บทที่ 8

1576 Words
"ร่างกายของพี่ค่ะ ถ้าน้องอัญไม่มั่นใจ เรามาลองฟื้นความจำกันอีกสักรอบดูไหม? พี่สัญญาพี่จะดันให้สด กระแทกให้หนักๆ จนกว่าน้องอัญจะจำได้เลยแหละ ♥" "อย่ามาพูดบ้าๆ นะ!" "พี่ไม่บ้าหรอกค่ะ..." เขาตอบกลับเพียงสั้นๆ ก่อนจะพุ่งมือคว้าข้อมือฉันเอาไว้แน่น ขณะใช้มืออีกข้างเปิดประตูรถสปอร์ตตรงหน้า "ไปทานข้าวเที่ยงกับพี่ก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากัน" "แต่ฉันไม่หิว!" "ไม่หิวก็ต้องไปค่ะ เพราะพี่หิว!" “-__-” สิ้นเสียงเผด็จการ พี่ภูผาก็รีบดึงตัวฉันผลักเข้าไปนั่งในรถโดยไม่ฟังเสียงโวยวายของฉันเลยแม้แต่น้อย ก่อนจะรีบเป็นฝ่ายจ้ำเท้าเดินมาขึ้นประจำที่บนเบาะคนขับ สตาร์ทเครื่องยนต์แล้วขับบึ่งออกจากมหาวิทยาลัยทันที ตลอดเวลาที่นั่งอยู่ในรถ พี่ภูผาเป็นฝ่ายชวนฉันคุยตลอด ซึ่งแน่นอนฉันเลือกที่จะเป็นฝ่ายเงียบ ปล่อยให้เขาเพ้อเจ้อกับตัวเองไปคนเดียว บอกเลยว่าคนแบบนี้ไม่ใช่สเป็คฉัน และถึงแม้ว่าเขาจะได้เสียกับฉันแล้วจริงๆ ฉันก็จะไม่มีวันให้คนๆ นี้มารับผิดชอบชีวิตลูกผู้หญิงของฉันเด็ดขาด! และแล้วการเดินทางก็สิ้นสุดลง เมื่อพี่ภูผาขับรถมาหยุดอยู่ที่โรงแรมมีชื่อแห่งหนึ่ง ซึ่งถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นโรงแรมในเครือของอัครไพศาลกุลด้วยสิ -_- อีตานี่คิดจะทำอะไรของเขานะ! "สวัสดีครับคุณภูผา วันนี้มาดูงานแทนคุณพ่อเหรอครับ?" คำทักทายแรกของพนักงานรับรถหน้าโรงแรมทำให้คนถูกถามฉีกยิ้มเล็กน้อย พลางเปิดประตูลงจากรถด้วยมาดผู้นำพร้อมด้วยคำตอบสั้นๆ "ฉันมาทำธุระกับภรรยา..." "ใครเป็นภรรยาของนายไม่ทราบ!!!! =[]=" ฉันโวยวายขัด แต่ดูเหมือนเสียงโวยวายของฉันจะไม่ได้ช่วยอะไร เมื่อพนักงานรับรถดูท่าจะไม่สนใจอะไรฉันเลยสักนิดนอกจากผู้เป็นเจ้านาย "เหนื่อยหน่อยนะครับวันนี้" "อาจจะเสียเหงื่อเยอะ ให้คนเตรียมสปอร์นเซอร์ให้ด้วย" เสียเหงื่อบ้าบออะไรของพวกนายห้ะ!!!!! -[]- "ลงมาสิคะน้องอัญ พี่เตรียมที่ๆ พิเศษสุดให้กับน้องอัญด้วยนะ~" "ฉันไม่ลง!" ฉันตอบเสียงแข็ง จ้องตาจิกใส่ผู้ชายตรงหน้าที่ท่าทางจะอารมณ์ดีเสียเหลือเกิน "พี่บอกจะมากินข้าวเที่ยง แต่ดันพาฉันมาที่โรงแรมเนี่ยนะ?" "โรงแรมในเครือวงศ์อัครไพศาลกุล ถูกจัดเป็นหนึ่งในโรงแรมระดับสิบดาว มีทุกอย่างครบครัน โดยเฉพาะอาหารของที่นี่เป็นอาหารนานาชาติ รับรองพี่ไม่โซ้ยหมี่น้องอัญตอนมื้อกลางวันหรอกค่ะ" เขายิ้มกว้าง โซ้ยหมี่กะผีนะสิ - - "ลงมาเถอะค่ะ พี่หิวข้าวจะตายแล้ ว" เขาทำเสียงออดอ้อน เอื้อมมือเปิดประตูรถเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ฉันลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่เพราะสายตาของเด็กรับรถที่เอาแต่จ้องฉันแบบไม่วางตานั่น ทำให้ฉันต้องจำใจลงจากรถทั้งๆ ที่ใจจริงแทบไม่อยากจะขยับตัวลุกไปไหนเลย พี่ภูผาถือวิสาสะคล้องมือโอบรอบเอวดึงฉันกึ่งลากเดินตรงเข้าไปในโรงแรม และใช้รอยยิ้มบนใบหน้าแทนคำทักทายโต้ตอบของพนักงานในโรงแรมที่เห็นเราทั้งคู่ ซึงสิ่งที่ฉันทำได้คือการพยายามแกะนิ้วมือปลาหมึกของเขาให้หลุดออกแต่เพียงเท่านั้น ลิฟต์ถูกกดเรียกให้ลงมายังชั้นล็อบบี้เพื่อรอรับเราทั้งคู่ไปสู่จดหมาย "เชื่อพี่นะคะ น้องอัญจะต้องประทับใจมื้อกลางวันมื้อนี้ที่สุด" "ฉันประทับใจอาหารกลางวันทุกที่...ที่ที่ไม่มีคนกวนประสาทแบบพี่คอยเกาะแกะ..." ปิ๊ง!! เสียงสัญญาณลิฟต์ที่ดังเตือน ทำให้พี่ภูผาไม่ได้พูดอะไรโต้กลับฉันกลับมา ทว่า... เขากลับปล่อยมือที่คล้องเอวฉันออกแล้วเปลี่ยนเป็นคว้าแขนฉุดกระชากตัวฉันเข้าไปด้านในลิฟต์แทน "โอ๊ยย เจ็บนะ!!... อือ" เขาออกแรงผลักฉันเข้าไปกระแทกกับผนังลิฟต์แล้วกดเลขชั้น 20 ที่เป็นเป้าหมาย ก่อนจะโถมตัวกดร่างฉันเอาไว้ด้วยแรงมหาศาล ปล่อยให้ประตูลิฟต์ปิดและพาเราทังคู่เคลื่อนไปชั้นบนช้าๆ นัยน์ตาเจ้าเล่ห์จับจ้องผ่านนัยน์ตาฉันคล้ายกับกำลังคิดอะไรอยู่ จนต้องเผลอหลบสายตาเพราะความไม่ชิน "พี่บอกแล้วใช่ไหมคะ ว่าอย่าดื้อ" “…” "เพราะถ้าดื้อ พี่จะใช้ปากลงโทษ" "พี่ไม่มีทางได้จูบฉันเป็นหนที่สองหรอกค่ะ!... อ๊ะ!!!" เขาเลื่อนมือไล่ต่ำลงไปยังต้นขาพร้อมๆ กับย่อตัวลงช้าๆ แล้วใช้มือคล้องแขนล็อคขาทั้งสองข้างของฉันเอาไว้เพื่อกันฉันขยับ ทำเอาคนโดนกระทำอย่างฉันถึงกับไปไม่เป็น "พี่จะทำอะไร!!" ฉันเอ่ยปากถามออกไปด้วยความตกใจ พยายามขยับขาเล็กน้อยเพื่อดิ้นให้หลุด ทว่า…มันก็กลับสูญเปล่า พี่ภูผาไม่ตอบคำตอบใดๆ เขาแหงนหน้าสบตากับฉันเล็กน้อย ริมฝีปากหยักลึกกระตุกเบาๆ ด้วยความเจ้าเล่ห์ ก่อนโน้มหน้าไล้ริมฝีปากไปที่ต้นขาช้าๆ "พี่ภู! หยุดนะ!!" ฉันพยายามร้องห้ามเสียงสั่นด้วยความตกใจ พลางใช้มือพยายามทั้งดันและผลักหน้าของเขาให้หลุดออกจากขา ทว่า...เขากลับใช้มืออีกข้างหนึ่งจับข้อมือทั้งสองข้างของฉันรวบเอาไว้ คล้ายกับไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นแถมยังใช้ริมฝีปากรุกไปทั่วขาอ่อนไม่หยุดด้วยสิ "ขาน้องอัญขาวจังเลยนะคะ แถมยังหอมมากด้วย" พี่ภูเอ่ยปากบอกเบาๆ คล้ายกับพวกโรคจิตขณะลากริมฝีปากขึ้นสูงไปเหนือใต้ขอบกระโปรงนักศึกษาไม่หยุด ริมฝีปากพรมจูบเบาๆ ไปตามเนื้อขาด้านในก่อนต้องรู้สึกถึงสัมผัสเปียกแฉะ เมื่อเขาจงใจใช้ลิ้นลากยาวขึ้นสูงจนเกือบจะชนขอบแพนตีด้านใน มะ ไม่ได้แล้ว ฉันต้องรีบทำอะไรสักอย่างแล้ว! "พี่ภูขา... อือ...อ...