ตอนที่ 11 เซอร์ไพรส์
กริ๊งงงงงงงง
เสียงนาฬิกาปลุกดังลั่นห้องทำให้ผมที่สะดุ้งลุกอย่างรวดเร็ว ผมเกิดอาการตาพร่ามัวทันทีเมื่อร่างกายยังไม่ทันปรับสภาพ ผมยกมือบิดขี้เกียจจนกระดูกหลังดังกร๊อบเหมือนคนแก่ มองไปรอบรอบเมื่อคืนผมจำได้ว่าอ่านหนังสือจนดึกด้วยความขี้เกียจเดินไปเตียงผมเลยนอนคาโต๊ะไม่รู้ว่าทำไมตอนนี้ถึงมานอนบนเตียงได้
มองไปรอบห้องไม่เห็นร่างสูงที่คุ้นตา ผมขยับตัวลุกเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำ วันนี้ช่วงเช้าผมมีเรียนเต็มช่วงบ่ายมี 2 ชั่วโมงวันนี้ก็คงต้องหยุดทำงานก่อนเพราะพรุ่งนี้สอบ รายได้ก็ไม่ค่อยจะมีแต่รายจ่ายเยอะจนผมรู้สึกท้อแท้ ให้ตายสิ
ผมเดินลงมาจากบันไดด้วยชุดลำลองธรรมดาตอนนี้ 6 โมงผมไม่คิดว่าผมจะตื่นเช้าขนาดนี้..เมื่อลงมาจากบันไดก็เห็นทีวีกับโซฟาเป็นอันดับแรก
"พ่อแต่งตัวหล่อขนาดนี้จะไปไหนหรอ"ผมมองผู้เป็นพ่อยังแปลกใจร่างสูงวัยกลางคนผูกเนคไท ใส่กางเกงอย่างเรียบร้อยพร้อมรีดด้วย ถือกระเป๋าเอกสารเหมือนพนักงานบริษัท ปกติเวลานี้พ่อจะยังไม่ตื่นจะตื่นอีกทีตอนบ่ายๆหลังจากนั้นก็หายออกจากบ้านกลับมาอีกทีดึกมากๆช่วงเที่ยงคืนเลยแหละ
"พ่อมีงานทำแล้ว "ชายวัยกลางคนพูดอย่างอารมณ์ดีมองหน้าลูกชายที่กำลังอ้าปากอย่างตกตะลึงขำๆ หลังจากที่ภรรยาเสียไปตนก็ทำตัวเป็นพ่อที่แย่มาตลอดชอบโทษนู่นโทษนี่ไปเรื่อยๆทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนผิด แต่ก็ต้องขอบคุณอีกคนที่ทำให้เขาดึงความคิดด้านดีๆกลับมาบ้างไม่อย่างนั้นคงจะกลายเป็นพ่อที่แย่ต่อไป
"แล้วพ่อทำงานอะไรหรอ "ผมทำงานตื่นเต้นไม่คิดว่าจะมีวันนี้มาก่อนถึงแม้จะเป็นแค่งานเล็กๆแต่ผมก็ดีใจกว่าพ่อที่ไปเล่นการพนันไม่สนใจอะไรเลย
"เป็นพนักงานในตำแหน่งเล็กๆพอดีคุณเพทายเป็นคนหาให้ "ผมเลิกคิ้วทันทีไม่คิดว่าพี่เพทายจะลงทุนทำขนาดนี้ไม่รู้ว่าเพื่อผมหรือเพื่อหนี้ที่พ่อติดแกไว้แต่ถ้าทำเพื่อผมคงจะเป็นอะไรที่โรแมนติกมาก..
"หรอดีจัง ไผ่รักพ่อที่สุดดดดด"ผมเข้าไปกอดเอวของผู้เป็นพ่ออย่างออดอ้อนผมไม่ได้ทำอะไรแบบนี้มานานขนาดไหนแล้วนะจำได้ว่าตั้งแต่แม่เสียไปผมกับพ่อก็ไม่ได้ทำตัวเป็นครอบครัวที่ดีต่อกันเลยเจอกันก็มีแต่ทะเลาะหรือไม่ก็เดินหนีกัน
มือหยาบยกขึ้นลูบผมนุ่มนิ่มของลูกชายอย่างเอ็นดูถึงแม้จะอายุ 19 แล้วแต่อีกคนก็ยังทำตัวเหมือนเด็ก
นึกไปถึงวันก่อนก่อนที่ยังมีครอบครัวครบพ่อแม่ลูกตอนนั้นเราเป็นครอบครัวที่น่าอิจฉามากมีแต่รอยยิ้มถึงจะไม่ได้ร่ำรวยแต่เราก็พอมีพอกินอยู่กันอย่างมีความสุข หลังจากนี้ตนจะสร้างครอบครัวที่มีความสุขแล้วจะเก็บภรรยาสุดที่รักไว้ในใจตลอดไป..
"งั้นเดี๋ยวไผ่ไปทำอะไรให้กินนะรอก่อน"ผมบอกก่อนจะเดินไปที่ห้องครัว เหมือนผมลืมอะไรไปสักอย่าง.....ใช่!!!แล้วข้าว!!!พี่เพทายบอกว่าข้าวสารหมด!! ตายห่า!!! แบบนี้ผมจะทำอะไรกินผมรีบเดินไปที่ถังข้าวสารหวังว่าจะให้มันเหลือสักกระป๋อง
แต่ผมก็ต้องตะลึงยิ่งกว่าเดิมเมื่อเปิดถังข้าวสารไปเจอข้าวหอมมะลิกระสอบใหญ่วางอยู่
ผมเบิกตากว้างอย่างตื่นเต้นผมไม่เคยซื้อข้าวกระสอบใหญ่ขนาดนี้แถมยังเป็นข้าวหอมมะลิที่แพงแสนแพงด้วยกระสอบใหญ่ขนาดนี้คงจะหลายพันผมซื้อข้าวส่วนใหญ่จะเป็นข้าวกระสอบน้อยๆเพราะไม่มีตังค์พอที่จะซื้อกระสอบใหญ่
"พ่อใครเป็นคนซื้อกระสอบข้าวมะลิกระสอบใหญ่มาหรอ!" ผมวิ่งออกจากครัวไปที่ห้องนั่งเล่นถามผู้เป็นพ่ออย่างสงสัย
"อ๋อ เมื่อวานนี้เห็นคุณเพทายยกออกมานะสงสัยเป็นคนไปซื้อมาให้ "พี่เพทายอีกแล้วตอนนี้ผมรู้สึกพูดอะไรไม่ออกมันทั้งดีใจทั้งตะลึง แต่ตั้งแต่ผมตื่นมาผมยังไม่เห็นร่างสูงเลยน่าจะไปก่อนแล้วทั้งทั้งที่บอกให้รอไปส่งผมแท้ๆสงสัยเรื่องเมื่อคืนแน่ๆ
หลังจากที่ผมหุงข้าวทำกับข้าวเตรียมไว้เรียบร้อยผมก็กลับขึ้นไปบนห้องอีกผมมีเรียนตอน 10 โมงตอนนี้ก็ 7 โมงกว่าแล้ว ผมว่าจะโทรไปหาแต่ก็ลืมจะได้ว่าโทรศัพท์มันน็อคตั้งแต่เมื่อวานแล้ว..เฮ้ออ
9.40 น.
ผมเดินเข้ากันด้วยหัวใจห่อเหี่ยวเดินเข้ามาไม่นานก็เห็นโต๊ะประจำตอนนี้มีสมาชิกเพิ่มมา 2 คนไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นไอ้ไต้ฝุ่นกับไอ้ชินเองฟ้ากำลังนั่งกดโทรศัพท์อย่างเอาเป็นเอาตายพรางพึงพัมคนเดียว
"ฟ้านั่นไงมันมาแล้ว"เสียงไอเสียงตะโกนเสียงดังพังมันชี้มาที่ผมผมขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจรีบเดินเข้าไปหาพวกมัน
"มีอะไรกันวะไอ้ชินเรียกกูจะเสียงดังเชียว "ผมถามขึ้นฟ้าเงยหน้ามองผมก่อนจะพูดเสียงดัง
"ไผ่ไปไหนมารู้ไหมฟ้าเป็นห่วง!โทรหาตลอดไม่เคยติดเลยแถมยังปิดเครื่องด้วย "ตอนนี้หัวผมสั่นคลอนตามแรงที่เขย่าบนไหล่
"ฟ้ากูว่ามึงพอก่อนเถอะไอ้ไผ่มันจะตาลายหมดแล้วเดี๋ยวมันก็อ้วกใส่หน้ามึงหรอก "ก่อนที่ผมจะได้อ้วกจริงๆตามที่มันพูดไอ้ไต้ฝุ่นก็เข้ามาห้ามทัพก่อนฟ้าเหมือนจะเพิ่งรู้สึกตัวรีบปล่อยมือจากปากผมอย่างไวพร้อมส่งสายตาสำนึกผิดมาให้
"ขอโทษนะพอดีโทรศัพท์เสีย "ผมบอกผมว่าผมอาจจะต้องขอเบิกเงินล่วงหน้าพี่เพทายไปซื้อโทรศัพท์ซะแล้ว
"เอาหน้ามันก็มาแล้วนี่ไงไปขึ้นเรียนกันเถอะ "ไอ้ชินพูดแล้วพวกเรา 4 คนก็ย้ายที่จริงอาทิตย์พากันเดินไปที่ห้องเรียน
การเรียนทั้งวันเป็นอะไรที่กินแรงพวกผมมาก เรี่ยวแรงของผมหายไปพร้อมกับหัวสมองที่หนักอึ้ง เราแยกย้ายกันกลับบ้านเหมือนเดิมผมออกมารอที่หน้าคณะด้วยความเคยชินแต่ก็ต้องถอนหายใจ ลืมไปได้ยังไงว่าอีกคนไม่ได้มารับเหมือนทุกที
...ทำไมมันรู้สึกแปลกๆว่ะ..
เวลาผ่านไปชั่วโมงกว่าแล้วตั้งแต่ที่ผมเลิกเรียนผมนั่งอยู่ที่ม้านั่งที่เดิมหวังว่าอีกคนจะมารับแต่รอแล้วรอเล่าก็ไม่เห็นวี่แววผมถอนหายใจแล้วเดินไปที่รถเมย์....จำนวนคนมากมายบนรถเบียดเสียดกันกินเนื้อของแต่ละคน ตอนนี้ผมรู้สึกอึดอัดเหมือนหายใจไม่ออกสงสัยคงจะชินกับการที่มีใครอีกคนเข้ามาแล้วล่ะ
"กลับมาแล้วครับบบบ "ผมลากเสียงยาวหลังจากเปิดประตูบ้านเข้ามาก้มลงถอดรองเท้าวางไว้ข้างข้างประตู ผมเงยหน้าไปดูนาฬิกาตอนนี้ 5 โมงกว่าแล้วไม่รู้ว่าพ่อกลับมายัง
"พ่อออ"ผมเดินเข้ามาพลางตะโกนเรียกแต่บ้านที่เงียบสนิททำให้รู้ว่าอีกคนไม่ได้อยู่ที่นี่ ผมเดินไปวางกระเป๋าบนโต๊ะหน้าโทรทัศน์และเดินไปที่ตู้เย็นเปิดหยิบขวดน้ำออกมาเทน้ำใส่แก้วที่วางอยู่บนหลังตู้เย็น น้ำเย็นๆที่ไหลผ่านคอทำให้รู้สึกสดชื่นปัดเป่าความเหนื่อยล้าที่เผชิญมาทั้งวัน หลังจากดื่มน้ำเสร็จผมก็ล้างหม้อหุงข้าวหลังจากนั้นก็หุงข้าวทิ้งไว้ก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าเดินขึ้นห้อง
ภายในห้องนอนผมยังเงียบสนิทเหมือนเดิมไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง ผมเอากระเป๋าไปวางบนโต๊ะอ่านหนังสือหยิบผ้าเช็ดตัวและเดินเข้าห้องน้ำ น้ำที่ไหลผ่านตั้งแต่หัวจรดเท้าปัดเป่าเอากลิ่นอันไม่พึงประสงค์ที่มาจากคนในรถเมล์ทั้งกลิ่นเหงื่อกลิ่นตัวกลิ่นบุหรี่อะไรต่างๆทำให้ผมรู้สึกเหมือนได้ขึ้นสวรรค์ ไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้อาบน้ำอีกแล้ว!!!!
"เฮ้อออ~"หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จผมก็มานอนแผ่อยู่บนเตียงเหม่อมองเพดานคิดไปถึงเรื่องต่างๆโดยเฉพาะ..พี่เพทาย
คิดถึงโว้ยยยยยยยย!!
นี่ไม่คิดจะมาหากันเลยใช่ไหมใจร้ายโคตรโคตร! คอยดูเถอะถ้าเห็นหน้านะจะกระโดดตบ..จูบ..
ก๊อกๆๆๆๆ
"พี่เพทา......."ผมลุกวิ่งทวดพลาดไปที่ประตูก่อนที่จะผิดหวังเมื่อคนที่เคาะประตูไม่ใช่คนที่ผมรอคอย
"พ่อกลับมาแล้วหรอ กลับมานานยัง "ผมซ่อนหน้าอันผิดหวังของตัวเองไว้ก่อนจะถามอีกคน หน้าเหี่ยวยิ้มอย่างมีความสุขแม้จะมีประกายแห่งความเหนื่อยล้า
"กลับมาพักนึงแล้ว ลงไปทำกับข้าวสิข้าวสุกแล้วนะ"จริงสิผมหุงข้าวไว้ ถ้าพ่อไม่มาบอกผมลืมแน่ๆ
"ครับๆเดี๋ยวไผ่ตามลงไปนะ"ผมบอก
"อย่าช้าละ "ผมพยักหน้ารับรู้ ผมมองตามร่างผอมของผู้เป็นพ่อจนสุดสายตา
"เฮ้อออ~"ผมเดินกลับเข้าห้องเดินไปนั่งหน้าพัดลมอย่างเหนื่อยใจ ผมคิดถึงอีกคนขนาดนี้เลยหรอ..
กับข้าวสองสามอย่างแล้วยังอยู่บนโต๊ะอย่างเป็นระเบียบมีผมกับพ่อนั่งตรงข้ามกัน
"พ่อได้งานอะไรหรอเหนื่อยไหมทำไหวหรือเปล่า "ผมถามระหว่างตักหมูทอดใส่จานพ่อ
"พ่อเป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย งานไม่หนักมากหรอก "ผมยิ้มให้ ก็ดีแล้วที่งานไม่ได้หนักหนาอะไรเพราะว่าอีกคนแก่มากแล้วผมไม่อยากให้ท่านทำงานหนักเกินไป
" ก็ดีแล้วนี่ครับอย่าหักโหมมากนะ"
"แล้วเราล่ะเป็นไงบ้างทะเลาะกับคุณเพทายหรอทำไมไม่เห็นเขามาเหมือนปกติ "ผมทำหน้าบึ้งทันทีเมื่อได้ยินชื่อของอีกคน ใจจริงอยากคุยอีกคนใจจะขาดแต่ไม่รู้จะติดต่อทางไหนไม่อยากไปหาถึงผับด้วยเดี๋ยวกว่าจะกลับคงไม่ได้อ่านหนังสือสอบพอดี...
ผมเดินออกจากห้องสอบด้วยสภาพเหมือนศพ ไม่ต้องพูดถึงเพื่อนสำหรับผมว่าสภาพจะเป็นยังไงการสอบคฤโหดผ่านไปได้ด้วยดีสภาพนักศึกษาแต่ละคนก็คงไม่ต่างจากไอ้พวกเพื่อนผม. อาจารย์เดินถือข้อสอบออกไปยิ้มแฉ่งอย่างอารมณ์ดีเหมือนมีความสุขเมื่อได้แกล้งลูกศิษย์
"ไหนว่าแกออกข้อสอบไม่ยากว่ะไอ้ไผ่!!"ไอชินพูดด้วยเสียงอ่อนระทวยขอบตาดำปี๋จนเห็นชัดบนผิวขาวของมัน
"ใช่ แกเอาอะไรของแกมาออกก็ไม่รู้ไม่ได้ตรงกับที่เรียนเลย"ไอ้ไต่ฝุ่นที่กอดขอให้ชินอยู่พูดมั่งสภาพมัน 2 คนทำให้ผมรู้สึกทั้งส่งสารทั้งขำๆไม่รู้จะทำยังไงดีข้อสอบมันก็ไม่ยากเท่าไหร่นักแต่แกแค่พลิกแพลงหลายมุม จนทำให้คนทำข้อสอบรู้สึกขี้เกียจทำหลายขั้นตอน มนุษย์เราพอจนมุมมากๆสมองก็จะเล่นอะดรีนาลีนหลังแต่ก็เป็นเฉพาะกับบางคน และบางคนนั้นมันไม่รวมถึงเพื่อนผมทั้ง 2 คนนะสิ...
"ฟ้าเงียบเลยทำได้ไหม "ผมหันไปถามเพื่อนสาวคนเดียวในกลุ่มขอบตาคล้ำเล็กน้อยทำให้รู้ว่าอีกคนทุ่มเทกับการอ่านหนังสือไม่ต่างกับเพื่อนทั้งสองคน แต่เพราะเป็นผู้หญิงที่ดูแลตัวเองเลยดูไม่คล้ำมาก
"ก็พอได้อยู่บางข้อก็ทำมั่วๆเดาตามเซนส์"ข้อสอบที่อาจารย์คนนี้ออกไม่มีข้อกามีแต่แสดงวิธีทำอย่างเดียว 50 ข้อแต่ละข้อแสดงวิธีทำยาวมากจนผมแทบจะปาใส่หน้าอาจารย์ด้วยความหมั่นไส้...
"น่าๆ อย่าเครียดไปเลยคะแนนมันคงไม่ได้แย่เท่าไหร่นักหรอก "ผมตกบ่าพวกมันสองคนอย่างปลอบๆ
"เออๆ ดีนะที่ไม่มีเรียนต่อถึงมีกูก็จะโดดตอนนี้สมองกูไม่สามารถรับความรู้อื่นได้อีกแล้ว"ผมเห็นด้วยกับความคิดนี้ของไอ้ไต้ฝุ่นอย่างแรงถ้าเป็นผมผมก็ไม่ขึ้นเหมือนกันถึงจะเป็นเด็กทุนก็เถอะ
"งันกูขอตัวกลับก่อนนะกูจะไปแดกเหล้าให้หายมึนซะหน่อย ไอ้ไต้ฝุ่นมึงไปด้วยกันไหม "
"เออๆ"ตกลงกันได้เรียบร้อยพวกมันก็หันมือมาบอกลาก่อนจะพากันกอดคอเป็นคู่ดูโอ้ไป ผมว่าพวกมันไม่ได้ไปทำให้หายมึนหรอกพวกมันจะไปทำให้มึนยิ่งกว่าเดิมมากกว่า
"แล้วไผ่กลับยังไง "ผมมองนาฬิกาที่ผนังแถวนั้นตอนนี้ 4 โมงแล้วผมว่าจะเลยไปที่ผับเลยคืนนี้จะไปทำงาน
"ว่าจะไปทำงาน"
"ให้ฟ้าไปส่งไหม "ผมส่ายหน้าแล้วยิ้มให้ผมไม่อยากรบกวนเพื่อนสาวมากนักอีกคนยิ่งเป็นผู้หญิงด้วยไม่อยากให้ไปสถานที่แบบนั้น
"ไม่เป็นไรฟ้าจะไปเถอะบ๊ายบายนะเจอกันอาทิตย์หน้า "ผมบอกเพราะพรุ่งนี้เป็นวันศุกร์วันศุกร์ไม่มีเรียนก็คงเจอกันอีกทีเป็นวันจันทร์
"งันบายนะ"บอกลาแล้วปากก็เดินจากไป ผมก็ไม่มีอะไรมากแค่เดินขึ้นรถเมล์ไปที่ผับ
17.00 น.
กว่าจะเดินทางมาถึงผับทำเอาผมเหงื่อตก รถที่จอดติดกันหลายเมตรทำให้ผมรู้สึกอึดอัดจนแทบไม่อยากอยู่ตรงนั้น
"ไง ไผ่"เมื่อผมก้าวเข้าผับเสียงผับที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นผมหันไปไหว้สวัสดีพี่กราฟ
"สวัสดีครับพี่ครับผมหยุดงานไป 2 วันเป็นยังไงบ้าง "พี่กราฟหนุ่มหล่อกิ๊กของผมยังคงหน้าตาเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน ออร่าความหล่อยางอะไรใจสาวน้อยสาวใหญ่ได้เหมือนเดิม
"ก็ดีครับ "
"แล้วพี่เพทายอยู่บนห้องไหมครับ "ผมถามหาอีกคนอย่างไม่รอช้าถ้าขืนชักช้าเดี๋ยวอีกคนจะงอนไม่เลิกไม่ลา
"อยู่ครับแต่คุณเพทายไม่ให้บอกว่าอยู่ ไผ่อย่าไปบอกคุณเพทายนะว่าพี่เป็นคนบอกว่าแกอยู่ "ร่างสูงป้องปากกระซิบบอกผมเสียงเบาเหมือนกลัวความผิด หน้าหล่อลุกลี้ลุกลนเหมือนกลัวคนจับได้
"อาา ครับ"ผมรู้แล้วพี่ไปถ่ายติดนิสัยเด็กมาจากใคร... ผมขอตัวแยกออกมาแล้วเดินไปที่ห้องที่คุ้นเคยบนชั้น 3 เดินมาเรื่อยๆก่อนจะหยุดอยู่ที่ห้องที่คุ้นเคยป้ายหน้าห้องเขียนว่า Bos ตัวโตๆ
ผมไม่ได้เคาะประตูเปิดพรวดพราดเข้าไปทันทีกะจะเซอร์ไพรส์อีกคนซะหน่อย
แต่กลับเป็นผมที่ตะลึงกับภาพตรงหน้าเองซะงั้น.....