“จริงเหรอ พ่อหนุ่มคนนั้นเป็นดาราหรอกเหรอ ถึงว่าล่ะหล่อบาดตาบาดใจเหลือเกิน” คุณยายปรานียกมือทาบอกแล้วเล่าว่าสมัยที่ยังสาวเธอก็เคยมีดาราขวัญใจเหมือนกัน
“มิน่าล่ะยายว่าหน้าคุ้น ๆ ก็เห็นบนสถานีรถไฟฟ้ากับห้างที่ไปส่งขนมบ่อย ๆ นี่เอง” รวมทั้งบิลบอร์ดขนาดใหญ่ยักษ์ที่หลานสาวชี้ให้ดูเมื่อสักครู่
จะเรียกว่าเจ้าพ่อพรีเซนเตอร์คนล่าสุดก็ย่อมได้ แม้จะมีคู่แข่งอย่างบิชอปตีคู่มาตลอดเวลา
“วาเลนเคยไปแฟนมีตติ้งของเขาด้วยนะคุณยาย ช่วงนี้ดังมากเข้าถึงตัวยากมาก แต่ไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้เจออีก” วาเลนไทน์อวดภาพถ่ายบนโทรศัพท์ เก็บเสื้อคลุมที่มีลายเซ็นอย่างดีในกระเป๋าและยิ่มอารมณ์ดี จิตใจเบิกบานไปตลอดทาง
“วันพรุ่งนี้ก็ได้เจอกันอีกเหรอ ยายว่าวาสนาของพ่อเวย์หากับวาเลนคงตรงกันนะ”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ วาเลนคงแต้มบุญถึงพอดีมั้งคะ ฮ่า ๆ”
ไม่กี่นาทีต่อมาทั้งสองก็เดินทางถึงสถานีปลายทาง
เมื่อลงจากชานชลาทุกคนก็จะจ๊ะเอ๋กับภาพศิลปินชื่อดังบนป้ายโฆษณาน้ำอัดลมยี่ห้อดัง ความพิเศษกว่านั้นคือมีเพียงป้ายเดียวตลอดเส้นทางเดินรถและมีแค่ที่สถานีนี้เท่านั้น ช่วงแรกที่ป้ายถูกนำมาติดตั้งมีคนแห่มาถ่ายรูปไม่ขาดสายจนต้องมีการจัดระเบียบเพื่อไม่ให้กระทบกับผู้ใช้บริการรายอื่น ๆ บางคนยอมซื้อตั๋วเพื่อผ่านประตูเข้ามาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ ต่อมากระแสซาลงไปตามลำดับ แต่ป้ายโฆษณาดังกล่าวก็ยังได้รับความสนใจอยู่เนือง ๆ
ปราณเวหานอกจากจะอยู่ในฝันของสาว ๆ แล้วยังอยู่บนหน้าสื่อทุกที่เช่นเดียวกัน
“วาเลนถ่ายให้ยายบ้างสิ ยายก็มีบุญนะแต่กรรมมาบัง ได้ถ่ายกับรูปภาพก็ยังดี”
วันดีเช่นนี้เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม
ปราณเวหารู้สึกถึงความผิดปกติ มีคนกลุ่มหนึ่งที่ดูแล้วไม่ได้ต้องการมาเป็นลูกค้าพร้อมใจกันกรูเข้ามาจับจองที่นั่งโซนเดียวกับเขา บางคนถึงกับลากเก้าอี้มานั่งเหมือนพยายามปิดล้อมและตั้งกล้องโทรศัพท์ถ่ายรูป บันทึกคลิปวิดีโอและไลฟ์สดเลยทีเดียว
สถานการณ์นี้ทำเป็นมองผ่านยังไงไหว
เมื่อในอดีตมีแฟนคลับหญิงนำของกินมาให้ระหว่างออกกอง ปราณเวหารับมาโดยไม่ติดใจสงสัยอะไร แม้มีคนเตือนให้ระวังก็ตาม ผลคือเขาถูกหามส่งโรงพยาบาลเพราะวูบหลับแล้วปลุกไม่ตื่น จนได้รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นใส่ยานอนหลับไว้ในของกินเพราะอยากเห็นข่าวที่เกิดจากฝีมือตัวเอง ในที่สุดก็ต้องดำเนินคดีตามกฏหมายแต่เรื่องพรรณนี้อาจเกิดขึ้นซ้ำได้ตลอด
การโดนจ้องมองสร้างความรำคาญใจแต่ที่น่าอึดอัดใจยิ่งกว่าคือไม่สามารถตอบโต้อะไรได้มากไปกว่าการเดินหนี แม้จะเคยชินกับการโดนล้อมหน้าล้อมหลังจากสื่อมวลชนและแฟนคลับตามงานต่าง ๆ
แต่นี่มันคือการคุกคามความเป็นส่วนตัว!
“ขอโทษนะคะ ขอพื้นที่ให้ลูกค้าท่านอื่นด้วยค่ะ สั่งเครื่องดื่มกับอาหารเชิญด้านในนะคะ อีกโซนนึงยังว่างอยู่นะคะหรือถ้าไม่มีธุระอะไรขอคืนพื้นที่ด้วยค่ะ” เจ้าของร้านเหมือนฑูตสวรรค์ลงมาช่วยชีวิต หล่อนกล่าวอย่างสุภาพแต่น้ำเสียงหนักแน่นเด็ดขาด ไม่นานกลุ่มคนที่รุมล้อมปราณเวหาก็ลุกออกจากร้านไป
“ขอบคุณนะครับ” เขาหันไปยกมือไหว้อย่างนอบน้อม
“ยินดีค่ะคุณเวย์หา พี่เห็นตอนพวกนั้นกรูเข้ามาในร้าน น่ากลัวมากเลยอย่างกะจะมาไล่ล่าใคร แถมเดินวนไปวนมาเหมือนหาอะไรอยู่ สุดท้ายก็มากองกันอยู่ตรงนี้ ดีนะที่ยอมออกไปดีไม่งั้นพี่เรียกตำรวจเลยนะนั่น”
“ถ้าเวย์รบกวนก็ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ นะครับ ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้” ปราณเวหาไหว้เพื่อขออภัย
“ไม่เป็นไรค่ะ พี่เจอเรื่องแบบนี้มาเยอะมาก คุณเวย์หาตามสบายนะคะ”
ปราณเวหาผ่อนลมหายใจด้วยความโล่งอก หันมองข้ามไหล่ซ้ายขวาจนแน่ใจว่าความเป็นส่วนตัวกลับคืนมาอีกครั้ง มีลูกค้าคนอื่นนั่งทิ้งระยะห่างกัน เขาใช้เวลาทบทวนสคริปต์และคิวงานต่าง ๆ ต่อสักพักใหญ่จนถึงช่วงบ่ายคล้อย เขากลับไปยังลานจอดรถ นั่งประจำที่หลังพวงมาลัย
ทันทีที่หักเลี้ยวออกถนนก็พบว่ากลุ่มคนที่ถูกเชิญออกจากร้านพากันมานั่งปักหลักอยู่ริมฟุตปาต หนนี้มีเสียงกรี๊ดกร๊าดรอรับ บ้างก็ลงมายืนบนพื้นถนนเลี่ยงอุบัติเหตุอย่างยิ่ง
เอี๊ยด!!!
“เฮ้ย! อะไรวะเนี่ย” ปราณเวหาอุทานด้วยความตกใจจนต้องเหยียบเบรคกะทันหัน เนื่องจากมีหน่วยกล้าตายสามสี่คนวิ่งมาดักหน้ารถเพื่อถ่ายรูป ทั้งที่ถ่ายไปก็มองไม่เห็นเพราะฟิล์มค่อนข้างมืด มีดอกไม้ลอยมาตกบนฝากระโปรงรถ
ปริ๊นนนนน ปริ๊นนนนน ปริ๊นนนนน ปริ๊นนนนน
ปราณเวหาบีบแตรใส่ด้วยอารมณ์เดือดดาลขีดสุด เมื่อรถยนต์เคลื่อนตัวได้ก็มีคนอีกกลุ่มพากันวิ่งตามแถมทำท่าเหมือนจะกระโดดเกาะท้ายรถ บางคนถึงขั้นไล่ทุบกระจก ทำให้ผู้สัญจรรายอื่น ๆ ต้องแตะเบรคจนรถเกือบเสียหลัก เลี้ยวหักหลบ ชะลอความเร็วและบีบแตรเสียงดังลั่นให้กับความโกลาหลเบื้องหน้า
โชคยังเข้าข้างที่ตำรวจจราจรรีบรุดเข้ามาจัดการความวุ่นวายได้ทันท่วงที ปราณเวหาหลุดจากออกวงล้อมมาได้เหยียบคันเร่งบังคับรถยนต์คู่ใจออกจากเส้นทางเดิมและเลี่ยงไปขึ้นทางด่วนแทน หารู้ไม่ว่ามีรถยนต์อีกคันกำลังขับตามมาติด ๆ
ทางด่วนโล่ง…เข้าทางอีกฝ่ายซะงั้น
บรื้นนนนน บรื้นนนนน ปริ๊นนนนน ปริ๊นนนนน บรื้นนนนน ปริ๊นนนนน
เสียงเร่งเครื่องยนต์สลับเสียงแตรลากยาวชวนหนวกหูดังจากด้านหลัง ปราณเวหาแทบหยุดหายใจหลังเห็นความผิดปกติดังกล่าวผ่านกระจก มีรถยนต์ปริศนาแล่นเร็วเหมือนจรวดขับตามมาติด ๆ คล้ายเจตนาจะพุ่งชน จู่ ๆ ก็ชะลอความเร็วลงปล่อยชายหนุ่มวิ่งนำหน้าไปก่อน
ปรื้นนนนนน ปรื้นนนนนน
แล้วก็กลับมาก็เร่งความเร็วตามจี้ท้ายอีกครั้งและทำเช่นนี้ไปตลอดทาง
“อะไรอีกวะเนี่ย เฮ้ย! เราไม่ใช่ผู้ร้ายนะเว้ย”
ปราณเวหาหอบหายใจแรง ร่างกายสั่นเทิ่มด้วยความตื่นตระหนก กระชับพวงมาลัยด้วยมือชุ่มเหงื่อ พยายามตั้งสติเหยียบคันเร่งหักปาดซ้ายทีขวาทีเพื่อให้พ้นจากการติดตาม
นี่ไม่ใช่การกระทำที่เกิดจากความรักหรือความคลั่งไคล้ พวกนั้นโกรธเคือง เกลียดชังอะไรในตัวเขาหนักหนาถึงได้ทำอะไรรุนแรงถึงเพียงนี้
บรื้นนนนน บรื้นนนนน
“ปล่อยกูไปสักทีเถอะ!!!” เขาตวาดลั่นใกล้สติแตกเต็มทน ไม่ทันได้ดูเลยว่ากำลังจะพาตัวเองไปที่ไหน ความหวาดกลัวและความหวาดวิตกเข้าครอบงำจนเต็มพื้นที่ในจิตใจ กว่าจะรู้ว่าได้เป็นอิสระอีกครั้งเวลาก็ผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมง
การเดินทางสุดระทึกขวัญจบลง รถยนต์คันงามแล่นลงจากทางด่วนพิเศษ
ก่อนจะกวาดตามองไปรอบ ๆ เพื่อหาคำตอบว่าตนเองอยู่ที่ไหน
ปราณเวหาจอดรถข้างทาง หน้าจอโทรศัพท์ปรากฏสายที่ไม่ได้รับและข้อความที่รอการตอบกลับมากมาย เขาคิดทบทวนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อไม่ชั่วโมงที่แล้วพลางกระตุกยิ้มด้วยมุมปากขัดกับดวงตาเชื่องซึมไร้ประกายแห่งความสุข