ตอนที่ 5
“กรี๊ด!!”
“ปล่อยฉัน! ช่วยด้วย!” ร่างเล็กพยายามดิ้นรนอีกครั้งและร้องขอความช่วยเหลือ ทว่าด้วยเสียงเพลงที่ดังกระหึ่มแถบชายทะเลจึงกลบเสียงร้องอ้อนวอนของเธอเสียสิ้น
“เธอยอมฉันดีๆ ดีกว่านะสาวน้อย จะได้ไม่เจ็บตัว” เสียงทุ้มพร่าพูดขึ้น เมื่อจัดการกับสิ่งกีดขวางบนเรือนร่างของหญิงสาวได้ เพื่อเปิดทางให้เขาได้ทำตามใจต้องการ
“ไม่ๆ ปล่อยฉัน คุณอย่าทำอะไรฉันเลย” สองมือน้อยพนมอ้อนวอนและขอร้องเขาทั้งน้ำตา
“ไม่ต้องการให้ฉันทำอะไร แล้วเธอมานอนให้ท่าฉันถึงห้องทำงานทำไม” ภูวเดชถามเสียงต่ำ
“มะ...ไม่ใช่...” วรินญาร้องบอกเสียงสะอื้น หวาดกลัวกับการกระทำอย่างจาบจ้วงของเขา
“อย่ามาปฏิเสธเลยสาวน้อย ก็เห็นๆ อยู่ว่าเธอมานอนให้ท่าฉันถึงห้อง ไม่ต้องห่วงหรอกนะ ฉันบริการเธอถึงใจแน่” ใบหน้าคมที่แดงก่ำด้วยไฟพิศวาสเอ่ยเสียงต่ำและสั่นพร่า
“ฉะ...ฉันขอร้อง คุณอย่าทำอะไรฉันเลย ปล่อยฉันไปเถอะนะ ฮือๆ ๆ ฉันกลัวแล้ว” วรินญาเอ่ยบอกเสียงสั่นปนสะอื้น ทว่าเธอกลับได้เห็นเพียงรอยยิ้มบนมุมปากของชายหนุ่ม นั่นทำให้หัวใจดวงน้อยรู้สึกหมดหวังทันที
สายตาคมกวาดมองเรือนร่างของหญิงสาวร่างบางทว่ากลับซ่อนรูปอย่างสิเน่หา ความอวบอิ่มเต็มไม้เต็มมือของทรวงอกบดเบียดกับร่างกำยำของเขา ยิ่งทำให้ภูวเดชหมดความอดทนที่จะฝืนความต้องการไว้อีกต่อไป
‘ผู้หญิงทุกคนก็คงเหมือนกัน รักสนุก หมดสนุกแล้วก็จ่ายเงินให้ก็เท่านั้น เธออย่ามาทำเป็นร้องไห้อ้อนวอน โก่งราคาเสียให้ยาก’
เขาคิดอย่างคนเข้าข้างตัวเองเพราะสิ่งที่เขาได้มาจากคู่ขาทุกคนก็ต้องแลกเปลี่ยนกันด้วยเงินตัวเดียวเท่านั้น เธอก็คงไม่ต่างอะไรจากคนอื่นหรอก เมื่อความสำนึกและผิดชอบชั่วดีหายไปจากใจชั่วขณะ เขาก็โถมกายเข้าใส่หญิงสาวทันที
“กรี๊ด!!” เสียงกรีดร้องดังขึ้นอีกครั้งเมื่อความยิ่งใหญ่ของชายหนุ่มก้าวล้ำเข้ามาโดยไม่รีรอ
น้ำตาของวรินญาทะลักทลายทันที เธอเจ็บปวดรวดร้าวทั่วทั้งร่าง สองมือน้อยยกทุบตีแผ่นหลังกว้างใหญ่ให้หยุดการกระทำอันป่าเถื่อนเสียที ทว่าภูวเดชที่กำลังหิวกระหายจากอารมณ์พิศวาสที่ขาดตอนก่อนหน้า ไม่ได้รู้สึกระคายเคืองกับแรงทุบตีนั่นแม้แต่น้อย
ภูวเดชเริ่มเร่งเร้าและรุกรานให้หนักหน่วง เมื่อสิ่งที่ได้รับจากหญิงสาวคือความบริสุทธิ์ซึ่งเขาไม่เคยได้พบเจอมาก่อนเช่นกัน ยิ่งทำให้อารมณ์ปรารถนาของเขาเพิ่มพูนอย่างไม่ลดละ เขาลืมแม้กระทั่งว่าสิ่งที่ตนกำลังกระทำอยู่นั้นคือการขืนใจหญิงสาว ยิ่งเธอบิดร่างพยายามหนีอย่างคนทุรนทุราย เขาก็ยิ่งยัดเยียดความป่าเถื่อนให้เธออย่างไม่ปรานีและไม่ยอมหยุด
“อื้อ...อื้อ...” เสียงสั่นร้องครางได้เพียงเท่านั้นเมื่อไม่สามารถหยุดการกระทำของชายหนุ่มได้ ก่อนหลับตาลงอย่างคนที่เจ็บปวดรวดร้าวและทรมาน
กลีบปากบางบอบช้ำถูกปลดปล่อย เมื่อคนที่ล่วงล้ำต้องการขบเม้มยอดอกสีชมพูระเรื่อแทน และใช้ฟันคมขาวสะอาดหยอกเย้าจนเจ้าของความอวบอิ่มกัดริมฝีปากตัวเองจนห้อเลือด พยายามเปล่งเสียงขอร้องให้เขาหยุด ทว่าสรรพเสียงทุกสิ่งทุกอย่างกับกลืนหายลงสู่ลำคอแห้งผากเช่นเดิมเมื่อร่างกำยำโถมกายอย่างหนักหน่วง
สมองของหญิงสาวแทบดับสิ้น แต่เพราะแรงเฮือกสุดท้ายทำให้เธอพยายามหาทางช่วยตัวเองสุดชีวิต มือเล็กควานหาบางสิ่งบางอย่างเพื่อหยุดการกระทำของเขาพร้อมกับเสียงสะอื้นไห้อย่างคนเสียขวัญ ก่อนที่มือของเธอจะคว้าเอาแจกันบนโต๊ะทำงานไว้ได้และกำแน่นทันที
ครั้นร่างตัวเองลอยหวือตามแรงฉุดของชายหนุ่มและถูกกดลงให้นอนบนโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ ความเจ็บปวดก็แล่นพล่านขึ้นอีกครั้ง
“เป็นไงสาวน้อย ฉันบริการให้ถึงใจหรือเปล่า” เสียงทุ้มพูดขึ้น แต่ใบหน้าเรียวสวยซึ่งเปรอะเปื้อนด้วยคราบน้ำตาส่ายหน้าอย่างวิงวอน
“ทำไมล่ะ ส่ายหน้าทำไม หรือว่ายังไม่ถึงใจเธอ บอกฉันสิสาวน้อย” ถามเสียงต่ำพร่า ก้มลงจูบเม้มเรียวปากสวยซึ่งบวมเจ่อ ก่อนบดเบียด คลอเคลีย และเคล้าคลึงในเวลาต่อมา แล้วหันมาจัดการเติมเต็มความแข็งแกร่งเข้าหากายสาวอีกครั้งเมื่อความร้อนรุ่มยังไม่ได้รับการปลดปล่อย
ตุบ!!
เคล้ง!!
เสียงแจกันในมือเรียวสวยฟาดลงบนศีรษะของภูวเดชอย่างจัง เศษแจกันตกแตกกระจายทั่วพื้นห้อง พร้อมๆ กับหยดเลือดสีแดงฉานเริ่มไหลรินออกมาจากขมับด้านขวาของชายหนุ่ม ร่างสูงใหญ่ผละออกจากหญิงสาวทันทีพร้อมทั้งใช้มือหนากุมขมับตัวเองไว้แน่น สายตาคมกริบจับจ้องร่างเล็กอย่างโกรธแค้น
วรินญาที่พอจะเริ่มเรียกสติของตัวเองกลับมาได้ รีบคว้าเศษแจกันอันแหลมคมขึ้นมาถือไว้แน่น “อย่าเข้ามานะ” ร้องห้ามเสียงสั่น พลางกระชับชุดทำงานซึ่งถูกเขาถอดออกไม่หมดระคนหวาดหวั่น เนื่องด้วยตั้งแต่เกิดมาเธอยังไม่เคยทำร้ายใครมาก่อน มือเล็กซึ่งกำเศษแจกันอันแหลมสั่นเทาด้วยความกลัว จับแน่นจนความแหลมคมของมันทิ่มลงบนฝ่ามือของเธอ
“เธอบังอาจมากที่ทำร้ายฉัน” ภูวเดชคำรามใส่เสียงต่ำ ก่อนย่างสามขุมเข้าหาร่างเล็กทันที ไม่ได้กลัวอาวุธอันน้อยนิดของหญิงสาวเลยแม้แต่น้อย
“ฉะ...ฉัน บอกว่าอย่าเข้ามาไง” เสียงสั่นร้องห้ามอีกครั้ง พลางยกอาวุธในมือขึ้นหมายจะจ้วงแทงเขาทันที
“เธอคิดว่าไอ้นั่นมันจะหยุดฉันได้เหรอ สาวน้อย” เขาเค้นเสียงถามอย่างไม่สะทกสะท้าน
“ได้สิ” เพียงแค่พูดจบ ร่างเล็กก็ปรี่ใช้อาวุธแหลมคมในมือกรีดบนหน้าอกกำยำทันที พร้อมกับเสียงร้องคำรามอย่างเจ็บปวดดังลั่นห้อง เมื่อวรินญากดปลายแหลมๆ นั่นลงลึกพร้อมกับปักคาไว้บนเนินอกของเขา ร่างสูงใหญ่เซถลาล้มลงบนโซฟาทันที มือหนากุมรอยแผลไว้แน่นและพยายามดึงมันออก ทว่าก็เจ็บปวดเกินกว่าที่เขาจะดึงมันออกได้ในตอนนี้
ส่วนวรินญา เธอรีบไปคว้าเสื้อคลุมตัวนอกมาสวมทับพร้อมกับจัดการตัวเองอย่างเร่งรีบ แล้ววิ่งหนีออกจากห้อง เท้าเล็กๆ วิ่งอย่างสุดชีวิต ก่อนมายืนพิงตึกเก่าๆ ในซอยเปลี่ยวพร้อมกับหยาดน้ำตารินไหล แล้วทรุดกายลงที่พื้นอย่างคนสิ้นแรง และทุกสิ่งทุกอย่างก็มืดมนไปพร้อมๆ กับร่างกายที่บอบช้ำของเธอ