"ร่างกายของพี่ค่ะ ถ้าน้องอัญไม่มั่นใจ เรามาลองฟื้นความจำกันอีกสักรอบดูไหม? พี่สัญญาพี่จะดันให้สด กระแทกให้หนักๆ จนกว่าน้องอัญจะจำได้เลยแหละ ♥"
"อย่ามาพูดบ้าๆ นะ!"
"พี่ไม่บ้าหรอกค่ะ..." เขาตอบกลับเพียงสั้นๆ ก่อนจะพุ่งมือคว้าข้อมือฉันเอาไว้แน่น ขณะใช้มืออีกข้างเปิดประตูรถสปอร์ตตรงหน้า "ไปทานข้าวเที่ยงกับพี่ก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากัน"
"แต่ฉันไม่หิว!"
"ไม่หิวก็ต้องไปค่ะ เพราะพี่หิว!"
“-__-”
สิ้นเสียงเผด็จการ พี่ภูผาก็รีบดึงตัวฉันผลักเข้าไปนั่งในรถโดยไม่ฟังเสียงโวยวายของฉันเลยแม้แต่น้อย ก่อนจะรีบเป็นฝ่ายจ้ำเท้าเดินมาขึ้นประจำที่บนเบาะคนขับ สตาร์ทเครื่องยนต์แล้วขับบึ่งออกจากมหาวิทยาลัยทันที
ตลอดเวลาที่นั่งอยู่ในรถ พี่ภูผาเป็นฝ่ายชวนฉันคุยตลอด ซึ่งแน่นอนฉันเลือกที่จะเป็นฝ่ายเงียบ
ปล่อยให้เขาเพ้อเจ้อกับตัวเองไปคนเดียว บอกเลยว่าคนแบบนี้ไม่ใช่สเป็คฉัน และถึงแม้ว่าเขาจะได้เสียกับฉันแล้วจริงๆ ฉันก็จะไม่มีวันให้คนๆ นี้มารับผิดชอบชีวิตลูกผู้หญิงของฉันเด็ดขาด!
และแล้วการเดินทางก็สิ้นสุดลง เมื่อพี่ภูผาขับรถมาหยุดอยู่ที่โรงแรมมีชื่อแห่งหนึ่ง ซึ่งถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นโรงแรมในเครือของอัครไพศาลกุลด้วยสิ -_-
อีตานี่คิดจะทำอะไรของเขานะ!
"สวัสดีครับคุณภูผา วันนี้มาดูงานแทนคุณพ่อเหรอครับ?"
คำทักทายแรกของพนักงานรับรถหน้าโรงแรมทำให้คนถูกถามฉีกยิ้มเล็กน้อย พลางเปิดประตูลงจากรถด้วยมาดผู้นำพร้อมด้วยคำตอบสั้นๆ
"ฉันมาทำธุระกับภรรยา..."
"ใครเป็นภรรยาของนายไม่ทราบ!!!! =[]=" ฉันโวยวายขัด
แต่ดูเหมือนเสียงโวยวายของฉันจะไม่ได้ช่วยอะไร เมื่อพนักงานรับรถดูท่าจะไม่สนใจอะไรฉันเลยสักนิดนอกจากผู้เป็นเจ้านาย
"เหนื่อยหน่อยนะครับวันนี้"
"อาจจะเสียเหงื่อเยอะ ให้คนเตรียมสปอร์นเซอร์ให้ด้วย"
เสียเหงื่อบ้าบออะไรของพวกนายห้ะ!!!!! -[]-
"ลงมาสิคะน้องอัญ พี่เตรียมที่ๆ พิเศษสุดให้กับน้องอัญด้วยนะ~"
"ฉันไม่ลง!" ฉันตอบเสียงแข็ง จ้องตาจิกใส่ผู้ชายตรงหน้าที่ท่าทางจะอารมณ์ดีเสียเหลือเกิน "พี่บอกจะมากินข้าวเที่ยง แต่ดันพาฉันมาที่โรงแรมเนี่ยนะ?"
