“คิดได้อย่างนั้นก็ดีแล้ว เพราะฉันก็จะไม่มีวันยอมให้แกแย่งอะไรไปจากฉันได้ แม้แต่ชิ้นเดียว”
“แม่ทิพย์พอเสียทีเถอะ ไม่สงสารน้องมันบ้างหรือไง”
“แม่ก็ดีแต่เข้าข้างมันนั่นแหละ คอยดูเถอะ ถ้าวันไหนมันแย่งของของทิพย์ มันจะต้องตาย”
“แม่ทิพย์!”
ทิพย์เกสรไม่สนใจน้ำเสียงไม่พอใจของมารดา หล่อนสะบัดหน้าและเดินกระแทกเท้าหายเข้าไปในห้องนอนของตัวเองทันที
วันนาส่ายหน้าน้อยๆ ด้วยความอ่อนอกอ่อนใจ ก่อนจะหันมาถามไถ่ลูกสาวคนเล็กอย่างเป็นห่วง
“เป็นยังไงบ้างนวล”
“นวล...ไม่เป็นไรหรอกจ้ะแม่” นวลลออฝืนยิ้มให้มารดา ขณะถอยหลังกลับเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง วันนาก้าวตามเข้าไป พร้อมกับดึงประตูให้ปิดสนิทลง
“แม่ผิดเองที่ห้ามปรามอะไรพี่สาวของนวลไม่ได้เลย เมื่อก่อนว่านิสัยแย่แล้ว พอมาเป็นนางแบบดังก็ยิ่งร้ายกาจจนน่ากลัว แม่ว่าให้พี่เค้าแต่งงานออกไปน่ะดีแล้ว นวลจะได้มีความสุขเสียที”
นวลลออไม่อยากให้แม่ไม่สบายใจ หล่อนจึงฝืนยิ้มออกมาอีก
“นวลไม่เป็นไรจริงๆ จ้ะแม่”
วันนามองลูกสาวคนเล็กด้วยความสงสาร นี่หล่อนจะจัดการยังไงดีกับนิสัยแย่ๆ ของทิพย์เกสร “เดี๋ยวแม่ออกไปเอาน้ำแข็งมาให้ประคบนะนวล”
“นวลไม่เป็นอะไรมากหรอกจ้ะแม่ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็คงหายแดงแล้วล่ะจ้ะ” หญิงสาวฝืนยิ้ม และยกมือขึ้นลูบแก้มข้างที่ยังเจ็บระบมอยู่ของตัวเองไปมา ทำเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไร
“ไม่เป็นไรได้ยังไงกันล่ะนวล เดี๋ยวพรุ่งนี้บวมเป่งจะทำยังไง รอแม่แป๊บนะ”
นวลลออเกรงใจมารดา กำลังจะเรียกเอาไว้ แต่ท่านเดินหายออกไปจากห้องเสียแล้ว
ใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มปั้นแต่งค่อยๆ เปลี่ยนแปลงเป็นเศร้าหมอง หยาดน้ำตาค่อยๆ รินออกมาตามร่องแก้ม
“นวลไม่เคยคิดจะแย่งของของพี่ทิพย์เลย...เมื่อไหร่พี่ทิพย์จะเข้าใจสักทีนะ”
โดมินิกส่งกระเป๋าโน้ตบุ๊กให้สาวใช้หน้าตาสะสวยที่มายืนรอรับอยู่ข้างตัวรถ และก็อดที่จะเอ่ยทักทายตามมารยาทไม่ได้
“สวัสดีตอนเย็นลัลดา สวยขึ้นนะเราน่ะ”
คนถูกชมระบายยิ้มขัดเขิน แก้มนวลแดงระเรื่อราวกับผลของลูกตำลึงตอนสุกงอม ดวงตาของหญิงสาวทอประกายสดใส ก่อนที่กลีบปากอิ่มสีเชอร์รีแดงฉ่ำจะคลี่กว้างออกน้อยๆ
“ขอบคุณค่ะคุณมิก”
หนุ่มหล่อทายาทลำดับที่สามของมาเลซาสโซอมยิ้มน้อยๆ ยกมือขึ้นลูบศีรษะของสาวใช้คนสวยอย่างเอ็นดู เขาเห็นลัลดามาตั้งแต่เด็ก กี่ปีแล้วนะที่ลัลดามาอยู่ในบ้านของเขาในฐานะหญิงรับใช้ สิบห้าปี...อาจจะไม่ใช่ น่าจะสิบหกสิบเจ็ดปี หรือมากกว่านั้น
“ปีนี้เธออายุเท่าไหร่แล้วนะลัลดา”
