PHUPHA TALK
@มหาวิทยาลัยเอกชน X
10.30 น.
รถสปอร์ตเปิดประทุนสีดำเงาราคาแพงขับเคลื่อนไปตามถนนทางเข้ามหาวิทยาลัยด้วยความเร็ว สร้างเสียงฮือฮาและตกเป็นเป้าสายตาของนักศึกษาคนอื่นๆ ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะกับผู้ชายที่เป็นเจ้าของรถอย่างผม ‘นายภูผา อัครไพศาลกูล’
ผมขับรถมาหยุดจอดอยู่ที่หน้าทางเข้าตึกของอธิการบดีมหาวิทยาลัย ก่อนจะรีบพาตัวเองลงจากรถ เพื่อไปหาตัวบุคคลที่เป็นเป้าหมายของการมาเหยียบมหาวิทยาลัยในรอบหนึ่งเดือน
ตึงงง!!!
"อ้าวว่าไงภู ไอ้หลานรัก"
"เงียบไปเลยลุง!" ผมขัดเสียงทักทายที่ฟังดูเป็นมิตรจากผู้ชายตรงหน้าอย่างไม่สนใจ แล้วรีบจ้ำเท้าเพื่อหวังเข้าไปคุยธุระที่เตรียมมาให้จบโดยไว
"วันนี้มามหา’ลัยได้ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?"
"แน่นอน ถ้าไม่มีผมคงไม่แบกหน้ามาหาคุณหรอก" เป็นอีกครั้งที่ผมขัด
ลุงกฤษณ์ ชายผู้เป็นสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณป้าของผม จ้องมองผมด้วยสายตาเป็นมิตร ซึ่งบอกตามตรงว่าผมโคตรเกลียดสายตาแบบนั้นของเขา เพราะแม่งโกหกสิ้นดี
"มีเรื่องอะไรให้ ช่วยงั้นเหรอภู?"
"ผมต้องการรู้ประวัตินักศึกษาคนหนึ่งในมหา’ลัยของลุง" ผมรีบพูดเข้าประเด็นพร้อมกับหยิบซองใส่แผ่นซีดีแผ่นเล็กยื่นให้ลุงกฤษณ์และพูดต่อ "จัดการให้ผมได้ไหม?"
ลุงกฤษณ์ขยับยิ้มมุมปากเล็กน้อย และยอมรับแผ่นซีดีไปจากมือผมอย่างว่าง่าย ก่อนเอ่ยปากถามออกมาอีกครั้งสั้นๆ
"ผู้หญิงใช่ไหม?"
"..."
"สวยหรือเปล่า หุ่นดีและรวยเท่าป้าแกไหม?"
คำถามของลุงกฤษณ์ทำผมเผลอกำหมัดแน่นเพื่อระงับอารมณ์โมโหที่เริมประทุอยู่ภายในหัว
"สวยหรือเปล่า? ลุงคิดว่าคนอย่างผมจะคั่วเด็กหน้าตาบ้านๆ ริมถนนรึไง" ผมตอบน้ำเสียงปนขำเหลือบตามองหน้าลุงที่ดูจะตั้งใจฟังผมเป็นอย่างมาก หุ่นดีหรือเปล่า? ผมว่าเธอคนนี้ก็งั้นๆ นั่นแหละ หน้าอกแค่เต็มมือ เอวเล็กคอดน่าฟัด สะโพกกลมมนคลึงทั้งคืนได้ไม่เบื่อ... มันก็แค่นั้น
ลุงกฤษณ์หัวเราะออกมาเบาๆ กับคำตอบที่ได้รับ
"แล้วแกมั่นใจได้ยังไง ว่าผู้หญิงน่าคลึงของแก เธออยู่ในมหา’ลัยของเรา"
"ผมเจอเธอที่ผับตอนงานวันเกิด ซึ่งแน่นอนวันนั้นผมเหมาทั้งผับเพื่อเชิญแค่เด็กในมหา’ลัย คงไม่มีคนนอกสามารถเข้าไปในผับได้แน่ๆ"
ลุงกฤษณ์พยักหน้าอย่างเข้าใจพลางโบกแผ่นซีดีไปมาเบาๆ
"โอเค เข้าใจแล้ว ถ้าได้เรื่องอะไรยังไง ลุงจะรีบให้คนโทรไปบอก"
สิ้นเสียงคำตอบรับของลุงที่ผมไม่ชอบขี้หน้า ผมก็รีบหันหลังเพื่อหวังจะออกไปให้พ้นๆ หน้าผู้ชายคนนี้โดยไว ทว่า...
"ถ้าคิดจะจับผู้หญิงคนนี้ทำเมีย ดูมันให้แน่ใจก่อนนะภู ว่าเธอคนนี้ไม่จนหรือด้อยไปกว่าครอบครัวของแก…”
ผมเม้มปากแน่น ค่อยๆ เหลียวหลังมองลุงกฤษณ์อีกครั้ง โดยพยายามระงับอารมณ์หงุดหงิดในหัวที่แทบจะระเบิดออกมาภายในเสี้ยววินาทีลง
"ตระกูลอัครไพศาลกุล รวยพอที่จะซื้อโลกทั้งใบได้ ไม่จำเป็นต้องเกาะหางผู้หญิงกินเหมือนแมงดา" ผมยิ้มกริ่มทันทีที่สีหน้าของลุงกฤษณ์เปลี่ยนไป เมื่อเจอคำพูดแทงใจดำ "ที่สำคัญถึงเธอคนนั้นจะจนหรือรวย ยังไงยัยนั่นก็เมียผม"
“ไอ้ภู!!!”
"ลุงก็รีบๆ จัดการให้ผมด้วยแล้วกัน ก่อนที่ป้าผมจะรู้ว่าลุงเอาเงินในบัญชีป้าผม ไปหมดกับการพนันงี่เง่าเกือบสิบล้าน”
ลุงกฤษณ์ได้แต่กำมือแน่นเพราะไม่สามารถโต้ตอบคำขู่ได้ ผมไม่รอช้ารีบปลีกตัวเดินออกจากห้องทำงานของลุงไปในทันที โดยไม่รอฟังคำแก้ตัวหรือข้ออ้างงี่เง่าที่เคยได้ยินบ่อยๆ เวลาป้าโทรมาปรับทุกข์กับแม่
แสงแดดอ่อนๆ ตอนสายๆ ทำให้ผมต้องรีบพุ่งตัวตรงไปที่รถเพื่อควานหาแว่นกันแดดราคาแพงที่เพิ่งได้มาเป็นของขวัญเมื่อตอนงานวันเกิดขึ้นมาสวม เหตุผลน่ะเหรอ? เพราะแสงแดดช่วงสายๆ อาจจะทำร้ายรูม่านตาของผมที่แสนจะบอบบางได้โดยที่ผมไม่รู้ตัว ดังนั้นผมควรจะกันไว้ดีกว่าแก้ เพราะถ้าหากวันหนึ่งผมตาบอดขึ้นมา ความหล่อที่มีอาจจะลดลงไปตามลำดับ
"เฮ้อ..." เป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ที่ผมเผลอถอนหายใจออกมาเบาๆ แบบไม่รู้ตัว ยิ่งได้เห็นผ้าคาดผมดอกอัญชันที่เริ่มแห้งเหี่ยวไปตามกาลเวลาด้วยแล้วละก็... ผมก็ยิ่งอยากเจอหน้าเธออีกสักที
ซินเดอเรลล่าพรากซิง...
บรืนนนน บรืนนนนนนนน
เสียงของเครื่องยนต์รถที่ดังแว่วมาจากด้านหลัง ทำให้ผมเหลือบมองเจ้าของเสียงเครื่องยนต์ผ่านแว่นกันแดดโดยอัตโนมัติ
รถคันดังกล่าวค่อยๆ ชะลอความเร็วก่อนจะหยุดจอดขนาบข้างรถผมในที่สุด
"โย้ววววว ภูผา!" น้ำเสียงกวนๆ ที่เอ่ยปากทักทาย ทำให้ ผมต้องพยักหน้ารับแทนคำพูดตามวิสัย "เอาแผ่นซีดีมาให้ ลุงแมงดาของมึงแล้วรึไง?"
"เออ" ผมตอบมันกลับไปเพียงสั้นๆ
เวหาหัวเราะรวน รีบเปิดประตูลงจากรถท่าทางกวนประสาท ก่อนจะเริ่มพ่นคำถามออกมาอีกครั้ง
"อีกไม่นานเว้ยเพื่อน มึงก็จะได้เจอซินเดอเรลล่ากระชากซิงแล้ว"
"หุบปากน่าไอ้เว"
"อะไรวะเพื่อนพูดงี้ได้ไงวะ นั่นมันเมียคนแรกของมึงเลยนะ แทนที่จะเป็นมึงพรากซิงเขาเสือกถูก
เขาพรากซิง" เวหาพูดน้ำเสียงกลั้นขำ จนผมต้องง้างมือตบหัวมันไปทีเพื่อให้เงียบ
"อย่ามาเรียกเมียกูแบบนั้น เมียกูเปรียบเป็นซินเดอเรลล่าไม่ได้หรอก ขึ้นชื่อว่าเมียกูมันต้องสูงส่งยิ่งกว่าเจ้าหญิงโว้ยย"
"กูชักอยากจะเห็นหน้าเมียมึงตัวเป็นๆ ซะแล้วสิ ว่าจะสูงส่งเกินเจ้าหญิงจริงๆ หรือเปล่า" เวหายักไหล่
กวนๆ ก่อนจะเอื้อมมือมาตบบ่าผมเบาๆ แล้วพูดต่อ "ไปร้านกาแฟมหา’ลัยกันเหอะว่ะ กูอยากได้กาแฟเย็นๆ
สักแก้ว"
ว่าแล้วมันก็รีบจ้ำเท้าเดินกลับไปขึ้นรถทั้งๆ อย่างนั้น ซึ่งผมคงไม่มีทางปฏิเสธเพื่อนรักของผมคนนี้
อยู่แล้ว ทำให้ต้องรีบกระโดดขึ้นรถ ก่อนจะสตาร์ทเครื่องยนต์แล้วเลี้ยวรถขับตามหลังรถของเวหาไปติดๆ
อีกนิดเดียว... เดี๋ยวเราก็จะได้เจอหน้ากันแล้ว
อดทนเข้าไว้ไอ้ภู
เวลาในตอนนี้นี่มันก็แค่เหมือนกับการ 'เล่นเกมส์ซ่อนหา'
ANCHAN TALK
@ร้านขายยาประจำมหาวิทยาลัยเอกชน X
ฉันยืนบิดตัวไปมาเล็กน้อยด้านหน้าเคาน์เตอร์ขายยา เพื่อไม่ให้ของเสียเหลวๆ ภายในตัวไหล
เปรอะช่วงหว่างขา แม้ว่าในตอนนี้ฉันจะรู้สึกเหนอะหนะบริเวณระหว่างขามากเท่าไหร่ก็ตาม แต่ฉันก็ยังไม่กล้าพูดในสิ่งที่อยากจะซื้อออกไปอยู่ดี เพราะทั่วบริเวณร้านเต็มไปด้วยนักศึกษาที่ต่างพากันเข้ามาซื้อยา
และอุปกรณ์ทำแผลต่างๆ ให้วุ่นวายกันไปหมด
ถ้าประจำเดือนแบบปกตินี่ไม่ได้กระโปรงยาวคลุมเข่า ป่านนี้คนคงจะรู้กันหมดว่าฉันกำลังมีประจำเดือน -_- แต่มันดันไม่ใช่สิ
ชีวิตของฉัน 'อัญชัน' สาวใสวัย 22 ปี ดันเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นเมื่อสองคืนก่อน เมื่อเพื่อนรักของ
ฉัน 'ยัยปูไท' เกิดอยากไปร่วมปาร์ตี้งานวันเกิดของลูกชายเจ้าของมหาวิทยาลัย จนฉันพลาดท่าเสียทีได้เสียกับตัวผู้ที่ไหนไม่รู้ T^T นั่นเลยเป็นสาเหตุว่าทำไมเลือดถึงได้ไหลออกมาบ่อยๆ ไม่หยุด คล้ายกับจะเป็นตราบาปให้ตรึงใจว่า ฉันไม่ใช่สาวบริสุทธิ์อีกต่อไปแล้ว TTOTT
ยิ่งฉันมีภาพพจน์ที่แสนจะเรียบร้อยอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย คะแนนสอบระดับคณะก็ยังเป็นอันดับหนึ่ง
แล้วแบบนี้จะให้ฉันกล้าซื้อของที่ต้องการในใจได้ยังไงล่ะ T_T
"หนูจะซื้ออะไรจ๊ะ" ป้าร้านขายยาเอ่ยปากถามท่าทางใจดี และนั่นทำให้ฉันสะดุ้งจากภวังค์
ฉันรีบหันขวับมองซ้ายขวาเพื่อดูทางว่าสะดวกคนไหม ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปจนแทบชิดกับหน้าป้าแก แล้วตอบกลับไปเสียงค่อย
"ขะ...ขอผ้าอนามัยแบบสอดกล่องนึงค่ะ"
"แค่ผ้าอนามัยเอง เดียวป้าหยิบให้นะ"
"ดะ...เดี๋ยวค่ะป้า!!!" ฉันร้องห้ามแกอีกครั้ง จนแกหยุดชะงักหันมองหน้าฉันเป็นหนที่สองด้วยความสงสัย
"อะไรหรือจ๊ะ?"