"โรงแรมในเครือวงศ์อัครไพศาลกุล ถูกจัดเป็นหนึ่งในโรงแรมระดับสิบดาว มีทุกอย่างครบครัน โดยเฉพาะอาหารของที่นี่เป็นอาหารนานาชาติ รับรองพี่ไม่โซ้ยหมี่น้องอัญตอนมื้อกลางวันหรอกค่ะ" เขายิ้มกว้าง
โซ้ยหมี่กะผีนะสิ - -
"ลงมาเถอะค่ะ พี่หิวข้าวจะตายแล้ ว" เขาทำเสียงออดอ้อน เอื้อมมือเปิดประตูรถเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ
ฉันลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่เพราะสายตาของเด็กรับรถที่เอาแต่จ้องฉันแบบไม่วางตานั่น ทำให้ฉันต้องจำใจลงจากรถทั้งๆ ที่ใจจริงแทบไม่อยากจะขยับตัวลุกไปไหนเลย
พี่ภูผาถือวิสาสะคล้องมือโอบรอบเอวดึงฉันกึ่งลากเดินตรงเข้าไปในโรงแรม และใช้รอยยิ้มบนใบหน้าแทนคำทักทายโต้ตอบของพนักงานในโรงแรมที่เห็นเราทั้งคู่ ซึงสิ่งที่ฉันทำได้คือการพยายามแกะนิ้วมือปลาหมึกของเขาให้หลุดออกแต่เพียงเท่านั้น
ลิฟต์ถูกกดเรียกให้ลงมายังชั้นล็อบบี้เพื่อรอรับเราทั้งคู่ไปสู่จดหมาย
"เชื่อพี่นะคะ น้องอัญจะต้องประทับใจมื้อกลางวันมื้อนี้ที่สุด"
"ฉันประทับใจอาหารกลางวันทุกที่...ที่ที่ไม่มีคนกวนประสาทแบบพี่คอยเกาะแกะ..."
ปิ๊ง!!
เสียงสัญญาณลิฟต์ที่ดังเตือน ทำให้พี่ภูผาไม่ได้พูดอะไรโต้กลับฉันกลับมา ทว่า... เขากลับปล่อยมือที่คล้องเอวฉันออกแล้วเปลี่ยนเป็นคว้าแขนฉุดกระชากตัวฉันเข้าไปด้านในลิฟต์แทน
"โอ๊ยย เจ็บนะ!!... อือ"
เขาออกแรงผลักฉันเข้าไปกระแทกกับผนังลิฟต์แล้วกดเลขชั้น 20 ที่เป็นเป้าหมาย ก่อนจะโถมตัวกดร่างฉันเอาไว้ด้วยแรงมหาศาล ปล่อยให้ประตูลิฟต์ปิดและพาเราทังคู่เคลื่อนไปชั้นบนช้าๆ
นัยน์ตาเจ้าเล่ห์จับจ้องผ่านนัยน์ตาฉันคล้ายกับกำลังคิดอะไรอยู่ จนต้องเผลอหลบสายตาเพราะความไม่ชิน
"พี่บอกแล้วใช่ไหมคะ ว่าอย่าดื้อ"
“…”
"เพราะถ้าดื้อ พี่จะใช้ปากลงโทษ"
"พี่ไม่มีทางได้จูบฉันเป็นหนที่สองหรอกค่ะ!... อ๊ะ!!!"
เขาเลื่อนมือไล่ต่ำลงไปยังต้นขาพร้อมๆ กับย่อตัวลงช้าๆ แล้วใช้มือคล้องแขนล็อคขาทั้งสองข้างของฉันเอาไว้เพื่อกันฉันขยับ ทำเอาคนโดนกระทำอย่างฉันถึงกับไปไม่เป็น
"พี่จะทำอะไร!!" ฉันเอ่ยปากถามออกไปด้วยความตกใจ พยายามขยับขาเล็กน้อยเพื่อดิ้นให้หลุด ทว่า…มันก็กลับสูญเปล่า
พี่ภูผาไม่ตอบคำตอบใดๆ เขาแหงนหน้าสบตากับฉันเล็กน้อย ริมฝีปากหยักลึกกระตุกเบาๆ ด้วยความเจ้าเล่ห์ ก่อนโน้มหน้าไล้ริมฝีปากไปที่ต้นขาช้าๆ
"พี่ภู! หยุดนะ!!" ฉันพยายามร้องห้ามเสียงสั่นด้วยความตกใจ พลางใช้มือพยายามทั้งดันและผลักหน้าของเขาให้หลุดออกจากขา ทว่า...เขากลับใช้มืออีกข้างหนึ่งจับข้อมือทั้งสองข้างของฉันรวบเอาไว้ คล้ายกับไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นแถมยังใช้ริมฝีปากรุกไปทั่วขาอ่อนไม่หยุดด้วยสิ
"ขาน้องอัญขาวจังเลยนะคะ แถมยังหอมมากด้วย" พี่ภูเอ่ยปากบอกเบาๆ คล้ายกับพวกโรคจิตขณะลากริมฝีปากขึ้นสูงไปเหนือใต้ขอบกระโปรงนักศึกษาไม่หยุด
ริมฝีปากพรมจูบเบาๆ ไปตามเนื้อขาด้านในก่อนต้องรู้สึกถึงสัมผัสเปียกแฉะ เมื่อเขาจงใจใช้ลิ้นลากยาวขึ้นสูงจนเกือบจะชนขอบแพนตีด้านใน
มะ ไม่ได้แล้ว ฉันต้องรีบทำอะไรสักอย่างแล้ว!