หยุดก่อนสิคะ" ฉันจงใจทำเสียงกระเส่า บิดข้อมือเบาๆ ให้หลุดจากมือหนา ซึ่งนี่คงเป็นสิ่งเดียวที่ฉันคิดได้เมื่อถูกผู้ชายกะล่อนจู่โจมกะทันหันแบบนี้ และดูเหมือนมันจะง่ายและเป็นไปอย่างที่คิด เมื่อเขายอมปล่อยมือทั้งสองข้างของฉันออกอย่างว่าง่าย "อ...อัญยังไม่ทันเตรียมตัวเตรียมใจเลยนะคะ อือ…” เขาผละริมฝีปากจากต้นขาอ่อนฉันเล็กน้อย ช้อนตาสบตาฉันที่จ้องมองการกระทำของเขากลับไปเช่นกัน ฉันกระตุกยิ้มเชิญชวนผู้ชายตรงหน้าเล็กน้อย พลางใช้ปลายนิ้วชี้ไล้ไปตามโครงหน้าได้รูปลงต่ำมายังปลายคางด้วยท่าทางจริตที่สุด "ขอเวลาอัญทำใจสักครู่ไม่ได้ เหรอคะ...พี่ภูผา~" "น้องอัญชัน..." พี่ภูผาพึมพำท่าทางสนอกสนใจ แขนที่เคยล็อคต้นขาของฉันแน่นเริ่มคลายออกช้าๆ "จ๋า...พี่ภูผา~" ฉันขานรับเสียงหวานเอื้อมมือขย้ำผมสีดำมะเดื่อเบาๆ ก่อนจะเพิ่มแรงขึ้นจนกลายเป็นกระชาก พร้อมทั้งฉวยโอกาสในตอนที่เขาไม่ระวังตัวที่สุดเตะผ่าหมากอัดสวนไปหนึ่งทีเพื่อสั่งสอน -__-++ ผลัก!!! “อึก!!!” ไอ้ผู้ชายเจ้าเล่ห์นั่งทรุดกับพื้นในท่าชันเข่า สองมือกุมเป้ากางเกงแน่นด้วยสีหน้าและท่าทางเจ็บปวด ฉันจงใจใช้ปลายส้นสูงเขี่ยตัวเขาให้ออกห่างแล้วรีบปลีกตัวมายืนอยู่บริเวณมุมลิฟต์ในท่ากอดอกอย่างไม่สนใจ "หนะ...น้องอัญ...น้องอัญหลอกดาวว T^T" ปิ๊ง!! เสียงสัญญาณลิฟต์ที่ดังขึ้นพร้อมบานประตูที่เปิดออกช้าๆ ทำเอาคนด้านนอกที่ยืนคอยลิฟต์อยู่มองเราทั้งคู่ด้วยความประหลาดใจ บ้างทำตาโตงุนงงกับสิ่งที่เห็นภายในลิฟต์ ฉันกรอกตาเล็กน้อยก่อนจะเหลือบมองร่างสูง ที่กำลังพยายามพยุงร่างตัวเองให้ลุกขึ้นเหมือนปกติด้วยท่าทางเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น "เราออกชั้นนี้ค่ะน้องอัญ..." เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่พยายามปรับให้ดูเป็นปกติที่สุด และนั่นทำให้ฉันรีบเดินจ้ำเท้าออกจากลิฟต์ฝ่าผู้คนด้านนอกที่รอใช้บริการกันอยู่ออกไปในทันที "มองไร? ไม่เคยเห็นคนซ้อมขอแต่งงานว่าที่เมียในอนาคตเหรอห๊ะ!!" เสียงโวยวายของอีตาภูผาโรคจิต ทำฉันเหลียวหลังมองเหตุการณ์ตรงหน้าลิฟต์เล็กน้อย ก่อนจะพบเข้ากับท่าทางเขินอายที่พยายามแก้ต่างให้ตัวเองของพี่ภูผา ที่ดูจะหงุดหงิดเพราะเสียงซุบซิบและสายตาของคนที่กำลังรอใช้บริการลิฟต์อยู่ ขอแต่งงานเหรอ? แถได้ห่วยบรม -_- "ขอแต่งงานอ่ะ ขอแต่งงาน ไม่เคยเห็นเหรอไง!!" เขายังคงโวยวายไม่หยุดและในตอนนั้นเองที่เขาดันหันมาสบตากับฉันที่กำลังยืนมองเขาอยู่ด้วยความ... เอ่อ... จะด้วยความรู้สึกอะไรก็ช่างเถอะ แต่ว่าลึกๆ แล้วฉันกลับรู้สึกว่าพี่ภูก็ดูตลกดีเหมือนกัน โดยเฉพาะเวลาที่เขาแก้ต่างให้ตัวเองเพื่อให้หลุดพ้นจากการตกเป็นเป้าสายตาจากความขายหน้า "น้องอัญคะ! รอพี่ภูด้วยค่ะที่รัก T^T"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD