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมองเวลา ก่อนจะพูดขึ้น “งั้นเดี๋ยวผมขออนุญาตขึ้นไปตามทิพย์บนห้องแต่งตัวนะครับ”
“เอ่อ...อย่าค่ะ...”
โดมินิกมองหน้าวันนาอย่างแปลกใจ “มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“อ๋อ...เดี๋ยวแม่ไปตามเอง คุณมิกรออยู่ในงานเถอะนะคะ”
โดมินิกอมยิ้มน้อยๆ พลางตอบตกลงตามใจว่าที่แม่ยาย “เอาอย่างนั้นหรือครับ”
“ค่ะ เอาอย่างนี้แหละค่ะ”
“งั้นผมขอตัวไปหาคุณพ่อคุณแม่ก่อนนะครับ ถ้าทิพย์เสร็จแล้วให้ตามไปหาผมนะครับ”
“ได้...ได้เลยค่ะคุณมิก” วันนาลอบเป่าลมออกจากปากด้วยความ โล่งอก เมื่อร่างสูงใหญ่ในชุดเจ้าบ่าวของโดมินิกเดินจากไป “แม่ทิพย์...หายไปไหนกันนะ”
ทิพย์เกสรหยุดก้าวเท้า เมื่อโทรศัพท์มือถือในอุ้งมือสั่นอีกครั้ง หล่อนมองเบอร์ที่โทรเข้ามาอย่างไม่สบายใจ และคิดว่าตัวเองตัดสินใจถูกแล้วใช่ไหมที่เลือกทางนี้
มอลลี่ที่เดินนำหน้าอยู่รู้ว่าทิพย์เกสรไม่ได้เดินตามมา จึงรีบเดินกลับไปคว้าแขนเรียวและรีบกดดัน
“จะกลับไปแต่งงานก็ได้นะ แต่หล่อนจะไม่มีวันได้ก้าวไปไกลอย่างที่ฝันเอาไว้อีกแล้ว”
“พี่มอลลี่...ทิพย์ควรจะบอกแม่ก่อนดีไหมคะ”
“ถ้าบอก แล้วหล่อนจะได้มาเหรอยะ”
“แต่ตอนนี้ทุกคนน่าจะกำลังตามหาตัวทิพย์ แล้วคุณมิกก็คงจะต้องเดือดร้อนเพราะทิพย์”
“งานแต่งน่ะยกเลิกแล้วก็กลับมาแต่งใหม่ได้ ส่วนงานเดินแบบครั้งนี้น่ะ พลาดแล้วพลาดเลยนะยะจะบอกให้”
แม้มอลลี่จะชี้นำให้มองถึงความแตกต่างของสองทางเลือกยังไง แต่สีหน้าของทิพย์เกสรก็ยังคงเต็มไปด้วยความเป็นกังวล
“แต่ทิพย์กลัวว่าคุณมิกจะเกลียดทิพย์”
“โอ๊ย...เขาจะมาเกลียดหล่อนได้ยังไงกันยะ ในเมื่อหล่อนทิ้งจดหมายใส่ไฟน้องสาวเอาไว้ซะขนาดนั้น หรือว่าไม่จริง”
ทิพย์เกสรนิ่งอึ้งไป มอลลี่จึงพูด
“ในเมื่อตัดสินใจแล้วก็เดินไปให้สุดทางเถอะ พอหล่อนได้เป็นนางแบบชื่อก้องโลกแล้ว ก็จะมีผู้ชายมาให้เลือกเพียบ ไม่เห็นต้องไปสนใจนายโดมินิกอะไรนี่เลย”
“แต่ทิพย์รักคุณมิกนี่คะ”
“ความรักกับชื่อเสียงลาภยศ เลือกเอาว่าจะเอาอะไร ฉันไปละ”
มอลลี่ทิ้งท้ายเสียงห้วน ก่อนจะตัดสินใจเดินนำหน้าเข้าไปภายในห้องของผู้โดยสารขาออก
ทิพย์เกสรยืนตัดสินใจอยู่ไม่กี่วินาทีก็ก้าวเท้าเดินตามมอลลี่เข้ามาติดๆ
“ตัดสินใจดีแล้วใช่ไหมยะ”
“ทิพย์ตัดสินใจดีแล้วค่ะ ทิพย์จะต้องเดินตามความฝันเสียก่อน จากนั้นค่อยกลับมาหาคุณมิก”
มอลลี่ฉีกยิ้มกว้าง “มันต้องได้แบบนี้สิ ถึงจะเป็นนางแบบดังสังกัดเจ๊มอลลี่ได้”