"พี่ภูขา... อือ...อ...หยุดก่อนสิคะ" ฉันจงใจทำเสียงกระเส่า บิดข้อมือเบาๆ ให้หลุดจากมือหนา ซึ่งนี่คงเป็นสิ่งเดียวที่ฉันคิดได้เมื่อถูกผู้ชายกะล่อนจู่โจมกะทันหันแบบนี้ และดูเหมือนมันจะง่ายและเป็นไปอย่างที่คิด เมื่อเขายอมปล่อยมือทั้งสองข้างของฉันออกอย่างว่าง่าย "อ...อัญยังไม่ทันเตรียมตัวเตรียมใจเลยนะคะ อือ…”
เขาผละริมฝีปากจากต้นขาอ่อนฉันเล็กน้อย ช้อนตาสบตาฉันที่จ้องมองการกระทำของเขากลับไปเช่นกัน
ฉันกระตุกยิ้มเชิญชวนผู้ชายตรงหน้าเล็กน้อย พลางใช้ปลายนิ้วชี้ไล้ไปตามโครงหน้าได้รูปลงต่ำมายังปลายคางด้วยท่าทางจริตที่สุด
"ขอเวลาอัญทำใจสักครู่ไม่ได้ เหรอคะ...พี่ภูผา~"
"น้องอัญชัน..." พี่ภูผาพึมพำท่าทางสนอกสนใจ แขนที่เคยล็อคต้นขาของฉันแน่นเริ่มคลายออกช้าๆ
"จ๋า...พี่ภูผา~" ฉันขานรับเสียงหวานเอื้อมมือขย้ำผมสีดำมะเดื่อเบาๆ ก่อนจะเพิ่มแรงขึ้นจนกลายเป็นกระชาก พร้อมทั้งฉวยโอกาสในตอนที่เขาไม่ระวังตัวที่สุดเตะผ่าหมากอัดสวนไปหนึ่งทีเพื่อสั่งสอน -__-++
ผลัก!!!
“อึก!!!”
ไอ้ผู้ชายเจ้าเล่ห์นั่งทรุดกับพื้นในท่าชันเข่า สองมือกุมเป้ากางเกงแน่นด้วยสีหน้าและท่าทางเจ็บปวด ฉันจงใจใช้ปลายส้นสูงเขี่ยตัวเขาให้ออกห่างแล้วรีบปลีกตัวมายืนอยู่บริเวณมุมลิฟต์ในท่ากอดอกอย่างไม่สนใจ
"หนะ...น้องอัญ...น้องอัญหลอกดาวว T^T"
ปิ๊ง!!
เสียงสัญญาณลิฟต์ที่ดังขึ้นพร้อมบานประตูที่เปิดออกช้าๆ ทำเอาคนด้านนอกที่ยืนคอยลิฟต์อยู่มองเราทั้งคู่ด้วยความประหลาดใจ บ้างทำตาโตงุนงงกับสิ่งที่เห็นภายในลิฟต์
ฉันกรอกตาเล็กน้อยก่อนจะเหลือบมองร่างสูง ที่กำลังพยายามพยุงร่างตัวเองให้ลุกขึ้นเหมือนปกติด้วยท่าทางเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"เราออกชั้นนี้ค่ะน้องอัญ..." เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่พยายามปรับให้ดูเป็นปกติที่สุด และนั่นทำให้ฉันรีบเดินจ้ำเท้าออกจากลิฟต์ฝ่าผู้คนด้านนอกที่รอใช้บริการกันอยู่ออกไปในทันที
"มองไร? ไม่เคยเห็นคนซ้อมขอแต่งงานว่าที่เมียในอนาคตเหรอห๊ะ!!"
เสียงโวยวายของอีตาภูผาโรคจิต ทำฉันเหลียวหลังมองเหตุการณ์ตรงหน้าลิฟต์เล็กน้อย ก่อนจะพบเข้ากับท่าทางเขินอายที่พยายามแก้ต่างให้ตัวเองของพี่ภูผา ที่ดูจะหงุดหงิดเพราะเสียงซุบซิบและสายตาของคนที่กำลังรอใช้บริการลิฟต์อยู่
ขอแต่งงานเหรอ? แถได้ห่วยบรม -_-
"ขอแต่งงานอ่ะ ขอแต่งงาน ไม่เคยเห็นเหรอไง!!" เขายังคงโวยวายไม่หยุดและในตอนนั้นเองที่เขาดันหันมาสบตากับฉันที่กำลังยืนมองเขาอยู่ด้วยความ... เอ่อ... จะด้วยความรู้สึกอะไรก็ช่างเถอะ แต่ว่าลึกๆ แล้วฉันกลับรู้สึกว่าพี่ภูก็ดูตลกดีเหมือนกัน โดยเฉพาะเวลาที่เขาแก้ต่างให้ตัวเองเพื่อให้หลุดพ้นจากการตกเป็นเป้าสายตาจากความขายหน้า
"น้องอัญคะ! รอพี่ภูด้วยค่ะที่รัก T^T"