"หนะ...น้องอัญ"
สิ่งที่ผมมองเห็นผ่านสายตาท่ามกลางความเจ็บปวดและอาการจุก คือภาพของน้องอัญชันในชุดนักศึกษาขาดรุ่ย สะบัดปลายผมสวยที่หลุดลุ่ยด้วยน้ำมือผม เดินออกจากร้านกาแฟไปพร้อมกับยัยบื้อหน้าโง่เพื่อนรักของเธอ
และมีเพียงสิ่งเดียวที่ผมอยากจะบอกเธอในวินาทีนี้ แม้ว่าเสียงที่มีมันจะหายไปจนแทบหมดสิ้นแล้วก็ตาม
"มะ เมียจ๋า... ผัวขอโทษ T^T"
21.20 น.
Lamtarn's Mizzo Café
ดนตรีทำนองเบาสบายดังคลอไปทั่วร้านเบเกอรีเล็กๆ แต่เป็นที่รู้จักโดยทั่วกันสำหรับสาวน้อยสาวใหญ่ที่รักและชื่นชอบในการนั่งดื่มด่ำกับเค้กรสชาติหวานอร่อยและเครื่องดื่มที่ถูกชงอย่างประณีตจนรสชาติกลมกล่อม โดยเฉพาะกับความฮอตของลูกชายผู้เป็นเจ้าของร้านแบบ 'ลำธาร' เพื่อนผมด้วยแล้วล่ะก็…
ทำให้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมในทุกๆ วันร้านเบเกอรีร้านเล็กๆ แห่งนี้จึงอัดแน่นไปด้วยลูกค้าสาวๆ ถึงขนาดมีคิวต่อรอยาวไปจนถึงชาติหน้าในทุกๆ วัน แต่ถึงแบบนั้น บรรยากาศดีๆ ในร้านกลับถูกทำให้หดหายไปด้วยเสียงหัวเราะโคตรอร่อยของเพื่อนผมแบบเวหาจนแทบจะหมดสิ้น
"ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ"
"หุบปากได้รึยังวะไอ้เว -_-^" ผมทำเสียงดุใส่ไอ้เว ซึ่งแทนที่มันจะหยุดแต่นั่นกลับกลายเป็นชนวนเพิ่มเสียงหัวเราะของมันให้ดังขึ้นไปอีก
"สรุปแล้ว มึงเจอเมียที่ได้กันในผับคืนนั้นแล้วใช่ไหมภู?" ธารถามขึ้นขัดเสียงหัวเราะน่าเกลียดของไอ้เวแบบไม่สนใจ พลางยกกาแฟในแก้วขึ้นจิบเล็กน้อย
"เออ กูเจอแล้ว แต่ก็ดันพลาดแกล้งน้องเขาไว้เยอะ"
"เลยโดนน้องเขาเตะไข่มาไงวันนี้ ฮ่าๆๆๆๆ" ไอ้เวเสริมพร้อมกับหัวเราะลั่น
"แล้วมึงจะทำยังไงต่อไป ถ้าน้องเขาเตะผ่าหมากมาขนาดนี้ แปลว่าเขาคงโกรธมึงมากเลยนะไอ้ภู"
“…”
"มึงควรจะรีบไปง้อเขา ขืนปล่อยให้ช้ากว่านี้เขาอาจจะเกลียดมึงก็ได้" ลำธารเสนอด้วยสีหน้าและท่าทางเรียบนิ่ง ทำเอาผมเริ่มรู้สึกปวดหัวจี๊ดๆ
"ผู้หญิงอ่ะง้อด้วยยักษ์เดี๋ยวก็หายเชื่อกูดิ" เวหาเสริม
"ยักษ์อะไรของมึงวะไอ้เว?" ผมย่นคิ้วจ้องหน้ามันกลับไปด้วยความสงสัย
ไอ้เวกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์เล็กน้อยก่อนจะเริ่มเฉลยให้ผมหายข้องใจ
"ยักษ์ จะให้ดีต้องมีเพชร"
ตุบ!!!
“ว้ายยย!!!”
เสียงร้องที่ดังมาจากด้านหลังของร้าน ทำเอาพวกผมทั้งสามคนเบี่ยงความสนใจจากคำผวนงี่เง่าของเวหา และหันขวับมองไปที่ต้นเสียงเป็นตาเดียวกัน ก่อนจะพบเข้ากับเด็กสาวหน้าตาคุ้นๆ คนหนึ่งในสภาพคุ้นๆ ล้มลงไปกองกับพื้น
ลำธารรีบลุกขึ้นจากบริเวณโต๊ะที่เราทั้งหมดนั่ง และเดินตรงไปทางหล่อนในทันที
จะว่าไป...ยัยนั่นหน้าตาคุ้นๆอยู่เหมือนกันนะ
"เป็นอะไรรึเปล่า?" ลำธารเอ่ยปากถามเด็กคนนั้นเสียงเรียบพลางยืนมือเข้าช่วยพยุงเธอให้ลุกขึ้นยืน และในตอนนั้นเองที่ภาพในหัวของผมมันดันประมวลผลทุกอย่างออกมาได้ทั้งหมด
"ฉันแค่รู้สึกมึนหัวนิดหน่อยค่ะพี่ธาร ขอบคุณนะคะ"
"พรุ่งนี้ลางานสักวันก่อนไหม? ดูเหมือนเธอจะไม่คอยสบายนะ"
"ไม่ได้หรอกค่ะ ฉันต้องรีบหาเงินใช้ ไม่อย่างนั้น... ทางบ้านของฉันจะแย่เอา"
"ยัยเพื่อนหน้าจืดของน้องอัญชัน!!!!" ผมลุกพรวดแบบรีบร้อนจ้องเขม่นสายตาไปยังสาวร่างเล็กข้างๆ ไอ้ธารท่าทางจริงจัง จนเธอชะงักคำพูดและทุกสิ่งลงด้วยความตกใจ
"พะ...พี่ภูผา"
"เธอคือเพื่อนของอัญชันใช่ไหม?"
หล่อนพยักหน้ารับแทนคำตอบผมเล็กน้อยด้วยท่าทางกล้าๆ กลัวๆ และนั่นทำให้ผมรีบตรงปรี่ไปหาเธอในทันทีพร้อมกับยิงคำถามใส่รัวๆ
"ดอกไม้ เงินทอง ของมีค่า เสือผ้า เครื่องสำอาง น้องอัญชันเพื่อนเธอชอบอะไรมากที่สุด!"
"พะ...พี่ภูถามฉันทำไมรึคะ?"
"เพราะยัยนั่นเป็นเมียเพื่อนพี่ยังไงล่ะครับ" เวหาเอ่ยปากตอบแทนผมที่ตอนนี้ ความคิดในหัวและร่างกายมันสั่นไปหมด แน่ละ...ในเมื่อยัยบ้านี่เป็นคนๆ เดียวที่รู้จักเมียผมดีกว่าใครๆ และผมต้องการคำตอบที่จะนำไปสู่หนทางง้อเมีย!
"ยัยอัญน่ะเหรอคะเป็นแฟนของพี่ภูผา?"
"ไม่ใช่แฟนบอกว่าเมีย! ถ้าน้องรักเพื่อน ไม่อยากให้เพื่อนท้องไม่มีพ่อ น้องควรจะแนะนำพวกพี่ว่าควรจะทำยังไงให้เพื่อนน้องหายโกรธไอ้ภูจะดีกว่า"
ยัยหน้าซื่อดูมีท่าทีอ้ำอึ้งไปเล็กน้อย ท่าทางเธอดูเหมือนเชื่อและไม่เชื่อในสิ่งที่พวกผมพยายามบอก และผมจะไม่ยอมเสียเวลาไปมากกว่านี้ รีบเป็นฝ่ายชิงพูดออกไปอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่กดต่ำและเป็นมิตรมากที่สุด
"ตอบคำถามมาได้แล้ว ไม่งั้นพี่จะให้คนไล่เธอออกจากมหา’ลัย!"
ANCHAN TALK
14.00 น.
"กลับบ้านแล้วเหรอคะคุณอัญ... ว้าย ทำไมคุณอัญเป็นแบบนี้ล่ะคะ!?"
ป้าแจ่มทักทายน้ำเสียงเป็นกันเองทันทีที่ฉันลงจากรถแท็กซี่ที่บริเวณหน้ารั้วบ้าน ก่อนที่เธอจะมีน้ำเสียงตกใจ ปล่อยสายยางลงกับพื้นทันทีที่หันมาเห็นฉันในสภาพมอมแมมดูไม่ได้
เธอรีบวิ่งตรงเข้ามาช่วยถือกระเป๋าในมือด้วยท่าทีเป็นห่วงในทันที โดยไม่ลืมที่จะปิดสายยางและเอ่ยปากถามด้วยความเป็นห่วง
"กะ...เกิดอะไรขึ้นกับคุณอัญคะเนี่ย? ใครทำคุณอัญเป็นแบบนี้บอกป้าสิคะ?"
"ไม่มีอะไรหรอกค่ะป้า ฉันก็แค่ซุ่มซ่ามลื่นในมหา’ลัยทำน้ำส้มหกใส่ตัวเองน่ะ" ฉันตอบเสียงเรียบ รีบผลักรั้วประตูใหญ่เดินตรงเข้าไปในบ้านทันที
สภาพในตอนนี้สิ่งที่ฉันต้องการทำกับตัวเองมากที่สุดคงจะไม่พ้นการอาบน้ำ แน่ละ...ในเมื่อฉันเหนียวตัวไปด้วยน้ำส้มจากน้ำมือผู้ชายสารเลวไม่ให้เกียรติคนอื่นแบบนี้
"คุณอัญคะ แจ่มขอเตือนคุณอัญไว้เลยนะคะ ไอ้นิสัยห้าวห่ามแบบเด็กผู้ชาย คุณอัญต้องลดๆ ลงบ้างนะคะ คิดถึงหน้าตาของคุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงด้วย"
"ฉันรู้น่ะป้า จากคนจนๆ อยู่บ้านเก่าๆ ในสลัม กลายมาเป็นแบบนี้ได้ในทุกวันนี้ ฉันเองก็ไม่อยากสูญเสียทุกอย่างไป และฉันก็รู้ว่าพ่อกับแม่เองก็คงไม่อยากสูญเสียเหมือนกัน"
"ทำอะไรก็ควรระวังหน่อยนะคะ คุณอัญเป็นผู้หญิง จะไปสู้รบปรบมืออะไรเหมือนเด็กผู้ชายไม่ได้..." ป้าแจ่มพูดด้วยท่าทางเป็นห่วงขณะเดินตามหลังฉันต้อยๆ มาส่งยังห้องนอนบนชั้นสองของบ้าน "ยิ่งสมัยเนี้ยข่าวอาชญากรรมภัยใกล้ตัวผู้หญิงยิ่งมีมากอยู่ด้วย"
“…”
"ไม่ข่าวข่มขืนก็มีแต่ข่าวเสียตัวของผู้หญิง เมื่อหลายวันก่อนลูกสาวของบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ก็ถูกแฟนหนุ่มมอมยาล่อลวงไปให้เพื่อนข่มขืน... ยุคสมัยนี้นี่มันมีแต่เรื่องอะไรกันนะ" ป้าแจ่มบ่นด้วยน้ำเสียงและท่าทางคิดไม่ตก ถึงจะรู้ว่าป้าแกเป็นคนขี้บ่นแบบนี้ก็ตาม แต่คำว่าเสียตัวที่แกพูดออกมานั่นกลับทำให้ฉันสะอึกขึ้นมาแบบลืมตัว
"สะ...เสียตงเสียตัวอะไรกันป้า ฉันดูแลตัวเองได้น่า" ฉันรีบพูดปัด
"แต่คุณอัญก็เป็นผู้หญิงนะคะ อีกอย่างดูเนื้อตัวคุณอัญตอนนี้สิสกปรกมอมแมมไปหมด แบบนี้เขาเรียกว่าดูแลตัวเองได้เหรอคะ?"
ฉันถอนหายใจออกมาเบาๆ ยกมือถึงเท้าเอว เหลียวหลังมองหน้าป้าแจ่มเล็กน้อยคล้ายกับจะเอาเรื่องจนแกผงะไปเล็กน้อย
"อัญอายุ 22 แล้วนะคะป้าแจ่ม แถมอัญยังเคยได้ชื่อว่าสาวยอดนักเตะก้านคอเด็กผู้ชายในสลัมมาก่อน..." ป้าแจ่มแลดูมีสีหน้าสลดลงเล็กน้อย ฉันเอื้อมมือแตะที่บ่าของแกเบาๆ พร้อมกับฉีกยิ้มกว้างเพื่อบอกให้ป้าแจ่มรู้ว่าฉันไม่ได้โกรธ พร้อมกับพูดคำพูดสั้นๆ ออกไปอีกครั้ง "เชื่ออัญนะคะป้า ^^"
"คุณอัญเนี่ยชอบแกล้งป้าซะจริงๆ ป้าคิดว่าคุณอัญจะโกรธป้าที่พูดมากเสียอีก"
"อัญเข้าใจป้าแจ่มค่ะ ไม่โกรธหรอก ^^"
"ค่ะ เอาเป็นว่าป้าเชื่อใจและไว้ใจหนูอัญนะคะ ป้าก็คิดว่าคุณผู้หญิงและคุณผู้ชายต้องคิดแบบนั้นเหมือนกัน"
"ค่ะ! ^O^" ฉันตอบป้าแจ่มเสียงใส แล้วรีบหันกลับไปยังประตูห้องนอนของตัวเอง ก่อนจะบิดลูกบิดแล้วผลักเข้าไปเบาๆ โดยไม่ลืมที่จะหันกลับไปขอกระเป๋าสะพายของตัวเองกับป้าแจ่มด้วย "ขอบคุณนะคะป้า ที่เดินมาส่งอัญถึงห้อง”
"ค่ะ ไม่เป็นไร ป้าแค่เป็นห่วงหนูอัญน่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว อย่างงั้นป้าของลงไปรดน้ำต้นไม้ต่อนะคะ"
"ตามสบายค่ะป้า" ฉันฉีกยิ้มเล็กน้อยก่อนเดินหายเข้าไปในห้องเพื่อทำธุระของตัวเองต่อไป
แต่รู้อะไรไหมทันทีที่ประตูห้องปิดลง ขาทั้งสองข้างของฉันมันกลับทรุดลงไปเสียเฉยๆ เพราะทุกๆคำพูดที่ฉันเอ่ยออกไปมันกลายเป็นตราบาปในใจที่มีแค่ฉันเท่านั้นที่รู้ดี ว่าไม่มีทางรักษาเอาไว้ได้อีกต่อไปแล้ว…