ม่านไหมพยายามทำความเข้าใจกับนายจ้าง ว่าเขาจ้างเธอมาเป็นพยาบาลดูแลผู้ป่วยไม่ใช่หรือ แล้วทำไมถึงแสดงความสนิทสนมเกินขอบเขต แม้จะเคยชินกับการอยู่ใกล้ชิดเนื้อตัวเพศตรงข้ามเพราะอยู่กับพี่ชายมาตลอด แต่ผู้ชายคนนั้นก็เป็นพี่ ต่างจากคนที่โอบกอดเธอคนนี้ เขาเป็นนายจ้าง ไม่ใช่ญาติ ไม่ใช่แฟน การทำตัวสนิทถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้คงไม่เข้าที
“ขอโทษที ผมเคยชินน่ะ”
หลี่ไท่หยางเอ่ยขอโทษเสียงขุ่น นึกรำคาญหญิงสาวที่ทำหวงเนื้อหวงตัวเกินเหตุ คนอย่างเขามีแต่ผู้หญิงวิ่งเข้าหา อุตส่าห์ลดตัวมาใกล้ชิดกับเธอก็บุญเท่าไหร่แล้ว หากไม่คิดจะอ่อยเหยื่อให้ตายใจ เขาคงไม่ลงทุนพูดจาดีๆ กับเธอแน่ รอให้พาตัวไปถึงฮ่องกงก่อนเถิด แม่ตัวดีจะได้รับบทเรียนอย่างสาสม
“ฉันว่าฉันขอตัวก่อนนะคะ ต้องไปทำธุระหลายที่ เดี๋ยวจะเสียเวลา”
ม่านไหมได้โอกาสเมื่อเขายอมปล่อย รีบพนมมือไหว้ลา แล้วสาวเท้าเดินหนีขึ้นรถที่จอดรออยู่ทันที
ม่านไหมให้คนขับรถของหลี่ไท่หยางมาส่งเธอเก็บเสื้อผ้าที่ห้องเช่า แม้จะกลัวถูกคนของเฮียอู๋พบแต่หญิงสาวไม่มีทางเลือก นายจ้างเร่งรัดให้เดินทางแบบจวนตัวแบบนี้ เธอคงไม่มีเวลาไปหาซื้อเสื้อผ้าใหม่ ที่สำคัญอยากประหยัดเงินจึงเลือกเสี่ยงมาเก็บเสื้อผ้าที่ห้องเช่า ม่านไหมบอกให้คนขับรถจอดรถรออยู่ที่ลานจอดรถตัวเธอรีบขึ้นไปเก็บเสื้อผ้า ก่อนหน้านี้เธอแวะไปบ้านของโอโม่ฝากเช็คให้พี่ชายเรียบร้อยแล้ว
ร่างเล็กบางเดินไหล่เอียงหิ้วกระเป๋าลงมาจากแฟลต จางหลงซึ่งเป็นคนขับรถให้หญิงสาว รีบเข้าไปช่วยยกกระเป๋ามาใส่ท้ายรถ เขายิ้มให้เธอก่อนจะเปิดประตูรถให้ แต่ไม่ทันที่ม่านไหมจะก้าวขึ้นรถ ก็ถูกชายคนหนึ่งกระชากแขนไว้
“เจอตัวซะที นึกเหรอว่าจะหนีพ้น”
ชายร่างใหญ่หัวเกรียนจับข้อมือม่านไหมลากออกมาจากรถ โดยไม่สนใจว่าหญิงสาวจะเจ็บหรือไม่ หลังจากดักจับตัวสองพี่น้องลูกหนี้ของเฮียอู๋มาหลายวัน แต่ม่านไหมกับลายเมฆหนีรอดไปทุกครั้ง วันนี้จึงเอารถไปจอดซอยข้างๆแล้วมาซุ่มรออยู่ ไม่นึกว่าน้องสาวของลายเมฆจะมาที่นี่ มันรอจนหญิงสาวลงมาจากแฟลตแล้ว จึงเข้าไปลากตัวเธอมา ไอ้คนที่มาด้วยท่าทางติ่มๆ คงไม่มีปัญญาช่วยเจ้าหล่อนได้ เจ้าวายร้ายนึกหยันผู้ชายหน้าตี๋ท่าทางสุภาพคนนั้นโดยไม่รู้ว่าตัวเองกำลังจะเจอตอ
“ปล่อยเธอเดี๋ยวนี้”
จางหลงดึงแขนของม่านไหมไว้ ไม่ให้อีกฝ่ายเอาตัวเธอไป เขาสังเกตเห็นชายคนนี้เฝ้ามองม่านไหมตั้งแต่เอารถมาจอดที่หน้าแฟลตแห่งนี้แล้ว แต่ไม่คิดว่ามันจะกล้าฉุดลากผู้หญิงกลางวันแสกๆแบบนี้ จากหน้าตาและท่าทางเถื่อนถ่อยของมัน เดาได้ไม่ยากว่ามันคงเป็นนักเลงชั้นต่ำที่เจ้าหนี้ของสองพี่น้องส่งมาทวงหนี้
“อย่าเสือก ถ้ามึงไม่อยากตาย”
ไอ้วายร้ายไม่ยอมปล่อยเหยื่อของมันง่ายๆ ซ้ำยังตะคอกใส่อีกฝ่ายหวังให้หวาดกลัว หากเป็นคนอื่นคงกลัวหัวหดไปแล้ว แต่ไม่ใช่คนอย่างจางหลง เขาเป็นคนสนิทกินตำแหน่งเลขากึ่งบอดีการ์ดของหลี่ไท่หยางมานับสิบปี มือของชายหนุ่มไม่ได้มีไว้แค่จับปากกาเพียงอย่างเดียวหากยังได้รับการฝึกฝนการต่อสู้และการใช้อาวุธปืนจนชำนาญ ดวงตายาวเรียวตวัดมองร่างใหญ่โตของนักเลงหัวไม้อย่างประเมิน ริมฝีปากกระตุกยิ้มหยัน เมื่อเห็นท่าทางอวดเก่งแต่คงจะเก่งแค่เพียงปาก แววตาเรียบนิ่งวาวจ้าฉายแววตาอำมหิตออกมาแวบหนึ่งก่อนจะ...
พลั่ก! ตุบ! พลั่ก!
ม่านไหมยืนตัวแข็งตกตะลึงกับเหตุการณ์ตรงหน้า แค่เพียงเวลาไม่ถึงนาทีร่างใหญ่ราวกับยักษ์วัดแจ้งของลูกน้องเฮียอู๋ ก็ลงไปนอนตาเหลือคลุกฝุ่นบนพื้นเสียแล้ว สามหมัดของจางหลงสามารถจัดการน็อคคนตัวโตกว่าให้สลบได้ เขากระชากแขนดึงร่างของเธอให้หลบไปด้านข้างก่อนจะจับข้อมือของนักเลงคนนั้นบิดจนมันยอมปล่อยแขนเธอ ก่อนจะชกเข้าที่ที่ลิ้นปี่เสียงดังพลั่ก ตามด้วยศอกอีกทีตรงกกหูแล้วน็อคฝ่ายตรงข้ามด้วยการเตะเสยปลายคางลงไปกองกับพื้น แต่เหตุการณ์ไม่ได้จบลงแค่นั้นเมื่อลูกสมุนอีกคนที่เธอเคยเห็นมาพร้อมกับนักเลงคนนี้ ปราดออกมาจากที่ซ่อน ในมือของมันมีมีดคมวับตรงรี่เข้ามาหวังจะเสียบคนที่ทำร้ายเพื่อนของมัน จางหลงยกคิ้วขึ้นเล็กน้อยขณะเบี่ยงกายหลบคมมีดได้อย่างหวุดหวิด เขาตวัดเท้าเตะอัดคนร้ายจนมีดกระเด็น ล้มฟุบไปกองกับพื้น
“คุณปลอดภัยดีนะครับ” จางหลงเดินเข้ามาหาม่านไหม เขาแตะไหล่เธอพร้อมกับยิ้มปลอบโยน “ไม่มีอะไรแล้วครับ”
“คุณเก่งจัง” ม่านไหมเอ่ยชม
หญิงสาวมองผลงานของสารถีหนุ่มด้วยแววตาชื่นชม ตั้งแต่เกิดมาเพิ่งจะเคยเห็นคนสู้กันด้วยมือเปล่าแบบชัดๆ นี่เอง ตอนที่เขาต่อสู้และล้มเจ้าวายร้ายสองคนนี้เขาช่างเหมือนเจ็ท ลี ดารานักบู๊ขวัญใจของเธอเหลือเกิน
ดวงตากลมโตจ้องมองเขาด้วยแววตาปลาบปลื้มของหญิงสาว ทำให้จางหลงรู้สึกเขิน ใบหน้าหวานๆของเธอน่ารักน่าเอ็นดูจนไม่อยากเชื่อว่า หญิงสาวคนนี้จะมีนิสัยเลวร้ายถึงกับหลอกลวงเจนนี่ได้ ใจที่เคยด้านชากับผู้หญิงมานานหลายปีของเลขานุการหนุ่มเริ่มสั่นไหว เพียงแค่ได้รับคำชมจากผู้หญิงคนนี้
“เอ่อ... ผมว่าเรารีบไปที่สนามบินเถอะครับ คุณหลี่รออยู่ที่นั่นแล้ว”
จางหลงผายมือให้หญิงสาวเข้าไปในรถอีกครั้ง ก่อนจะประจำที่คนขับ นำรถแล่นออกไป
“ฉันชื่อม่านไหมนะคะ แล้วคุณชื่ออะไรคะ”
ม่านไหมชักอยากรู้จักหนุ่มนักบู๊ขึ้นมาเสียแล้ว ยามนี้หญิงสาวขอเก็บความเป็นกุลสตรีใส่ลิ้นชักไว้ชั่วคราว เมื่อเจอคนถูกใจจะปล่อยให้ชวดคงเสียดายแย่ นิสัยแบบนี้ของเธอได้รับอิทธิพลมาจากลายเมฆพี่ชายจอมกระล่อน เขาสอนเธอว่าหากได้พบคนที่ถูกใจ จงกล้าที่เข้าไปทำความรู้จักกับเขาก่อน ผู้หญิงไม่จำเป็นต้องรอให้ผู้ชายมาจีบ ถ้าเจอคนที่ชอบเราก็จีบเขาก่อนได้ แต่แค่จีบลองหยั่งเชิงดูนิสัยใจคอก่อน หากไอ้ผู้ชายคนนั้นมันนิสัยเสียก็ให้ชิ่งหนีโดยไว อย่าปล่อยให้มันหลอกกินตับได้
“ผมชื่อจางหลงครับ เรียกว่าอาหลงก็ได้ครับ”
จางหลงตอบด้วยน้ำเสียงสุภาพ เขาฝึกภาษาไทยมาพร้อมกับเจ้านายตั้งแต่เด็ก จึงสามารถสื่อสารด้วยภาษานี้ได้ดี แม้สำเนียงจะไม่ชัดเจนแต่ก็ฟังรู้เรื่อง
“ค่ะอาหลง คุณก็เรียกฉันว่าไหมนะคะ” ม่านไหมยิ้มให้เพื่อนใหม่อย่างผูกไมตรี
รอยยิ้มน่ารักนั้น ทำให้คนเห็นใจเต้นแรง จางหลงพิศมองใบหน้าอ่อนใสไร้เครื่องสำอางอย่างพินิจ ม่านไหมเป็นผู้หญิงสวยมากขนาดไม่ได้แต่งหน้าแต่งตัวเต็มที่ เธอยังสะดุดตาน่ามอง ยิ่งตอนที่ยิ้มตากลมโตวาวใสแบบนี้ ยิ่งน่ารักน่ามอง เลขานุการหนุ่มได้แต่ถอนใจ เมื่อมองเห็นว่าเขากับเธอ คงมีอนาคตร่วมกันยาก มันคงไม่ดีแน่หากเขาให้ความสนิทสนมกับศัตรูของเจ้านายเกินควร
“ครับคุณไหม”
จางหลงตอบรับสั้นๆ แล้วหันไปสนใจถนนแทนหน้าหวานๆของสาวข้างกาย เธอคงไม่รู้ว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าม่านไหมจะถูกนายของเขาลงทัณฑ์ โทษฐานหลอกลวงคุณหนูเล็กจนทำให้เธอต้องฆ่าตัวตาย นายของเขาขึ้นชื่อเรื่องความอำมหิต เลือดเย็น ไม่อย่างนั้นคงดูแลอาณาจักรของตระกูลหลี่และแก๊งหงส์ไฟไม่ได้ แค่คิดถึงความโหดร้ายของหลี่ไท่หยางแล้วอดนึกเวทนาหญิงสาวขึ้นมา ได้แต่ภาวนาให้เจ้านายยั้งมือไว้บ้าง
ม่านไหมรู้สึกหน้าม้านเล็กน้อยเมื่อหนุ่มคนนี้ไม่สนใจเธอ แต่เฮียเมฆเคยบอกว่าผู้ชายที่กระโจนเข้าหาผู้หญิงทันทีที่รู้จักกันจงถอยห่างให้ไกล นึกถึงคำพูดนี้แล้วใบหน้าหล่อเหลาของหลี่ไท่หยางก็ลอยแวบเข้ามาในมโนนึก นายจ้างของเธอเข้าตำราที่พี่ชายเคยเตือน เธอคงต้องระวังและถอยห่างให้ไกลจากเขามากกว่าจางหลง