ท่ามกลางค่ำคืนที่เงียบสงัด ผู้คนหลับใหลพักผ่อนจากการใช้ชีวิตมาทั้งวันเพื่อลืมตาตื่นไปใช้ชีวิตในวันหน้า จักรยานแม่บ้านคันหนึ่งปั่นเข้าหมู่บ้านมาเงียบ ๆ
สองบุรุษต่างวัยรวมน้ำหนักกันแล้วเพิ่มความลำบากลำบนให้จักรยานเล็กน้อยทว่าภาณุไม่ได้รีบร้อน ปั่นช้า ๆ ให้เด็กข้างหลังได้มองสำรวจไปรอบ ๆ มองสภาพแวดล้อมที่จะกลายเป็นบ้านใหม่ของตัวเอง
ลู่จิวมองบ้านหลายหลังที่พวกเราพึ่งผ่านมาอย่างสนอกสนใจ แถวนี้ไม่ค่อยมีหมาไล่เห่าเลย มีไฟริมทางส่องสว่างไม่น่ากลัว หมู่บ้านนี้อยู่ใกล้สวนสาธารณะ ปั่นเข้ามาในซอยก็เป็นหมู่บ้าน สองข้างทางมีดอกไม้ที่เจ้าของบ้านปลูกตลอดทาง
“สวยจัง”
“แต่ก่อนบ้านพี่ดอกไม้เยอะกว่านี้อีก แม่ปลูก” คนแก่กว่าโอ้อวด จิวได้ยินจึงขออวดบ้าง
“แม่จิวก็ปลูก”
“จิวอยู่แถวนี้เหรอ”
“ครับ แต่บ้านเป็นบ้านโครงการ ส่วนมากมีแต่บ้านคนรวยไม่ค่อยสุงสิงกัน” จิวเปรียบเทียบกับที่นี่ ตรงนี้มีบ้านหลังเล็กหลังใหญ่สลับกันไป ดูน่าอยู่และคงสนิทกันไม่น้อย
คนปั่นจักรยานไม่ได้ตอบเพราะให้ความสนใจกับเบื้องหน้า จักรยานแม้คันไม่เล็กแต่เขาคนเดียวล้อก็แทบรับไม่ไหว พอมีจิวและกระเป๋าด้วยจึงใช้แรงพอสมควร
ใช้เวลาไม่นานพวกเราก็มาหยุดที่หน้าบ้านหลังใหญ่ จิวลงก่อนยืนมองบ้านที่หลังตรงหน้าที่ใหญ่กว่าบ้านเก่าเขาหลายเท่า นี่คือบ้านที่คนพี่บอกว่ามีว่างอยู่หนึ่งห้องหรือ ไม่ใช่ว่าอยู่กันเยอะหรอกนะ ถ้าเป็นอย่างนั้นเขาคงไม่ค่อยกล้าอยู่เท่าไหร่
“หลังนี้” แรงสะกิดหลังเบา ๆ ให้หันหน้าไปอีกทาง บ้านหลังเล็กข้าง ๆ ปรากฏตรงหน้า เป็นบ้านสองชั้นที่เขามองไม่ชัดเท่าไหร่เพราะความมืด แต่ก็พอทำให้จิวถอนหายใจโล่งอก
“ตกใจหมด จิวนึกว่าบ้านหลังนั้น”
“ทำไมเหรอ”
“มันใหญ่เกินไปครับ” เสียงหวานเอ่ยตอบอย่างไม่ปิดบัง ภาณุพยักหน้าขณะขนหนังสือกลับเข้าไปในกระเป๋า
“หลังนั้นก็บ้านพี่ แต่พ่อพาเมียน้อยเข้ามาอยู่ แม่เลยสร้างบ้านหลังนี้อยู่กับพี่สองคน” เสียงทุ้มเอ่ยบอกอย่างไม่คิดอะไร แต่คนฟังกลับเงียบไปครู่หนึ่งอย่างรู้สึกผิด
“ไม่ถามอีกแล้วครับ”
“ถามได้ ตอนนี้พวกเขาเสียไปแล้วทั้งพี่ก็ไม่ได้เสียใจเท่าเมื่อก่อน เราสองคนควรคุยกันให้มาก ๆ ตอนนี้เหลือกันแค่สองคนแล้ว”
คนโตกว่ายิ้มบางไม่ได้คิดอะไร กวักมือเรียกจิวก่อนหอบข้าวของเดินนำไป ทั้งยังยัดกุญแจบ้านใส่มือบางให้เป็นคนเปิดประตูแทนผู้เป็นเจ้าของ
เข้ามาด้านในก็มองเห็นตัวบ้านได้ชัดขึ้น บ้านสองชั้นหลังพอดี ไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป ด้านหน้ามีพื้นที่ค่อนข้างกว้าง ทางเดินปูด้วยหิน มีโต๊ะนั่งอยู่ท่ามกลางดอกไม้ที่ตอนนี้เหี่ยวเฉาหมดแล้ว
เมื่อก่อนคงมีดอกไม้เบ่งบานงดงามเต็มไปหมดแน่ ๆ เลย ไฟสว่างตามทางเดินให้บรรยากาศที่ดีไม่น้อย หากนั่งเล่นตรงนี้ตอนกลางคืนคงเพิ่มอรรถรสในการสังสรรค์หรือนั่งอ่านหนังสือเงียบ ๆ ได้
ร่างบางสองสำรวจไปเรื่อย ๆ เมื่อก่อนคนพี่บอกว่าอยู่กับแม่สองคนคงอบอุ่นไม่น้อย มองสวนดอกไม้ที่แห้งเหี่ยวไร้ใบเขียวเขาก็รู้สึกหดหู่ ที่คนพี่ดิ่งง่ายคงเพราะสภาพแวดล้อมพวกนี้ด้วย
“ตรงนี้สวนดอกไม้แม่ปลูก แต่พี่ทำงานหนักตลอด ทั้งแม่เสียไปสามเดือนก็ยิ่งไม่ได้ดูแล พึ่งลองรดน้ำช่วงอาทิตย์ก่อนแต่มันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
“คงเพราะรากมันตายแล้วครับ ต้องถอนทิ้งปลูกใหม่”
เสียงพูดคุยกันมาตามทางจนถึงประตูบ้าน พอเข้ามาใกล้ก็รู้สึกว่าไม่ได้หลังเล็กขนาดนั้น เท่ากับบ้านสองชั้นในโครงการที่ราคาหกถึงสิบล้านได้เลย
จิวใช้กุญแจเปิดประตูด้วยท่าทางเก้กัง ไม่นานก็เปิดได้ ประตูถูกเปิดออกให้เจ้าของบ้านเดินนำเข้าไปในความมืด ใบหน้าคมคายพยักเพยิดหน้าไปข้างกำแพงบอกตำแหน่งของสวิตช์ไฟ
“เปิดไฟตรงนั้นครับ”
“ได้ครับ”
ทันทีที่ไฟถูกเปิดลู่จิวก็ได้มองสำรวจบ้านหลังนี้เต็มตา เป็นบ้านแนวญี่ปุ่นโล่ง ๆ ส่วนมากเป็นเครื่องไม้สีน้ำตาลอ่อน ๆ เขาไม่รู้ว่ามันเรียกว่าอะไร
ในแจกันล้วนเป็นดอกไม้ที่เหี่ยวหมดแล้ว มองดูแล้วรู้สึกหดหู่ชอบกล ทั้งที่บ้านมีคนอยู่แท้ ๆ แต่กลับรู้สึกว่าบ้านหลังนี้ไร้คนอยู่ ไร้สีสัน ร่างสูงวางมือถือและกระเป๋าไว้บนโต๊ะหันมองเด็กหนุ่มกำลังจ้องดอกไม้ในแจกันอยู่
“พี่ไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ ดอกไม้ก็เลยอยู่แบบนั้น เอาจริง ๆ ก็ไม่อยากเอาออกเพราะนั่นคือดอกไม้ชุดสุดท้ายก่อนสวนดอกไม้จะเหี่ยวตายไป”
“เดี๋ยวจิวช่วยปลูกใหม่นะครับ แต่พรุ่งนี้ต้องเอามันออกจากแจกันก่อน”
“เอาตามที่นายว่าเลย บ้านมีสามห้องนอนข้างบน แต่พี่ใช้เป็นห้องทำงานห้องหนึ่ง ห้องครัวตรงนั้น กินข้าวยัง” ภาสกรตามใจน้อง ตอนนี้เขาอยากหายจากความโศกเศร้าแล้ว น้องบอกว่าควรทำอะไรเขาย่อมตามใจ ปล่อยดอกไม้แห้ง ๆ ไว้เต็มบ้านก็ไม่น่ามองจริง ๆ นั่นแหละ
“ยังครับ”
“งั้นพี่พาเอาของไปเก็บแล้วค่อยลงมาทำอาหารกันเถอะ พี่ก็ยังไม่กิน”
“ครับ”
คุยกันเสร็จสรรพทั้งสองก็ขึ้นมาบนชั้นสอง ห้องแรกหน้าบันไดคือห้องทำงาน ห้องกลางคือห้องนอนของผู้เป็นเจ้าของ ส่วนห้องท้ายสุดย่อมเป็นห้องของคนที่กำลังเดินตามมา จิวมองสำรวจด้านในห้องอย่างกระตือรือร้น เป็นห้องขนาดพอดี โทนสีไม้และสีขาว เตียงไม้ โต๊ะไม้ แต่ผ้าม่าน ผ้าปูที่นอนเป็นสีขาวสะอาด
“พอได้ไหม”
“ได้ครับ ดีมากเลยแหละ ขอบคุณพี่จริง ๆ ที่เมตตาผม” จิวหันไปยกมือไหว้ผู้มีพระคุณจากใจจริง คนพี่พยักหน้าเบา ๆ ยื่นมือมาแตะแขนเขาให้ลดมือลงได้แล้ว
“อย่าพูดแบบนั้นเลย ชีวิตพี่ก็ต้องการจิวนะ บ้านที่ไม่มีแม่ไม่ค่อยเหมือนบ้านเท่าไหร่อย่างที่เราเห็น”
“ว่าแต่พี่ชื่ออะไรครับ”
“ภาณุ แต่เรียกพี่ภาสก็ได้ มาจากชื่อจริงว่าภาสกร น่าจะเรียกง่ายกว่า เราล่ะ ชื่อจิวเฉย ๆ เหรอ”
“พ่อตั้งให้ว่าลู่จิวครับ จิวมีชื่อเดียวทั้งชื่อเล่นและชื่อจริง” พ่อตั้งชื่อให้เขาว่าลู่จิว อาจจะเหมือนชื่อผู้หญิงไปบ้างแต่เพราะความหมายดีทั้งสองจึงเลือกชื่อนี้ ลู่จิวหมายความว่าหยกแห่งโชคชะตา พอคิดถึงครอบครัวเก่าใบหน้าจึงซึมลงเล็กน้อย
“ครับ งั้นจัดของเถอะ พี่ลงไปรอข้างล่าง หมอนผ้าห่มอะไรพวกนั้นอยู่ในตู้นะ พี่ส่งซักเดือนละครั้ง พึ่งซักไปเมื่อสองวันก่อน” ร่างสูงกล่าวพลางเดินไปที่ประตูเพื่อลงไปข้างล่างไม่อยากรบกวน
“ขอบคุณครับ”
เมื่อพี่ภาสออกจากห้องไปแล้วจิวก็ได้โอกาสมองรอบห้องเพื่อสำรวจอีกครั้ง ตรงหน้าเป็นเตียงไม้ประมาณสี่ฟุต ข้าง ๆ เป็นโต๊ะทำงาน มีหน้าต่างบานใหญ่ ส่วนห้องน้ำจะอยู่มุมซ้ายมือ ใกล้ ๆ มีตู้เสื้อผ้า ถัดไปเป็นระเบียงที่มีราวตากผ้าเช็ดตัวเล็ก ๆ ตั้งอยู่
มือถือถูกเปิดดูไวไฟก็พบว่ามีเพียงไวไฟบ้านอันเดียว คงไม่มีเรื่องติดกล้องอะไรเทือกนั้นหรอกมั้ง โล่งใจไปหนึ่งอย่าง
“พ่อแม่ไม่โทรมาเลย” ปากเล็กพึมพำเบา ๆ ไม่คิดว่าจะสามารถตัดเขาออกจากชีวิตได้ทันทีขนาดนี้ กระทั่งเขายังตั้งตัวไม่ทัน ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่ารอให้ทั้งสองอารมณ์ดีก่อนอาจจะโทรมา เพราะพ่อแม่เขาดีกับเขามาก ไม่เคยดุด่าหรือทำให้จิวรู้สึกแย่เลย นี่คงเป็นครั้งแรกเลยมั้ง
“ช่างเถอะ” กระเป๋าถูกยกมาเปิด มือถือถูกโยนไปบนเตียงแล้ว จิวนำเสื้อผ้าอันน้อยนิดเท่าที่จะหยิบมาได้แขวนไว้ในตู้ไม้ขนาดพอดี ห้องนี้มีห้องน้ำในตัว แต่ไม่มีห้องแต่งตัวเช่นที่บ้าน ทว่าเขารู้สึกอบอุ่นเล็ก ๆ ในใจ นี่คือห้องใหม่ที่ได้ความช่วยเหลือจากพี่ภาส
โต๊ะเขียนหนังสือมีหนังสือและชีทเรียนวางเอาไว้แล้ว แต่แมคบุ๊คของเขานั้นจิวไม่ได้นำมา ไอแพดก็เช่นกัน ยังดีที่มีไฟล์ในมือถือเปิดอ่านได้ ทั้งไม่มีงานค้างอยู่ในนั้น เขาเองก็ไม่กล้าหน้าด้านไปขอคืน
ใช้เวลาไม่นานก็เก็บของเสร็จแล้ว ผ้าเช็ดตัวผืนใหม่ถูกหยิบมาใช้ เข้ามาในห้องน้ำเปิดตู้เล็ก ๆ ด้านล่าง พี่ภาสบอกว่ามีของอยู่ในนั้น พอเปิดดูพบว่ามีแปรงสีฟัน ครีมอาบน้ำ แชมพู ครีมนวด ส่วนครีมทาหน้าจิวนำมาด้วย
ร่างเปลือยเปล่ายืนอยู่หน้ากระจกนิ่ง ๆ มองใบหน้าหลังผ่านการร้องไห้มาเพื่อจดจำมันเอาไว้ วันนี้นับว่าเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของชีวิต นี่คือชีวิตใหม่ของเขา บ้านหลังใหม่ อนาคตที่คิดเอาไว้คงมีการปรับเปลี่ยนมากมาย ทว่าขอเพียงไม่ให้ตัวเองเจ็บปวดเหมือนวันนี้ก็พอแล้ว
ขณะสมาชิกใหม่กำลังใช้เวลาส่วนตัวในห้อง ผู้เป็นเจ้าของบ้านตอนนี้ก็ต้องกลับไปอาบน้ำเช่นกัน ไม่นานก็ออกจากห้องมาที่ครัว จากชุดทำงานดูภูมิฐานเหลือเพียงชายวัยสามสิบกว่าสวมเสื้อยืดและกางเกงขายาวสบาย ๆ
ครัวในบ้านแทบไม่ได้ใช้ ไม่สกปรกแต่ว่างเปล่า เครื่องปรุงก็มีอยู่ไม่มาก บ้านไร้ผู้เป็นแม่มาเกือบสามปี หลังตรวจเจอโรคร้ายแม่ก็ต้องอยู่โรงพยาบาลจนวันสุดท้ายของชีวิต ปกติก็เป็นแม่ที่จัดการเรื่องบ้าน พอเปิดดูของในครัวก็พบว่าแทบไม่มีอะไรเลย
“พี่”
“มาแล้วเหรอ ส่วนมากพี่กินข้าวข้างนอก ตอนนี้มีแต่บะหมี่กับไข่ เราไปกินข้าวหน้าหมู่บ้านดีไหม ใกล้ ๆ นี้เอง” เสียงทุ้มเอ่ยอย่างเก้อเขิน ชวนเขากลับบ้านแต่บ้านไม่มีอะไรให้เขากินเลยฟังดูน่าอายจริง ๆ จิวในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นเดินเข้ามาในครัวมองดูบะหมี่กับไข่ในมือคนพี่อย่างเข้าใจ
“เอางั้นก็ได้ครับ” เขาตามใจเจ้าของเงิน ดูจากบ้านโล่ง ๆ แล้วก็เข้าใจว่าเจ้าตัวไม่ค่อยทำอะไรกับบ้านจริง ๆ จิววิ่งขึ้นห้องไปเปลี่ยนกางเกง จากนั้นก็ออกจากบ้านตามเจ้าของบ้านออกไป
ด้านนอกเปิดไฟสว่างทั่วบริเวณจึงไม่น่ากลัว จิวมองพี่ภาสกำลังตรวจดูล้อจักรยานรอเขาอยู่ เห็นเขามาจึงลุกขึ้นยืนเต็มความสูง พอยืนเทียบกันแล้วจิวสูงแค่ปากของพี่ภาสเองนี่นา
“พี่ฝากกระเป๋าหน่อย” กระเป๋าเงินราคาแพงถูกยัดใส่มือสมาชิกใหม่ ส่วนตัวเองไปจูงจักรยานออกมา ปิดรั้วบ้านให้แน่นหนาก็พร้อมออกเดินทางแล้ว ท่านประธานหันมองเด็กมหาลัยนั่งซ้อนจักรยานเขาด้วยท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ ก็รู้สึกเอ็นดู
“พร้อมแล้วครับ”
“ครับ” ภาสยิ้มบางก่อนจะออกแรงปั่น จักรยานคันเดินถูกใช้งานหนักในวันเดียวอย่างน่าสงสาร ทว่าเจ้านายทั้งสองกลับยิ้มพูดคุยกันไปตลอดทาง
“ดอกนี้ก็สวยนะ จิวดู” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกเมื่อมองเห็นดอกไม้สีสวยตรงหน้า จิวหันไปด้านขวามือมองต้นไม้ที่บ้านคนอื่นปลูกเอาไว้ เมื่อเข้าไปใกล้ก็เห็นว่าเป็นดอกกุหลาบหลายสี
“บ้านหลังนั้นก็สวยครับ ดอกเบญจมาศ” บ้านถัดไปปลูกดอกเบญจมาศสีแดงเอาไว้เต็มเลย มองดูแล้วสบายตาไม่น้อย ยิ่งเห็นก็ยิ่งอยากให้สวนบ้านพี่ภาสกลับมาเป็นสวนดอกไม้ไว ๆ อีกหน่อยเขาก็ปิดเทอมแล้วคงมีเวลา ถ้าอนาคตยังอยู่ด้วยกันคงได้ทำตามที่คิด
“เจ้าอ้วนจะออกดอกสวยแบบนี้ไหม” อยู่ดี ๆ เสียงทุ้มก็เอ่ยถามขึ้น จิวคิดครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหน้า
“ดอกมันเหมือนดอกจำปาครับ แต่ดอกเล็กกว่า”
“กลิ่นหอมไหม”
“ไม่นะครับ แถมบางส่วนมีพิษด้วย เช่นยางสีขาว ๆ ”
“อ้าว”
“คิกคิก” เสียงหัวเราะคิกคักดังอยู่ข้างหลัง รับรู้ได้จากมือที่เกาะเอวเขาอยู่ว่าจิวกำลังหัวเราะจนตัวโยน เขานึกว่ามันจะหอมหรือไม่ก็ดอกสวยแม่ถึงปลูก แต่เป็นดอกไม้ธรรมดาก็ไม่เป็นอะไรหรอก
หลังจากเรื่องดอกไม้เราก็คุยเรื่องส่วนตัวกันต่ออีกเล็กน้อย เช่นจิวเรียนอะไร ปีไหนแล้ว เขาทำงานอะไร ทำงานกี่วัน หยุดวันไหน ปกติเรื่องกินข้าวเป็นยังไงเพื่อที่น้องจะได้ทำอาหารรอถูก
บ้านพี่ประมาณนี้ค่ะ รูปภาพจากในเว็บนะคะ
อันนี้ห้องน้องค่ะ เครดิต พี่เขยไรท์วาดให้ค่ะ