“อาหลงคะ ผู้ป่วยที่ฉันต้องไปดูแลเป็นใครคะ” เมื่อเห็นว่าเขาเป็นคนพูดน้อย และจริงจัง การชวนคุยเรื่องงานน่าจะง้างปากให้เขาพูดได้
“คุณหลี่คงให้คุณไหม ไปดูแลคุณหนูเล็กครับ เธอเป็นโรคหัวใจครับ” จางหลงเลี่ยงการเอ่ยชื่อจริง ของหลี่อี้เจินหรือเจนนิเฟอร์ ลีออกมา ด้วยเกรงเหยื่อของเจ้านายจะรู้ตัว
“น่าสงสารจังค่ะ ฉันสัญญาว่าจะดูแลเธออย่างเต็มความสามารถ”
“ผมว่าคุณควรพูดคำนี้ ให้คุณหลี่ฟังจะดีกว่านะครับ ผมไม่ใช่นายจ้างของคุณ” จางหลงไม่อยากรับฟัง เขาทนสมเพชเวทนาเธอไม่ได้ เจ้าตัวคงไม่รู้ว่าอะไรรอเธออยู่ หากทุกสิ่งเปิดเผยเธอคงยิ้มไม่ออกแน่
“ทำไมมาช้า คราวหลังจำไว้ว่า ผมไม่ชอบรอใคร”
ทันทีที่ไปถึงสนามบินก็ได้รับคำตำหนิจากนายจ้าง ม่านไหมขยับปากจะอธิบายแต่อีกฝ่ายเดินหนีหายไปยังห้องรับรองเสียก่อน ปล่อยให้เธอยืนหน้าเหวออยู่หน้าประตูห้อง เมื่อตามเข้ามาข้างในหญิงสาวจึงเลี่ยงมานั่งข้างจางหลงฮี่โร่นักสู้ของเธอ ยามอยู่ต่อหน้าผู้เป็นนายเลขานุการหนุ่มของหลี่ไท่หยางนั่งหน้าเคร่งสงบเสงี่ยม เขาไม่หันมามองหน้าคนที่นั่งข้างๆเลย พลอยให้ม่านไหมต้องเก็บปากออมคำไปด้วย
ม่านไหมได้แต่อดทนรอเวลาเครื่องออก หญิงสาวหันมามองคนข้างกาย จางหลงเปิดโน้ตบุ๊กทำงานของเขาอย่างตั้งใจ เขาทำเหมือนกับตรงนั้นมีไม่มีเธออยู่ ทั้งที่ก่อนหน้านั้น เขากับเธอคุยกันหลายเรื่อง น่าจะสนิทสนมกันมากพอจะสนใจกันมั่ง ผู้ชายดีๆ นี่มันท่ามากจีบยากขนาดนี้เลยเหรอ ไม่เหมือนผู้ชายห่วยๆ ที่ดาหน้าเข้ามาจีบเธอ ไม่ต้องทำอะไรมากก็วิ่งตามมาเป็นฝูง น่าเสียดายเฮียเมฆไม่อยู่ด้วย เขาคงมีวิธีช่วยเธอพิชิตใจหนุ่มคนนี้ได้ พี่ชายของเธอเป็นพี่ชายที่แปลกกว่าพี่คนอื่น ลายเมฆไม่หวงน้องสาวไม่มาตามกันท่าผู้ชายที่มาจีบน้องสาว เขาจะดูอยู่ห่างๆ คอยสแกนให้ว่าคนไหนคบได้ คนไหนควรถอยห่างหรือถีบกระเด็นออกจากชีวิต ม่านไหมรู้จักนิสัยผู้ชายจากการสั่งสอนของลายเมฆ เขาไม่ปิดกั้นความอยากรู้อยากเห็นของน้องสาว แต่จะคอยบอกคอยสอนให้รู้ถึงก้นบึ้งของผู้ชาย
‘ผู้ชายมีสองประเภท หนึ่งรักก็ฟัน ไม่รักก็ฟันได้ สองฟันคนที่ไม่รัก แต่จะไม่แตะต้องคนที่รัก’
ม่านไหมมองหาผู้ชายประเภทที่สองไม่เจอ แม้แต่พี่ชายตัวเอง ยังเป็นประเภทแรก ลายเมฆกระล่อนเจ้าชู้มีความสัมพันธ์กับผู้หญิงโดยไม่สนว่าจะรักหรือไม่รัก แต่เขาไม่เคยสนับสนุนให้น้องสาวเลียนแบบ
‘ถึงกฎหมายจะให้สิทธิผู้หญิงเสมอภาคกับผู้ชาย ใช่ว่าแกจะทำตามอย่างฉันได้ทุกเรื่อง มีอย่างหนึ่งที่แกไม่ควรทำอย่างยิ่งคือ มั่วผู้ชาย แกอย่าเถียงว่าทำไมฉันมั่วกับสาวๆได้ แล้วห้ามแกทำไม เพราะผู้ชายอย่างฉันมันท้องไม่ได้ รู้หรือยังว่าสิทธิข้อนี้ระหว่างชายหญิงมันไม่เท่ากัน’
คนเป็นน้องจึงไม่คิดสนใจผู้ชายคนไหน จนมาเจอจางหลงแล้วรู้สึกประทับใจเขานี่แหละ จึงทดลองใช้วิชาจีบหนุ่มกับอีกฝ่าย แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ผลนักเมื่อชายหนุ่มยังทำเฉยชากับเธออยู่ ม่านไหมมองใบหน้าของจางหลงอย่างใช้ความคิด จะงัดมุกไหนมาพิชิตใจหนุ่มตี๋คนนี้ดีหนอ หวังว่าเขาคงไม่ใช่เกย์แอ๊บแมนหรอกนะ เตะต่อยเก่งขนาดนั้น น่าจะแมนทั้งแท่ง... ม่านไหมนั่งมองจางหลงตาปรอย จนถึงเวลาขึ้นเครื่องจางหลงถึงเงยหน้าจากจอแล้วลุกขึ้นเดินตามเจ้านายไปหน้าตาเฉย
เมื่อขึ้นมาบนเครื่องหลี่ไท่หยางให้เธอนั่งข้างเขา แม้จะเป็นชั้นเฟิร์ส คลาสกว้างขวางกว่าชั้นประหยัดที่เธอเคยนั่ง แต่ม่านไหมต้องนั่งตัวเกร็งไปตลอดเส้นทางบิน จนหลี่ไท่หยางเอนตัวลงแล้วหลับตานั่นแหละหญิงสาวถึงจะผ่อนอาการเกร็งลงบ้าง เมื่อได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอร่างบางก็คลายใจดวงตากลมโตหรี่ปิดลง ไม่กี่นาทีก็หลับสนิทตามประสาคนนอนง่าย
ดวงตายาวเรียวของเจ้าพ่อมาเฟียค่อยๆลืมขึ้นช้าๆ เขาไม่ได้หลับอย่างที่หญิงสาวเข้าใจ แต่แกล้งหลับเพื่อไม่ให้เธออึดอัดใจ หลี่ไท่หยางมองใบหน้าเรียวรูปไข่สวยของคนที่นอนหลับตาพริ้มอย่างพินิจ เขายอมรับว่าผู้หญิงคนนี้สวยสะดุดตาไม่น้อย หากเธอไม่ใช่ตัวการหลอกลวงน้องสาวของเขา บางทีเขาอาจเปิดโอกาสให้เธอเป็นคู่ควงกับเขาสักวัน ปลายนิ้วเรียวยืนลูบไล้ผิวแก้มนุ่มอย่างเผลอไผล เจ้าของแก้มเบี่ยงหน้าหนีแต่ไม่ยอมตื่นขึ้นมา เมื่อก้มลงไปแตะปลายจมูกบนแก้มนวล เจ้าตัวก็ยังไม่รู้สึกตัว หลี่ไท่หยางกระตุกมุมปากยิ้มเย็น เมื่อกลิ่นของเธอช่างหอมถูกใจ ผิวนุ่มๆ เนียนละเอียดเหมือนผิวเด็กชวนให้สัมผัส อยากรู้นักว่าริมฝีปากอิ่มสีกุหลาบของเธอ จะหวานเพียงใด เขานึกถึงวิธีการลงโทษหญิงสาวขึ้นมา เขาจะใช้วิธีเดียวกับที่เธอทำร้ายน้องสาวของเขาเล่นงานเธอ หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง เจนนี่เจ็บแค่ไหนม่านไหมกับลายเมฆต้องเจ็บกว่าหลายเท่า
การเดินทางจากไทยมาถึงฮ่องกงใช้เวลาเพียงสองชั่วโมงกว่าๆ หลังจากเสร็จสิ้นขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองแล้ว หลี่ไท่หยางก็พาม่านไหมไปยังคฤหาสน์ของตระกูลหลี่ เขาจัดให้เธอพักที่ตึกใหญ่ สร้างความแปลกใจให้กับจางหลงมาก เลขานุการหนุ่มคิดว่านายของเขาคงจะจัดการกับศัตรูของตนทันทีที่เดินทางมาถึง ไม่นึกว่าจะใจดียอมให้หญิงสาวพักอยู่ที่บ้านด้วย
หลี่ไท่หยางเดินขึ้นมาบนตึก ร่างสูงเดินตรงไปยังห้องพักของพยาบาลสาว เขาบิดลูกบิดเปิดล็อกประตูห้องของเธอแล้วแทรกตัวเข้าไปด้านใน ภายในห้องเปิดเพียงโคมไฟหัวเตียงไว้ แสงไฟเหลืองนวลอ่อนแรงเทียนทำให้ห้องดูสลัวราง เสียงร้องเพลงหงุงหงิงดังแว่วออกมาจากห้องน้ำ เจ้าของเสียงคงกำลังสำราญกับการแช่ตัวเพราะไม่ได้ยินเสียงน้ำไหล หลี่ไท่หยางเดินเรียดเท้าอย่างใจเย็นเข้าไปในห้องน้ำ กลิ่นหอมของบับเบิ้ลบาร์ทกลิ่นกุหลาบฟุ้งตลบเต็มห้อง เขาหยุดยืนมองคนหลับตาพริ้มนอนอยู่ในอ่างอาบน้ำที่ตีฟองสบู่ฟูฟ่อง ขายาวเรียวยกพาดขอบอ่างไว้ข้างหนึ่ง มือทั้งสองประสานกันรองท้ายทอยแทนหมอนหนุน ขณะทอดกายนอนสบายในท่ายั่วยวนสายตา ฟองครีมสีขาวพองฟูเต็มอ่างช่วยปกปิดเรือนกายเปลือยเปล่าไว้ในส่วนสงวน มองเห็นเพียงหัวไหล่เนียนโผล่พ้นออกมาเท่านั้น
เสียงเพลงเงียบไป เมื่อคนร้องกำลังอยู่ในภวังค์ความคิด ร่างบางบิดตัวให้หายเมื่อยขบ ขยับกายขึ้นนั่งอิงขอบอ่างทั้งที่ยังไม่ลืมตา โดยไม่รู้ว่ามีบุคคลที่สองกำลังกอดอกยืนจ้องมองเธออยู่ไม่ไกล ทรวงอกอวบอิ่มโผล่พ้นน้ำ ฟองครีมสีขาวเกาะอยู่บนโนมเนื้ออวบสล้างนั้นบางเบา มองเห็นยอดทรวงสีกุหลาบสวย หลี่ไท่หยางรู้สึกคอแห้งผากขึ้นมา เขาขยับเข้าใกล้หญิงสาวราวต้องมนต์ เสียงฝีเท้าทำให้ม่านไหมลืมตาขึ้นมอง ก่อนจะเบิกตากว้างกรีดร้องขึ้นมา
“ว้าย คุณหลี่ คุณเข้ามาได้ยังไง!”
ม่านไหมร้องลั่น รีบหย่อนร่างซ่อนกายใต้ฟองครีมหนา สองมือไขว้กันปิดทรวงอวบงามของตัวเองอย่างตกใจ ดวงตากลมโตจ้องมองผู้บุกรุกด้วยความโกรธปนอับอาย เกิดมาไม่เคยปล่อยให้ผู้ชายคนไหนเห็นเนื้อตัวเปล่าเปลือยของตัวเองสักครั้ง เขาเป็นคนแรกที่ได้เห็น เป็นการเห็นแบบไม่ได้ตั้งใจสักนิด เขากล้าดียังไงมาบุกรุกความเป็นส่วนตัวของเธอ
“สวยกว่าเธอ ฉันก็เคยเห็นมาแล้ว”
หลี่ไท่หยางยิ้มหยัน มองคนหวงตัวด้วยสายตาเหยียดหยาม ทำเป็นเอะอะโวยวายให้ตัวเองมีคุณค่า มารยาแท้ๆ
“คุณก็ไปดูคนที่สวยกว่าฉันสิ กล้าดียังไงถึงได้บุกเข้ามาในห้องฉัน” ม่านไหมอยากจะข่วนลูกตาวาวของคนพูดนัก ปากบอกว่าเธอไม่สวยแต่มองจนตาเยิ้มแบบนั้น จะให้เชื่อลงหรือนั่น