บทที่ 4 แข่งขัน EP.2

1113 Words
ในเมื่ออีกฝ่ายเล่นได้ทำไมเขาจะเล่นบ้างไม่ได้ รูปร่างของเขากับหม่อมราชวงศ์พิษณุวัชร์ก็สูงพอฟัดพอเหวี่ยงกัน แม้ตัวเขาจะบางกว่าก็ตาม และเป็นเพราะต้องการเอาชนะ จึงทำให้หม่อมหลวงนพรุจลืมสิ่งที่เคยพูดไว้ว่า รักบี้เป็นกีฬาที่ใช้แต่พละกำลัง ไม่ใช้สมอง แม้ต้องยอมฝึกซ้อมอยู่ที่โรงเรียนไม่ได้กลับบ้านเขาก็ยินยอม และที่เขามาร่วมงานเลี้ยงในวันนี้ทั้งที่ไม่ได้อยากมาเลยก็เป็นเพราะรู้ว่าโสคนธิกามาเท่านั้น ขณะกำลังครุ่นคิดหาคำมาตอบอยู่นั้น อาวุธก็พูดช่วยชีวิตขึ้นมา “ฉันเป็นคนแนะนำเองแหละณุ เพราะเห็นช่วงนี้ไอ้หม่อมไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่ ก็เลยแนะนำให้ลองเล่นรักบี้ดู” หม่อมหลวงนพรุจรีบรับสมอ้างทันที “ใช่ๆ ช่วงนี้ฉันไม่สบายบ่อย วุธเลยแนะนำให้เล่น” คนเป็นน้องชายมองผู้เป็นพี่ชายอย่างรู้ทัน แล้วเขาก็แน่ใจว่าคนถามก็ย่อมรู้เหมือนกัน “อ๋อ อย่างนี้นี่เอง ฉันก็สงสัยไง เพราะปกติไม่เห็นแกชอบเล่นกีฬาอะไรสักอย่าง แล้วจู่ๆ ก็มาเล่นรักบี้” โสคนธิกาซึ่งบ่มเพาะความหงุดหงิด เพราะหม่อมราชวงศ์พิษณุวัชร์นอกจากจะไม่สนใจในสิ่งที่เธอกระทำแล้ว ยังไม่แม้แต่จะชำเลืองมองอีก จะไม่ให้เธออารมณ์เสียได้อย่างไร นี่แสดงว่าเขาไม่ได้ให้ความสำคัญแก่เธอเลยหรือไร แล้วดูสิ ตอนนี้คุยกันแต่เรื่องกีฬารักบี้อะไรก็ไม่รู้! ถ้ารู้ว่าเรื่องไม่เป็นอย่างที่คิด เธอคงไม่เดินนำอีกฝ่ายมานั่งตรงนี้หรอก “แหม คุยอะไรกันคะเนี่ย เอื้อยไม่เห็นจะชอบดูรักบี้เลย ไม่เข้าใจว่าทำไมพี่ชายณุชอบเล่นไปได้ เอื้อยเห็นแต่ละคนเล่นกันเอาเป็นเอาตาย อย่างกับต้องการแค่เอาชนะกันเพียงอย่างเดียวเท่านั้น” คุณชายณุตักกระทงทองใส่ปากเคี้ยวตามด้วยน้ำชาอีกอึกใหญ่ ก่อนจะพูดเสียงเรียบ “รักบี้เป็นกีฬาแห่งศักดิ์ศรี ไม่ใช่กีฬาที่แข่งขันเพื่อผลแพ้ชนะอย่างเดียว เป็นกีฬาของลูกผู้ชายบวกกับสุภาพบุรุษ ดังนั้นคนเล่นกีฬารักบี้จึงต้องคำนึงถึงทั้งสองสิ่งนี้ด้วย” น้ำเสียงของคนพูดบวกกับสีหน้าเรียบๆ ที่ไม่รู้ว่าจะสื่อความนัยถึงใคร ทว่าคนฟังอย่างโสคนธิกากลับมีสีหน้าจืดเจื่อนลงทันที นึกก่นด่าตัวเองที่ไม่น่าให้อารมณ์หงุดหงิดครอบงำจนทำให้พูดจาไม่คิดออกไป กลัวจะเสียคะแนนนิยม จึงรีบเปลี่ยนเรื่องพูดทันใด “แล้วนี่หญิงนิ่มไปไหนหรือคะพี่ชายณุ” พอได้ยินคำถามที่เกี่ยวกับน้องสาว ก็ทำให้หม่อมราชวงศ์พิษณุวัชร์เหลียวไปมองประตูทางเข้า ความรู้สึกห่วงใยบังเกิดขึ้นมาทันที ‘ทำไมป่านนี้หญิงนิ่มยังไม่กลับเข้ามาอีกนะ’ ชายหนุ่มนึกหวั่นว่ายายเด็กจอมซนนั่นจะชักชวนน้องสาวเขาเล่นอะไรแผลงๆ เพราะดูท่าทางแล้วจะแสบไม่น้อย “หญิงนิ่มเดินออกไปดูดอกไม้ด้านนอกจ้ะเอื้อย” “เดินไปดูดอกไม้ด้านนอกเนี่ยนะ?” โสคนธิกาทำเสียงสูง “หม่อมน้าบอกเอื้อยว่าคนข้างนอกกำแพงส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านจนๆ ทั้งนั้น ถ้าเกิดคนพวกนั้นรู้ว่าหญิงนิ่มเป็นใคร แล้วเกิดอันตรายขึ้นจะทำยังไงกันล่ะคะพี่ชายณุ” “นั่นสิณุ น่าเป็นห่วงอย่างที่คุณเอื้อยว่าจริงๆ นั่นแหละ เพราะตอนนั่งรถเข้ามาก็มีแต่คนมองตาม อย่างกับไม่เคยเห็นรถยนต์กันอย่างนั้นแหละ” หม่อมหลวงนพรุจพูดด้วยน้ำเสียงกึ่งดูถูกเหยียดหยาม คำพูดดังกล่าวทำให้หม่อมราชวงศ์พิษณุวัชร์นึกถึงนัยน์ตาวาววับของเด็กหญิงเจ้าของนามพัดชา ยามเขาพูดถึงเรื่องทำนองนี้ขึ้นมาทันที เรื่องอันตรายอะไรนั่นเขาไม่นึกห่วงหรอก ห่วงแต่กลัวเด็กนั่นจะพาน้องสาวเขาเล่นซนต่างหาก “เรื่องอันตรายที่แกกับเอื้อยกลัวคงไม่มีหรอก ฉันว่าชาวบ้านแถวนี้ดูเป็นมิตรดีออก” “พี่ชายณุเอาอะไรมาวัดคะว่าชาวบ้านจนๆ พวกนั้นดูเป็นมิตร” โสคนธิกาเถียงอย่างไม่ยอมแพ้ “นั่นสิครับคุณเอื้อย ฉันว่าแกมองคนในแง่ดีเกินไปนะณุ” นพรุจทำตัวเป็นขุนพลอยพยัก เห็นด้วยกับโสคนธิกาทุกเรื่อง คนถูกถามยังไม่ทันได้ตอบอะไร ฉัตรพงษ์ที่นั่งฟังอยู่เงียบๆ ก็โพล่งขึ้นมา “ผมว่าคุณเอื้อยมองชาวบ้านในแง่ลบเกินไปหรือเปล่าครับ คนจนกับคนรวยแยกออกด้วยตาได้หรือครับว่าใครดี ใครไม่ดี” ชายหนุ่มพูดเพราะหมั่นไส้โสคนธิกา รวมทั้งขุนพลอยพยักอย่างนพรุจด้วย “แหม คุณฉัตรก็ว่าเอื้อยเกินไปนะคะ” คนถูกว่าส่งค้อนขวับใหญ่ นึกเคืองคนว่าเป็นยิ่งนัก ถ้าไม่นึกว่าอีกฝ่ายเป็นเพื่อนสนิทของหม่อมราชวงศ์พิษณุวัชร์ละก็ เธอคงไม่เกรงใจแล้ว “ใช่ แกก็ว่าคุณเอื้อยเกินไปจริงๆ นะฉัตร คนชั้นต่ำพวกนั้นจะเป็นคนดีไปได้อย่างไร” นพรุจพูดเข้าข้างโสคนธิกาอย่างออกนอกหน้าตามเคย และคำพูดดังกล่าวก็ทำให้ฉัตรพงษ์ผุดลุกขึ้นยืนทันที เพราะถ้าขืนยังนั่งอยู่ตรงนี้ คงได้ลุกขึ้นฟาดปากญาติของเพื่อนสนิทเป็นแน่แท้ คนอะไรพูดจาไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย “เดี๋ยวฉันออกไปตามหญิงนิ่มให้แล้วกันณุ” “ฝากด้วยแล้วกัน” หม่อมราชวงศ์พิษณุวัชร์มองเพื่อนด้วยสายตาขบขัน ปกติฉัตรพงษ์จะอารมณ์ดีและใจเย็น คราวนี้คงเหลือจะทน เขาเองก็ใช่ว่าจะเห็นด้วยกับคำพูดของโสคนธิกากับญาติหนุ่ม และเกือบจะพูดอะไรแรงๆ ออกไปเหมือนกัน แต่ยั้งปากไว้ได้ทัน “พี่ณุครับ แล้วนี่ท่านอาไม่อยู่หรือครับ” “ท่านพ่อเสด็จไปทรงกอล์ฟกับเพื่อนๆ น่ะวิน” บอกพลางมองตามหลังเพื่อนสนิทไปจนลับตา “อ้าว แล้วนั่นพี่ณุไปเอากระท้อนมาจากไหนหรือครับ น่ากินเชียว” ชัชวินเอ่ยถามเมื่อเหลือบเห็นกระท้อนที่วางอยู่บนเก้าอี้ “อ๋อ กระท้อนตรงริมกำแพงน่ะวิน เห็นเด็กแถวนี้กำลังเก็บอยู่ เจ้าฉัตรอยากกินก็เลยขอมาน่ะ” เมื่อเอ่ยถึงกระท้อน ดวงหน้าเอาเรื่องของเด็กที่ว่าก็ลอยเข้ามาในห้วงสำนึกทันที ไม่ใช่ว่าป่านนี้เจ้าตัวจะชวนน้องสาวเขาไปปีนต้นกระท้อนหรอกนะ ชายหนุ่มนึกภาวนาให้น้องสาวตามเพื่อนเขากลับบ้านโดยเร็ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD