บทที่ 5

1609 Words
"หนะ...น้องอัญ" สิ่งที่ผมมองเห็นผ่านสายตาท่ามกลางความเจ็บปวดและอาการจุก คือภาพของน้องอัญชันในชุดนักศึกษาขาดรุ่ย สะบัดปลายผมสวยที่หลุดลุ่ยด้วยน้ำมือผม เดินออกจากร้านกาแฟไปพร้อมกับยัยบื้อหน้าโง่เพื่อนรักของเธอ และมีเพียงสิ่งเดียวที่ผมอยากจะบอกเธอในวินาทีนี้ แม้ว่าเสียงที่มีมันจะหายไปจนแทบหมดสิ้นแล้วก็ตาม "มะ เมียจ๋า... ผัวขอโทษ T^T" 21.20 น. Lamtarn's Mizzo Café ดนตรีทำนองเบาสบายดังคลอไปทั่วร้านเบเกอรีเล็กๆ แต่เป็นที่รู้จักโดยทั่วกันสำหรับสาวน้อยสาวใหญ่ที่รักและชื่นชอบในการนั่งดื่มด่ำกับเค้กรสชาติหวานอร่อยและเครื่องดื่มที่ถูกชงอย่างประณีตจนรสชาติกลมกล่อม โดยเฉพาะกับความฮอตของลูกชายผู้เป็นเจ้าของร้านแบบ 'ลำธาร' เพื่อนผมด้วยแล้วล่ะก็… ทำให้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมในทุกๆ วันร้านเบเกอรีร้านเล็กๆ แห่งนี้จึงอัดแน่นไปด้วยลูกค้าสาวๆ ถึงขนาดมีคิวต่อรอยาวไปจนถึงชาติหน้าในทุกๆ วัน แต่ถึงแบบนั้น บรรยากาศดีๆ ในร้านกลับถูกทำให้หดหายไปด้วยเสียงหัวเราะโคตรอร่อยของเพื่อนผมแบบเวหาจนแทบจะหมดสิ้น "ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ" "หุบปากได้รึยังวะไอ้เว -_-^" ผมทำเสียงดุใส่ไอ้เว ซึ่งแทนที่มันจะหยุดแต่นั่นกลับกลายเป็นชนวนเพิ่มเสียงหัวเราะของมันให้ดังขึ้นไปอีก "สรุปแล้ว มึงเจอเมียที่ได้กันในผับคืนนั้นแล้วใช่ไหมภู?" ธารถามขึ้นขัดเสียงหัวเราะน่าเกลียดของไอ้เวแบบไม่สนใจ พลางยกกาแฟในแก้วขึ้นจิบเล็กน้อย "เออ กูเจอแล้ว แต่ก็ดันพลาดแกล้งน้องเขาไว้เยอะ" "เลยโดนน้องเขาเตะไข่มาไงวันนี้ ฮ่าๆๆๆๆ" ไอ้เวเสริมพร้อมกับหัวเราะลั่น "แล้วมึงจะทำยังไงต่อไป ถ้าน้องเขาเตะผ่าหมากมาขนาดนี้ แปลว่าเขาคงโกรธมึงมากเลยนะไอ้ภู" “…” "มึงควรจะรีบไปง้อเขา ขืนปล่อยให้ช้ากว่านี้เขาอาจจะเกลียดมึงก็ได้" ลำธารเสนอด้วยสีหน้าและท่าทางเรียบนิ่ง ทำเอาผมเริ่มรู้สึกปวดหัวจี๊ดๆ "ผู้หญิงอ่ะง้อด้วยยักษ์เดี๋ยวก็หายเชื่อกูดิ" เวหาเสริม "ยักษ์อะไรของมึงวะไอ้เว?" ผมย่นคิ้วจ้องหน้ามันกลับไปด้วยความสงสัย ไอ้เวกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์เล็กน้อยก่อนจะเริ่มเฉลยให้ผมหายข้องใจ "ยักษ์ จะให้ดีต้องมีเพชร" ตุบ!!! “ว้ายยย!!!” เสียงร้องที่ดังมาจากด้านหลังของร้าน ทำเอาพวกผมทั้งสามคนเบี่ยงความสนใจจากคำผวนงี่เง่าของเวหา และหันขวับมองไปที่ต้นเสียงเป็นตาเดียวกัน ก่อนจะพบเข้ากับเด็กสาวหน้าตาคุ้นๆ คนหนึ่งในสภาพคุ้นๆ ล้มลงไปกองกับพื้น ลำธารรีบลุกขึ้นจากบริเวณโต๊ะที่เราทั้งหมดนั่ง และเดินตรงไปทางหล่อนในทันที จะว่าไป...ยัยนั่นหน้าตาคุ้นๆอยู่เหมือนกันนะ "เป็นอะไรรึเปล่า?" ลำธารเอ่ยปากถามเด็กคนนั้นเสียงเรียบพลางยืนมือเข้าช่วยพยุงเธอให้ลุกขึ้นยืน และในตอนนั้นเองที่ภาพในหัวของผมมันดันประมวลผลทุกอย่างออกมาได้ทั้งหมด "ฉันแค่รู้สึกมึนหัวนิดหน่อยค่ะพี่ธาร ขอบคุณนะคะ" "พรุ่งนี้ลางานสักวันก่อนไหม? ดูเหมือนเธอจะไม่คอยสบายนะ" "ไม่ได้หรอกค่ะ ฉันต้องรีบหาเงินใช้ ไม่อย่างนั้น... ทางบ้านของฉันจะแย่เอา" "ยัยเพื่อนหน้าจืดของน้องอัญชัน!!!!" ผมลุกพรวดแบบรีบร้อนจ้องเขม่นสายตาไปยังสาวร่างเล็กข้างๆ ไอ้ธารท่าทางจริงจัง จนเธอชะงักคำพูดและทุกสิ่งลงด้วยความตกใจ "พะ...พี่ภูผา" "เธอคือเพื่อนของอัญชันใช่ไหม?" หล่อนพยักหน้ารับแทนคำตอบผมเล็กน้อยด้วยท่าทางกล้าๆ กลัวๆ และนั่นทำให้ผมรีบตรงปรี่ไปหาเธอในทันทีพร้อมกับยิงคำถามใส่รัวๆ "ดอกไม้ เงินทอง ของมีค่า เสือผ้า เครื่องสำอาง น้องอัญชันเพื่อนเธอชอบอะไรมากที่สุด!" "พะ...พี่ภูถามฉันทำไมรึคะ?" "เพราะยัยนั่นเป็นเมียเพื่อนพี่ยังไงล่ะครับ" เวหาเอ่ยปากตอบแทนผมที่ตอนนี้ ความคิดในหัวและร่างกายมันสั่นไปหมด แน่ละ...ในเมื่อยัยบ้านี่เป็นคนๆ เดียวที่รู้จักเมียผมดีกว่าใครๆ และผมต้องการคำตอบที่จะนำไปสู่หนทางง้อเมีย! "ยัยอัญน่ะเหรอคะเป็นแฟนของพี่ภูผา?" "ไม่ใช่แฟนบอกว่าเมีย! ถ้าน้องรักเพื่อน ไม่อยากให้เพื่อนท้องไม่มีพ่อ น้องควรจะแนะนำพวกพี่ว่าควรจะทำยังไงให้เพื่อนน้องหายโกรธไอ้ภูจะดีกว่า" ยัยหน้าซื่อดูมีท่าทีอ้ำอึ้งไปเล็กน้อย ท่าทางเธอดูเหมือนเชื่อและไม่เชื่อในสิ่งที่พวกผมพยายามบอก และผมจะไม่ยอมเสียเวลาไปมากกว่านี้ รีบเป็นฝ่ายชิงพูดออกไปอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่กดต่ำและเป็นมิตรมากที่สุด "ตอบคำถามมาได้แล้ว ไม่งั้นพี่จะให้คนไล่เธอออกจากมหา’ลัย!" ANCHAN TALK 14.00 น. "กลับบ้านแล้วเหรอคะคุณอัญ... ว้าย ทำไมคุณอัญเป็นแบบนี้ล่ะคะ!?" ป้าแจ่มทักทายน้ำเสียงเป็นกันเองทันทีที่ฉันลงจากรถแท็กซี่ที่บริเวณหน้ารั้วบ้าน ก่อนที่เธอจะมีน้ำเสียงตกใจ ปล่อยสายยางลงกับพื้นทันทีที่หันมาเห็นฉันในสภาพมอมแมมดูไม่ได้ เธอรีบวิ่งตรงเข้ามาช่วยถือกระเป๋าในมือด้วยท่าทีเป็นห่วงในทันที โดยไม่ลืมที่จะปิดสายยางและเอ่ยปากถามด้วยความเป็นห่วง "กะ...เกิดอะไรขึ้นกับคุณอัญคะเนี่ย? ใครทำคุณอัญเป็นแบบนี้บอกป้าสิคะ?" "ไม่มีอะไรหรอกค่ะป้า ฉันก็แค่ซุ่มซ่ามลื่นในมหา’ลัยทำน้ำส้มหกใส่ตัวเองน่ะ" ฉันตอบเสียงเรียบ รีบผลักรั้วประตูใหญ่เดินตรงเข้าไปในบ้านทันที สภาพในตอนนี้สิ่งที่ฉันต้องการทำกับตัวเองมากที่สุดคงจะไม่พ้นการอาบน้ำ แน่ละ...ในเมื่อฉันเหนียวตัวไปด้วยน้ำส้มจากน้ำมือผู้ชายสารเลวไม่ให้เกียรติคนอื่นแบบนี้ "คุณอัญคะ แจ่มขอเตือนคุณอัญไว้เลยนะคะ ไอ้นิสัยห้าวห่ามแบบเด็กผู้ชาย คุณอัญต้องลดๆ ลงบ้างนะคะ คิดถึงหน้าตาของคุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงด้วย" "ฉันรู้น่ะป้า จากคนจนๆ อยู่บ้านเก่าๆ ในสลัม กลายมาเป็นแบบนี้ได้ในทุกวันนี้ ฉันเองก็ไม่อยากสูญเสียทุกอย่างไป และฉันก็รู้ว่าพ่อกับแม่เองก็คงไม่อยากสูญเสียเหมือนกัน" "ทำอะไรก็ควรระวังหน่อยนะคะ คุณอัญเป็นผู้หญิง จะไปสู้รบปรบมืออะไรเหมือนเด็กผู้ชายไม่ได้..." ป้าแจ่มพูดด้วยท่าทางเป็นห่วงขณะเดินตามหลังฉันต้อยๆ มาส่งยังห้องนอนบนชั้นสองของบ้าน "ยิ่งสมัยเนี้ยข่าวอาชญากรรมภัยใกล้ตัวผู้หญิงยิ่งมีมากอยู่ด้วย" “…” "ไม่ข่าวข่มขืนก็มีแต่ข่าวเสียตัวของผู้หญิง เมื่อหลายวันก่อนลูกสาวของบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ก็ถูกแฟนหนุ่มมอมยาล่อลวงไปให้เพื่อนข่มขืน... ยุคสมัยนี้นี่มันมีแต่เรื่องอะไรกันนะ" ป้าแจ่มบ่นด้วยน้ำเสียงและท่าทางคิดไม่ตก ถึงจะรู้ว่าป้าแกเป็นคนขี้บ่นแบบนี้ก็ตาม แต่คำว่าเสียตัวที่แกพูดออกมานั่นกลับทำให้ฉันสะอึกขึ้นมาแบบลืมตัว "สะ...เสียตงเสียตัวอะไรกันป้า ฉันดูแลตัวเองได้น่า" ฉันรีบพูดปัด "แต่คุณอัญก็เป็นผู้หญิงนะคะ อีกอย่างดูเนื้อตัวคุณอัญตอนนี้สิสกปรกมอมแมมไปหมด แบบนี้เขาเรียกว่าดูแลตัวเองได้เหรอคะ?" ฉันถอนหายใจออกมาเบาๆ ยกมือถึงเท้าเอว เหลียวหลังมองหน้าป้าแจ่มเล็กน้อยคล้ายกับจะเอาเรื่องจนแกผงะไปเล็กน้อย "อัญอายุ 22 แล้วนะคะป้าแจ่ม แถมอัญยังเคยได้ชื่อว่าสาวยอดนักเตะก้านคอเด็กผู้ชายในสลัมมาก่อน..." ป้าแจ่มแลดูมีสีหน้าสลดลงเล็กน้อย ฉันเอื้อมมือแตะที่บ่าของแกเบาๆ พร้อมกับฉีกยิ้มกว้างเพื่อบอกให้ป้าแจ่มรู้ว่าฉันไม่ได้โกรธ พร้อมกับพูดคำพูดสั้นๆ ออกไปอีกครั้ง "เชื่ออัญนะคะป้า ^^" "คุณอัญเนี่ยชอบแกล้งป้าซะจริงๆ ป้าคิดว่าคุณอัญจะโกรธป้าที่พูดมากเสียอีก" "อัญเข้าใจป้าแจ่มค่ะ ไม่โกรธหรอก ^^" "ค่ะ เอาเป็นว่าป้าเชื่อใจและไว้ใจหนูอัญนะคะ ป้าก็คิดว่าคุณผู้หญิงและคุณผู้ชายต้องคิดแบบนั้นเหมือนกัน" "ค่ะ! ^O^" ฉันตอบป้าแจ่มเสียงใส แล้วรีบหันกลับไปยังประตูห้องนอนของตัวเอง ก่อนจะบิดลูกบิดแล้วผลักเข้าไปเบาๆ โดยไม่ลืมที่จะหันกลับไปขอกระเป๋าสะพายของตัวเองกับป้าแจ่มด้วย "ขอบคุณนะคะป้า ที่เดินมาส่งอัญถึงห้อง” "ค่ะ ไม่เป็นไร ป้าแค่เป็นห่วงหนูอัญน่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว อย่างงั้นป้าของลงไปรดน้ำต้นไม้ต่อนะคะ" "ตามสบายค่ะป้า" ฉันฉีกยิ้มเล็กน้อยก่อนเดินหายเข้าไปในห้องเพื่อทำธุระของตัวเองต่อไป แต่รู้อะไรไหมทันทีที่ประตูห้องปิดลง ขาทั้งสองข้างของฉันมันกลับทรุดลงไปเสียเฉยๆ เพราะทุกๆคำพูดที่ฉันเอ่ยออกไปมันกลายเป็นตราบาปในใจที่มีแค่ฉันเท่านั้นที่รู้ดี ว่าไม่มีทางรักษาเอาไว้ได้อีกต่อไปแล้ว…
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD