เจนณรงค์ลุกขึ้นถอดกางเกง ตัวตนใหญ่โตเกินกว่าที่เธอเคยจินตนาการถึงทำเอาสาวน้อยที่เพิ่งเสร็จสมเป็นครั้งแรกในชีวิตหลุดออกจากความวาบหวามรัญจวนที่เพิ่งผ่านพ้นมา ดวงตากลมเบิกกว้าง กระถดตัวหนีตายแม้มือทั้งสองข้างยังถูกพันธนาการไว้อย่างแน่นหนา
เขากระชากเธอกลับมานอนที่เดิม จับขาทั้งสองข้างแบอ้ากว้างขึ้นจนบั้นท้ายกลมกลึงลอยไม่ติดพื้น
“พี่เจน อย่านะ อย่าทำน้ำตาลนะ ปล่อยเดี๋ยวนี้”
“หึ ปล่อยเหรอ จะปล่อยในหรือปล่อยนอก ลุ้นกันอีกทีนะ”
ท่อนเนื้อใหญ่ยาวถูกนำมาจดจ่อที่ปากทางเล็กแคบสีชมพูอ่อน ก่อนกดชำแรกพรวดพราดลงไปในช่องทางรักของเธอทีเดียวจนสุดโคนพร้อมเสียงกรีดร้องดังลั่นด้วยความเจ็บปวด
เลือดสด ๆ ที่ไหลซึมออกมาตรงทางเชื่อมต่อระหว่างเขากับเธอ แรงตอดรัดระรัวพยายามผลักไสท่อนเนื้อจนปวดหนึบ ทำเอาเขาเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ก่อนได้สติจึงมองเรือนร่างบอบบางที่เต็มไปด้วยรอยจ้ำแดงสั่นระริกด้วยความเจ็บปวด ใบหน้าสวยงามส่ายไปมาน้ำตาอาบแก้ม
เขาไม่คิดว่าวันนั้นเธอจะพูดจริงที่ยังเก็บความบริสุทธิ์เอาไว้ให้กวิน เพราะผู้หญิงร่านแสนร้ายกาจอย่างเธอก็คงจะใช้ร่างกายเปลืองมาจนพรุนหมดแล้วแน่นอน
“น้ำตาล...”
“เจ็บ เอาออกไปเดี๋ยวนี้”
เขากัดกรามแน่น ถอนหายใจแล้วแก้มัดข้อมือให้เธอ ทันทีที่เป็นอิสระ มือเล็กก็ตวัดฟาดใบหน้าของเขาอย่างแรงจนหันไปอีกทาง
“ไอ้สารเลว เอาของแกออกไปจากตัวฉันนะ ฉันขยะแขยง”
เขาหันกลับมามองหน้าเธอด้วยดวงตากร้าวดุ ใช่ เขามันสารเลวที่ขืนใจเธอ แล้วสิ่งที่เธอทำล่ะ ฆาตกรอย่างเธอมันดีนักหรือไง ตอนแรกกะว่าจะปล่อยเธอไปเพราะสงสาร แต่ตอนนี้คงไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว
มือใหญ่ร้อนผ่าวกำลำคอระหงเอาไว้ ออกแรงบีบเพียงเล็กน้อยให้เธอตกใจ จนดิ้นรนทุบตีและพยายามดึงมือเขาออก ในขณะเดียวกัน สะโพกสอบถอดถอนออกมาเพียงนิดแล้วกดแทรกลงไปใหม่จนเกิดเสียงเนื้อกระทบกันเพียงเบา ๆ อยู่อย่างนั้นเนิ่นนานหลายนาที
คนตัวบางเบิกตาค้าง ทุกครั้งที่เขาเสือกไสความเป็นชายเข้าออกในกายเธอ มันให้ความรู้สึกทั้งเจ็บ ทั้งอึดอัดและเสียวซ่านอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ยิ่งเขาขยับกายตอกสะโพกลงมา ร่างกายของเธอยิ่งอ่อนระทวยรวยแรง คิดไม่ถึงว่าเซ็กซ์มันให้ความรู้สึกดีจนแทบคลั่งได้ถึงขนาดนี้ จนเผลอเปล่งเสียงครางออกมาในลำคอเบา ๆ อย่างห้ามไม่อยู่
ไม่ใช่แค่เธอที่รู้สึกดี เขาเองที่ห่างหายจากเรือนร่างของผู้หญิงมานานก็อดที่จะตื่นเต้นกับสัมผัสหนึบหนับของสาวพรหมจรรย์ไม่ได้ จึงปล่อยมือจากลำคอแล้วโถมตัวลงกอดรัดเธอเอาไว้ บดจูบเธออย่างหื่นกระหาย จากนั้นก็เร่งจังหวะรัวสะโพกอัดท่อนเนื้อลงไปในร่างกายบอบบางไม่ยั้ง มือใหญ่ร้อนผ่าวบีบขยำหน้าอกอวบอย่างแรง แม้จะเป็นครั้งแรกแต่เขาก็ไม่ปรานีเธอสักนิด
จากที่เคยดิ้นรนเอาตัวรอด แต่สัมผัสเร่าร้อนที่เขามอบให้กลับทำให้สาวน้อยที่ไม่เคยผ่านมือชายล่องลอยตัวเบาหวิว หูอื้อตาพร่ามัว ขยับมือขึ้นโอบกอดเขาเอาไว้แน่น
ร่องรักแน่นหนึบตอดรัดเขาระรัว จึงกัดกราม รัวสะโพกตอกอัดกระแทกกระทั้นอย่างดุดันหยาบโลน ร่างงามที่โยกคลอนตามแรงกระแทกหลับตาปี๋ ใบหน้าเหยเกแสนเซ็กซี่จนเขาทนไม่ไหวตอกสะโพกลงมาสุดแรงส่งผลให้คนตัวบางกรีดร้องดังลั่น ทั้งจุกทั้งเสียวก่อนเกร็งกระตุกแตกพร่ากลางท้องฟ้าแล้วหล่นวูบลงมาสู่ดินพร้อมกับท่อนร้อนที่ถูกผลักเข้าสู่ร่างกายเธอครั้งสุดท้าย แตกกระจายน้ำแห่งตัณหาที่มากล้นชโลมผนังบอบบางของเธอจนร้อนวาบไปทั้งท้องน้อย
ทันทีที่เกมพิศวาสจบลง ร่างกายใหญ่โตที่หอบกระชั้นก็ทิ้งตัวลงทับเธอเอาไว้
“เป็นไง เสียตัวครั้งแรก ดีไหม”
เธอเงื้อมือฟาดใบหน้าของเขา ทั้งจิกทึ้งทุบตีกายแกร่งไม่ยั้งจนเขาต้องล็อกมือเธอเอาไว้เหนือศีรษะอีกครั้ง
“ฤทธิ์เยอะนักนะ”
“น้ำตาลไม่คิดเลย ว่าพี่จะชั่วได้ขนาดนี้ ออกไปจากตัวน้ำตาลนะ”
“เธอก็ชั่วไม่ต่างจากฉันนั่นแหละ ต่อไปนี้อย่าเอาร่างกายเน่า ๆ ของเธอไปเร่ขายให้กับผัวคนอื่นอีก ถ้าฉันรู้ว่าเธอยังไม่เลิกสันดานเดิม คราวนี้ฉันเอาเธอตายแน่”
เธอทั้งเกลียดทั้งกลัว มองเขาด้วยแววตาสั่นระริก แต่ยังไม่ทันที่เขาจะด่าเธอไปมากกว่านี้ ต้อยติ่งก็โทรเข้ามาหาเขาเสียก่อน จึงโน้มตัวไปหยิบโทรศัพท์มารับสายทั้งที่ยังนอนอยู่บนตัวเธอไม่ขยับไปไหน
“ครับ พี่ต้อยติ่ง”
“คุณแป้งถึงโรงพยาบาลสักพักแล้วนะคะ เบื้องต้นหมอบอกว่าปลอดภัยทั้งแม่ทั้งลูกค่ะ ตอนนี้กำลังพักผ่อนอยู่ในห้อง อีกสักพักพี่กับส้มก็จะกลับแล้วนะคะ พรุ่งนี้เช้าค่อยเช็คเอาท์ พี่จะเอากระเป๋าของคุณแป้งกับกวินไปด้วย จะไปเปิดโรงแรมในเมืองใกล้โรงพยาบาลค่ะ จะได้เดินทางไปดูแลกันสะดวก แต่เอ่อ เรื่องที่คุณแป้งโดนงูกัดกับเรื่องที่คุณแป้งท้อง อย่าเพิ่งบอกใครนะคะ คุณแป้งขอเอาไว้ ไม่อยากให้ที่บ้านตกใจค่ะ”
“ครับ แค่แป้งกับหลานผมปลอดภัย ผมก็ดีใจแล้วครับ งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าออกไปในเมืองพร้อมกันเลยนะครับ ผมให้รีสอร์ตติดต่อรถเช่าให้แล้ว”
“ได้ค่ะ แล้วน้องน้ำตาลล่ะคะ เป็นยังไงบ้าง ตกใจมากหรือเปล่า พรุ่งนี้ให้น้องกลับพร้อมกับทีมงานเลยใช่ไหมคะ”
“น้ำตาลไม่เป็นอะไรหรอกครับ แค่ตกใจนิดหน่อย พรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกที ว่าเธอจะอยู่หรือไป”
“ค่ะ งั้นคุณเจนพักเถอะ พี่กำลังกลับแล้วค่ะ”
“ขับรถดี ๆ ครับ”
เขาวางโทรศัพท์แล้วก็ถอนถอดตัวตนออกมาจากร่องรักแน่นหนึบ น้ำรักที่ผสมกับเลือดสาวพรหมจรรย์ไหลกองบนที่นอนเป็นด่างดวง
“เสียใจด้วยนะที่สองคนนั้นไม่ตายตามที่เธอตั้งใจ”
“จะคิดอะไรก็คิดไป น้ำตาลไม่อยากอธิบายอะไรแล้ว พรุ่งนี้น้ำตาลจะกลับพร้อมทีมงาน”
“หึ หนีความผิด คิดว่าจะรอดหรือไง”
“แล้วพี่จะเอาหลักฐานอะไรมาเอาผิดน้ำตาล ถ้าไม่ยอมรับซะอย่าง จะจับมือใครดมได้”
คนตัวโตเหยียดยิ้มมุมปาก ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาชูต่อหน้าเธอ
“เธอคิดว่าฉันทำอะไรไม่มีหลักฐานเหรอ ฉันตามดูเธอมาตั้งแต่วันที่เธอทำทีเข้าไปขอให้คนงานถ่ายรูปให้ในสวนส้มแล้ว เมื่อกี้ที่เธอไปยืนลับ ๆ ล่อ ๆ ข้างบ้านพักของแป้งถึงสองครั้ง ฉันก็เห็น”
คนตัวบางเบิกตากว้างด้วยความตกใจที่เขาพูดออกมาได้อย่างถูกต้อง แปลว่าเขาก็คงมีหลักฐานอยู่ในโทรศัพท์มือถือของเขาจริง ๆ
“ต้องการอะไร”
“อย่ายุ่งกับแป้งและกวินอีก แล้วฉันจะลบทุกอย่างทิ้ง วันที่สองคนนั้นแต่งงานกัน”
“ได้”
“ส่วนเรื่องของเรา...”
“ไม่มีเรื่องของเราทั้งนั้น เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน กลับออกไปจากห้องน้ำตาล แล้วไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกันอีก ต่างคนต่างอยู่”
“หึ ดี”
พูดจบก็กระชากแขนลากคนตัวบางเข้าห้องน้ำ แล้วบีบบังคับกระทำรุนแรงกับเธอต่อจนถึงเช้ามืด จึงปล่อยให้เธอที่เริ่มไข้ขึ้นได้นอนหลับจริง ๆ จัง ๆ เสียที
แสงไฟสปอร์ตไลต์ส่องลงมายังคู่บ่าวสาวซึ่งยืนโอบกอดกันอยู่หน้าเค้กแต่งงานจำนวนเก้าชั้นบนโต๊ะกลางเวทีที่ประดับตกแต่งด้วยดอกกุหลาบสีขาวนำเข้าและดอกไฮเดรนเยียสีฟ้าอย่างสวยงามอลังการ
เจ้าบ่าวเจ้าสาวหันมองสบตาและกุมมือกันจับกระบี่สีเงินวาววับสะท้อนแสง จรดลงที่เค้กแต่งงานชั้นบนสุดซึ่งมีตุ๊กตาปั้นขนาดใหญ่เป็นรูปเจ้าบ่าวเจ้าสาว ก่อนจะค่อย ๆ ปาดลงมาจนถึงฐานเค้กครีม ท่ามกลางไอหมอกสีขาวและฟองสบู่เล็ก ๆ พวยพุ่งรายล้อมรอบตัว
ทันทีที่ตัดเค้กจนถึงชั้นสุดท้าย เจ้าบ่าวรูปหล่อก็ประทับริมฝีปากจูบเจ้าสาวคนสวยอย่างอ่อนโยน ทำให้แขกผู้มีเกียรติในงานต่างยิ้มมีความสุขตามความรักหวานชื่นที่แผ่กระจายโอบล้อมไปทั่วทั้งงาน
ดวงตากลมโตที่ตกแต่งมาอย่างสวยงามมองคู่บ่าวสาวที่กำลังประทับจูบด้วยความสำนึกผิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินเลี่ยงออกมาจากในงานอย่างเงียบ ๆ
หญิงสาวแสนสวยในชุดเดรสรัดรูปเกาะอกสีแดงอวดเนินอกอวบอิ่มด้วยวัยสาวและเรือนร่างเย้ายวน เป็นที่จับตามองของแขกเหรื่อที่มาร่วมงาน แต่เธอไม่พร้อมจะถ่ายรูปร่วมกับใครทั้งนั้นจึงรีบลงมาจากชั้นจัดงานของโรงแรม ก่อนจะเดินเลี้ยวเข้าห้องน้ำหญิงตรงสุดทางเดินมุมตึกชั้นลานจอดรถ
“ค่ะแม่ น้ำตาลกำลังกลับคอนโดค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ”
นางเอกสาวรับโทรศัพท์ของผู้เป็นมารดาในขณะที่เปิดประตูเดินออกมาจากห้องน้ำ ทำให้ไม่ทันได้ระวังตัวจนชนเข้ากับผู้ชายร่างใหญ่ที่เดินสวนมาอีกฝั่ง
“ว้าย...”
คนตัวบางกระเด็นถอยหลังเสียหลัก แต่กลับไม่ได้ล้มลงไปกองที่พื้นอย่างที่คาดเพราะมีลำแขนแข็งแรงเอื้อมคว้าเอวคอดกิ่วของเธอแล้วดึงรั้งร่างงามเข้ามาปะทะอกแกร่ง
“อุ๊ย ขอโทษค่ะ”
คนตัวโตก้มมองหญิงสาวในอ้อมแขนก่อนแค่นยิ้มหยัน อะไรจะบังเอิญขนาดนี้
“มาด้วยเหรอ”
เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นเหนือศีรษะโดยที่ไม่ต้องมองหน้าก็รู้ว่าใคร ดาราสาวจึงดีดตัวก้าวถอยหลังทันทีราวกับต้องของร้อน
“เอ่อ ค่ะ ขอตัวนะคะ”
เธอตอบรับรวดเร็วจนลิ้นแทบพันกัน ก้มหน้างุด แล้วรีบควานหากุญแจรถยนต์ในกระเป๋าถือใบน้อยมือไม้สั่น
“คงไม่ได้เอางูมาปล่อยในงานอีกนะ”
ร่างบางชะงักเท้าที่กำลังจะเดินหนี หลังจากคืนที่เธอถูกเขาย่ำยีจนแทบไม่เหลือชิ้นดี เธอก็เป็นไข้อยู่หลายวัน และใช้ช่วงเวลาที่มีคำสั่งพักกอง หลบซ่อนตัวอยู่ในห้องเพื่อทำใจยอมรับกับเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้น
เมื่อต้องกลับมาถ่ายละครซึ่งมีเขาเป็นผู้กำกับการแสดงอีกครั้ง เธอก็หลีกเลี่ยงที่จะไม่เข้าใกล้เขา พยายามทุ่มเทกับการแสดงให้ดีที่สุดและให้ผ่านเร็วที่สุด เพื่อที่จะได้ไม่ต้องทำงานร่วมกันกับเขาให้นานกว่านี้
เวลาผ่านไปร่วมเดือนที่เธอทำเพียงตอบรับคำสั่งของเขาในกองถ่าย โดยที่เขาไม่ได้เอาเรื่องที่เธอทำผิดในคืนนั้นออกมาพูดหรือข่มขู่เหมือนในตอนที่เขาย่ำยีเธออีกตามสัญญา เหมือนทุกอย่างมันสงบนิ่งมานานแล้ว และวันนี้คือวันที่เธอจะมีอิสระจากความผิดบาปและความกลัวที่คอยกัดกินใจเธอมาตลอด แต่ทำไมวันนี้เขาถึงพูดมันขึ้นมาอีกจนได้
“แล้วมีใครโดนกัดตายไหมล่ะคะ”
เธอลอยหน้าลอยตาตอบเขา ไม่ใช่ไม่กลัวความผิดที่เคยทำไว้ แต่เพราะวันนี้ดันมีแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดมากไปหน่อย จึงกล้าตอกกลับเขาไปแบบนั้นด้วยความหงุดหงิด
“หึ คนโดนงูกัดตายน่ะ ไม่มี แต่คนที่จะโดนพี่กัดตายน่ะ มีแน่ มานี่”
คนตัวโตกระชากแขนเล็กจนร่างบางลอยหวือ เขาฉุดลากให้เธอเดินตามไปท่ามกลางการดิ้นรนขัดขืน แต่แล้วคนตัวบางก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเขาก้มลงมากระซิบถ้อยคำบางอย่างที่ข้างหู หลังจากนั้น เธอก็เชิดหน้าขึ้น กัดกรามแน่น แล้วยอมเดินตามเขาไปขึ้นรถยนต์คันหรูของตัวเองโดยมีเขาเป็นคนขับออกจากสถานที่แห่งนี้ไปอย่างรวดเร็ว