“เอ่อ ย่างสิบเก้าแล้วค่ะคุณมิก”
ชายหนุ่มหัวเราะออกมา “ฉันก็คิดมาตลอดเลยว่าเธอเพิ่งสิบห้าสิบหก ที่ไหนได้จวนจะยี่สิบแล้ว เป็นสาวเต็มตัวแล้วนี่เราน่ะ”
ลัลดาระบายยิ้มขัดเขิน แม้หล่อนจะไม่ได้ชื่นชอบในตัวของโดมินิกแบบชู้สาว แต่การยืนคุยกับผู้ชายที่หน้าตาหล่อเหลายิ่งกว่าเทพบุตร มันก็อดทำให้หวั่นไหวไม่ได้
“อีกปีหนึ่งแน่ะค่ะกว่าจะครบยี่สิบ ตอนนี้ย่างสิบเก้าค่ะ”
“นั่นแหละ อีกปีเดี๋ยวเอง...ว่าแต่ตอนนี้มีแฟนหรือยังล่ะ”
โดมินิกถามไปอย่างนั้นแหละ เพราะต้องการชวนคุยเฉยๆ แต่นั่นกลับทำให้คนถูกถามหน้าตาแดงก่ำยิ่งกว่าเดิม จนคนถามต้องหรี่ตาแคบมองอย่างสงสัย
“หน้าตาแดงก่ำแบบนี้ แสดงว่ามีคนรักแล้วสินะ ใช่ไหม”
“เอ่อ...ไม่...ไม่ใช่หรอกค่ะ”
“ฉันไม่เชื่อหรอก”
โดมินิกหัวเราะร่วน ขณะก้าวเท้าเดินออกจากรถมุ่งหน้าไปยังตัวตึกใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปจากโรงเก็บรถเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“จริงๆ นะคะคุณมิก ลัล...ไม่มีแฟนจริงๆ ค่ะ”
“ฉันไม่เชื่อ...”
สองหนุ่มสาวหัวเราะร่วน โต้เถียงกันอย่างสนุกสนาน และนั่นก็ทำให้ใครบางคนไม่พอใจ
“ใครอนุญาตให้เธอมาเดินต่อล้อต่อเถียงกับเจ้านายแบบนี้ ลัลดา”
เสียงกระด้าง ดุดัน และเต็มไปด้วยความเกลียดชังที่ดังขึ้นด้านหลัง ทำให้ลัลดาชะงักเท้า ตัวสั่นเทา และไม่กล้าแม้แต่จะหมุนตัวหันกลับไปมอง เป็นโดมินิกเองที่เป็นฝ่ายหันไปมอง
“สวัสดีครับพี่ไมค์”
เมสัน มาเลซาสโซ คุณชายที่สองของคฤหาสน์หลังนี้ เขาเป็นนายแพทย์ผู้หล่อเหลา และควบตำแหน่งเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนที่มีสาขามากมายในเมืองไทยเอาไว้ด้วยในเวลาเดียวกัน
“สวัสดีมิก เพิ่งกลับมาหรือ”
“สักพักแล้วครับพี่ไมค์ นี่ก็กำลังจะเข้าบ้านพอดี”
“ก็ถ้าไม่มัวแต่ยืนหยอดคนใช้ นายก็คงขึ้นไปนอนแช่น้ำอุ่นในอ่างแล้วล่ะมั้ง”
แม้จะยืนหันหลังและก้มหน้าลงมองปลายเท้าของตัวเอง แต่กระนั้นลัลดาก็รู้ดีว่าตัวเองกำลังถูกเหน็บแนม หล่อนไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเมสันถึงได้จงเกลียดจงชังหล่อนนัก หล่อนทำอะไรผิดกันแน่ เขาถึงได้หาเรื่องเสมอเวลาที่เจอหน้า
“พี่ไมค์ก็พูดเข้า...” โดมินิกหัวเราะเบาๆ
“หรือว่าไม่จริงล่ะ”
น้ำเสียงดุดันของพี่ชายคนรองทำให้โดมินิกแปลกใจ แต่เขาก็เลือกที่จะไม่ถามออกไป เปลี่ยนเป็นชวนเข้าบ้านแทน
“งั้นเราเข้าบ้านกันเถอะครับ”
“นายไปก่อนเถอะ พี่ยังไม่เข้าหรอก”
คนเป็นน้องชายไหวไหล่กว้างน้อยๆ “งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ไว้เจอกันที่โต๊ะอาหาร”