"หนะ...หนูขอ..."
“?”
"ขะ...ขอ...เอ่อ...ยา...เอ่อยา...."
"จะเอายาคุมใช่ไหม? เอาแบบฉุกเฉิน รายอาทิตย์หรือรายเดือนล่ะ?"
สิ้นเสียงย้อนถามของป้าร้านขายยา ทำเอานักศึกษาที่กำลังพากันเข้ามาซื้ออุปกรณ์ทำแผลต่างจับ
จ้องมองมาที่ฉันเป็นสายตาเดียว
"มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่เมื่อไหร่?" ป้ายังคงตะโกนถามเสียงดังไม่หยุด
"สะ...สองคืนแล้วค่ะ"
"โอ้ยยย ถ้างั้นฉุกเฉินคงใช้ไม่ทันแล้วล่ะ เอาแบบเป็นอาทิตย์หรือเดือนไปแทนแล้วกัน ฉุกเฉินมันต้องกินภายใน72 ชั่วโมงเท่านั้น"
ว่าแล้วป้าแกก็จัดผ้าอนามัยแบบสอดพร้อมด้วยแผงยาคุมมาวางบนเคาน์เตอร์ พร้อมรอยยิ้มที่เปลี่ยนไป
"ท่าทางออกจะเรียบร้อย ไม่น่าเลยนะหนู"
“…”
“ทั้งหมด 190 บาท”
ฉันรีบก้มหน้างุดวางแบงค์ร้อยสองใบกับเคาน์เตอร์โดยไม่ลืมคว้าของที่ได้มายัดลงกระเป๋ า ก่อนจะจ้ำเท้าออกจากร้านขายยาของมหาวิทยาลัยไปทันทีโดยไม่รอเงินทอน ท่ามกลางเสียงซุบซิบของนักศึกษาที่เห็นเหตุการณ์
หมดแล้วภาพพจน์ของฉัน TOT ถ้าเรื่องนี้รู้เข้าไปถึงหูของพ่อกับแม่เมื่อไหร่ มีหวังพวกท่านต้องเสียใจแน่ๆ ที่มีลูกสาวเหลวแหลกแบบนี้!!
ฉันรีบพาตัวเองตรงไปยังบริเวณหอนาฬิกาของมหาวิทยาลัย ซึ่งที่บริเวณนั้นจะมีร้านกาแฟเล็กๆ ไว้บริการ และที่ร้านกาแฟนั่นแหละที่เป็นที่นัดพบอีกที่ของฉันกับปูไท ดังนั้นก่อนจะถึงเวลานัดฉันต้องรีบไปจัดแจงธุระของตัวเองให้ เรียบร้อยเสียก่อน ห้องน้ำบริเวณหอนาฬิกาจึงกลายเป็นจุดหมายต่อไปที่ฉันจะเข้าไปล้างความอับอายในร้านขายยาเมื่อครู่
‘ห้องน้ำอนาถ' คือชื่อเรียกขานเฉพาะของห้องน้ำบริเวณหอนาฬิกา ที่มีเพียงแค่สองห้องติดโดย
แบ่งเป็นหญิงกับชาย เหตุผลที่ห้องน้ำบริเวณหอนาฬิกาถูกขนานนามแบบนี้ก็คงเป็นอะไรๆ ที่ไม่ค่อยสมประกอบสักเท่าไหร่ เช่น น้ำไม่ไหล ประตูล็อกไม่ได้ บางทีก็มีนักศึกษาเข้าไปทำธุระหนักเอาไว้ แต่ดันไม่ราดน้ำ -_-;; การมาใช้บริการห้องน้ำที่หอนาฬิกาจึงเป็นการวัดดวงที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ ติดอันดับที่ 2 ของมหาลัยเอกชน x เลยก็ว่าได้
ฉันเอื้อมมือผลักประตูห้องน้ำหญิงเข้าไปเบาๆ เพื่อสำรวจภายใน ก่อนจะรีบปิดประตูกลับเหมือนเดิม เมื่อพบว่ามีธุระหนักของใครบางคนที่เข้ามาใช้บริการก่อนหน้าปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ราด ที่สำคัญเลย
นี่มันห้องน้ำหญิงนะโว้ยยย!!
...ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้หญิงจะทำนิสัยทุเรศทุรังแบบนี้ด้วย
เมื่อห้องน้ำหญิงเป็นสถานที่อันตรายที่ฉันไม่อาจจะเข้าไปเหยียบได้ ฉันจึงเปลี่ยนเป้าหมายเป็นห้องน้ำชาย
ฉันเอื้อมมือผลักประตูเล็กน้อยและเตรียมกลั้นหายใจเผื่อมีสงครามกองอยู่ในห้องน้ำ แต่ว่า...มันกลับผิดคาด เมื่อภายในห้องน้ำชายห้องนี้ค่อนข้างสะอาดสะอ้าน ต่างจากห้องน้ำหญิงอีกห้องจนน่าแปลกใจ
เพราะฉันไม่มีเวลามากนัก ทางเลือกสุดท้ายเลยไม่พ้นต้องพาตัวเองเข้าไปทำธุระในห้องน้ำชายแต่มันก็เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด เมื่อที่ล็อกกลอนประตูห้องน้ำชายมันดันหายไป TOT
โธ่…ชีวิตฉัน
ยิ่งเวลานัดใกล้เข้ามามากขึ้น ฉันก็เลยต้องรีบแก้สถานการณ์โดยการหยิบสายคาดหัวดอกอัญชันที่มักจะพกติดกระเป๋าเผื่อเที่ยวอยู่เสมอๆ ออกมาเพื่อผูกติดด้ามจับประตูกับราวแขวนกระเป๋าใกล้ๆ
"แค่นี้ก็เรียบร้อย..." ฉันพึมพำบอกตัวเองเบาๆ เมื่อรู้สึกว่าเวลาที่ฉันรอคอยใกล้จะมาถึง ก่อนจะรีบพาตัวเองขึ้นไปนั่งบนคอห่านโดยเลิกกระโปรงขึ้นสูงเพื่อไม่ให้เปียกน้ำที่เจิ่งค้างบนพื้น
"แค่สอดเข้าไปใช่ไหม..." ฉันกลั้นหายใจเล็กน้อยเมื่ออ่านวิธีใช้ผ้าอนามัยแบบสอดข้างกล่อง ก่อนจะเริ่มแกะกล่องออกเพื่อจัดการธุระของตัวเอง
ให้ ตายสิ... ทำไมมันน่าอายแบบนี้นะ T///T
ตึก ตึก ตึก ตึก...
เสียงฝีเท้าของใครบางคนด้านนอกห้องน้ำ ทำให้ฉันรีบกลั้นใจทำธุระของตัวเองจนเสร็จ โดยไม่ลืมวักน้ำในอ่างเพื่อล้างคราบเลือดที่เปื้อนระหว่างขาออกแบบรีบๆ พร้อมลุกพรวดเพื่อจะดึงแพนตีใส่ให้เรียบร้อย โดยไม่ให้บุคคลด้านนอกรู้ว่ามีนักศึกษาผู้หญิงกำลังทำธุระอยู่ในห้องน้ำชาย
แกร๊กๆ…
เสียงบิดกลอนประตูพร้อมแรงกระแทกเบาๆ ทำเอาฉันหยุดชะงักลงเล็กน้อยเพราะรู้สึกหวาดเสียวและในขณะที่ฉันดึงแพนตีขึ้นสวมให้เรียบร้อยอยู่นั่นเอง
ตึง!!! ตึง!!!
โครม!!!!!!!!!!!!!!
O__O
ประตูห้องน้ำถูกกระแทกเข้ามาอย่างแรง พร้อมปรากฏร่างของผู้ชายคนหนึ่งในชุดนักศึกษามหาวิทยาลัยเดียวกันพร้อมแว่นกันแดดสีดำ เรี่ยวแรงที่มีในตอนแรกเริ่มอันตรธานหายไปจนเผลอปล่อยกระโปรงนักศึกษาตัวยาวลงแบบลืมตัว
"กางเกงในสีขาวงั้นเหรอ? แบบยังเป็นแบบธรรมดาซะด้วย เชยชะมัด"