ผู้เล่นซอฝรั่ง

934 Words
ด้านในโรงละครสร้างความตื่นตาตื่นใจไม่ต่างจากด้านนอก ด้วยประดับผ้าม่านและตกแต่งลวดลายฉลุสีทองงดงามวิจิตรสมเป็นสยามประเทศโดยแท้ ด้านหน้าเป็นเวทีขนาดใหญ่มีม่านสีแดงสดเป็นพื้นหลัง และมีเครื่องดนตรีฝรั่งวางประจำตำแหน่งบนเก้าอี้พร้อมที่วางโน้ต ซึ่งบุษบาคาดว่านั่นคือการจัดตำแหน่งผู้เล่น บุษบาทอดสายตามองไปทั่วบริเวณ หล่อนคิดว่านี่เป็นการผสมผสานที่ลงตัว คือการรับวัฒนธรรมต่างชาติมาผสานกับสิ่งที่สยามยังคงอยู่ ไม่ต่างจากเสื้อผ้าอาภรณ์ที่หล่อนและบรรดาสตรีสยามสวมใส่ในขณะนี้ ผ้าลูกไม้ฝรั่งเศสช่างเข้ากันได้ดีกับผ้าซิ่นที่ถักทอจากความรักและใส่ใจ เก้าอี้นั่งถูกจัดไว้เป็นตำแหน่งลดหลั่นเป็นขั้นบันได เพื่อให้ผู้ชมสามารถเห็นเวทีขนาดใหญ่ด้านหน้าโดยไม่มีใครบังใคร หล่อนและพี่สาวได้ที่นั่งช่วงกลางค่อนไปทางด้านซ้าย ซึ่งพิกุลบ่นอุบว่าห่างจากเวทีตั้งมาก แต่บุษบากลับคิดว่ากำลังดี เพราะนั่งตรงนี้ หล่อนอาจลอบมองใครบางคนได้สะดวก ดวงตาสวยหวานจับจ้องแต่เพียงซอฝรั่งขนาดใหญ่ 3 ตัว ที่ตั้งเด่นอยู่ทางด้านขวามือ เพราะหากเขาคนนั้นเป็นหนึ่งในผู้เล่น เขาก็ควรจะนั่งในที่ใดที่หนึ่งของตำแหน่งนี้ บุษบามัวแต่ครุ่นคิดจนไม่ได้สังเกตว่ามีใครเดินเข้ามาบ้าง จนประยงค์สะกิดเรียก เพราะพิกุลชี้ชวนให้ดู ‘หม่อมเจ้าหญิงศิริบังอร’ หรือท่านหญิงอร หนึ่งในสตรีสยามที่จัดเป็นผู้นำด้านเครื่องแต่งกาย บุษบามองท่านหญิงอรด้วยความชื่นชม เพราะท่านหญิงแต่งกายได้งามพร้อมไม่มีที่ติ โดยเฉพาะใบหน้าหวานรับกับผมยาวดัดเป็นลอนพร้อมคาดทับไว้ด้วยสร้อยมุกสีทองเข้าชุดกับเครื่องประดับ นั่นยิ่งเสริมความงามสง่าจนหล่อนที่เป็นหญิงเหมือนกันยังไม่อาจจะถอนสายตาได้ ทว่าเสียงอื้ออึงของผู้ชมดนตรีที่ดังขึ้นเพราะเจ้าพนักงานดนตรีเริ่มเดินออกมาประจำที่ กลับทำให้ทุกสายตาจับจ้องไปบนเวที บุษบาเองก็เช่นกัน ร่างสูงใหญ่ที่ก้าวออกมาจากม่านข้างเวทีแทบทำให้บุษบาหยุดหายใจ เขามุ่งตรงไปประจำตำแหน่งซอฝรั่งที่หล่อนหมายตาไว้ หล่อนรู้แล้วว่านั่นคือ ‘เชลโล’ เครื่องสายของฝรั่งที่มีวิธีการเล่นที่คล้ายซอของสยาม และเชลโลตัวแรกใกล้เวทีที่สุดนั่นคือตำแหน่งที่หล่อนหมายตา เขานั่งลงตรงนั้น ในขณะที่นักดนตรีเตรียมความพร้อมของอุปกรณ์ บุษบากลับละสายตาไปจากเขาไม่ได้เลย หัวใจของหล่อนเต้นแรงจนได้ยินเสียงตึกตักดังชัด ฝ่ามือกระชับเข้าหากันเพราะความชื้นจากเหงื่อที่ซึมผ่าน ทุกพื้นที่ของคลองจักษุคือทุกอย่างที่ประกอบขึ้นเป็นเขา ตลอด 3 ปีที่ไม่ได้พบหน้า แม้จะรู้ว่าเขาประจำอยู่กรมมหรสพเช่นเดียวกับบิดา คุณย่าน้อยและคุณพี่พิกุล แต่หล่อนก็ไม่เคยถามว่าเขาเป็นใคร เพราะสตรีพึงรักษากิริยา โดยเฉพาะสตรีที่เพิ่งเป็นสาวรุ่นอย่างหล่อน ย่อมไม่ควรเสาะหาชื่อของผู้ชาย และคุณพี่พิกุลเองก็ไม่ได้บอก เพียงแต่เอ่ยเย้าหล่อนทุกเมื่อที่โอกาสอำนวยก็เท่านั้น ทว่าในวันนี้หล่อนเติบโตเป็นสาวเต็มตัว ด้วยวัย 17 ปี หล่อนพร้อมแล้วที่จะทำความรู้จักกับเขาคนนั้น บุษบายังคงเพ่งพิจใบหน้าและเรือนกายสูงใหญ่ เขาไม่เปลี่ยนไปเลย จะแปลกไปก็แค่เสื้อผ้าและทรงผมเท่านั้น หากเขาเห็นหล่อน เขาจะจำได้หรือไม่ว่าหล่อนคือเด็กสาวที่ลอบมองเขาจนถูกจับได้ ก่อนจะรีบหลีกหนีอย่างเร็ว เพราะเขินเกินทนกับดวงตากึ่งขำและรอยยิ้มน้อยๆ อย่างเอ็นดู หากสบสายตากันอีกครั้งในวันนี้ อิเหนาจะหลงพักตร์บุษบาได้ตามที่คุณพี่พิกุลกับคุณพี่ประยงค์เอ่ยเย้าจริงหรือไม่ บุษบาครุ่นคิดพลางหน้าร้อนวูบ เมื่อเจ้าของดวงตาคมเข้มนั้นทอดมองมา แววตาเปี่ยมรักและอาทรที่เขาสื่อ ยิ่งทำให้บุษบาสะท้านไปทั้งหัวใจ ก่อนที่หัวใจแทบจะหยุดเต้น เมื่อนั่นคือสิ่งที่หล่อนคิดไปเอง เพราะสุดสายตาของเขา... ไม่ใช่หล่อน แต่เป็นคนที่นั่งอยู่ด้านหน้าของหล่อนต่างหากเล่า ท่วงทำนองแห่งบทเพลงดังก้องกลบทุกสรรพเสียงในโรงละคร ดุจทุกสัมผัสที่ก่อกำเนิดเสียงนั้นคือการบอกเล่าเรื่องราวของบทละครอันเพริศแพร้ว เรื่องราวของสำเภาใหญ่กำลังล่องฝ่าทะเลแห่งคลื่นลมบ้าคลั่ง นั่นทำให้ทุกสายตาจับจ้องเหล่าเจ้าพนักงานดนตรีที่หลอมรวมอารมณ์ของตนเองเป็นหนึ่งเดียวกับเครื่องดนตรีที่ใช้ ดำดิ่งทุกความรู้สึกแห่งจิตวิญญาณลงไป จนผู้ชมต่างพาหัวใจลุ้นระทึก ทว่าไม่อาจรู้ได้ว่าบทสรุปของท่วงทำนองจะสิ้นสุดลงที่จุดใด บุษบาก็เช่นเดียวกัน หล่อนหลอมเอาความพึงใจในบุรุษนั้นดำดิ่งจมลึกสู่ห้วงมหรรณพ เนิ่นนานจนไม่ได้ยินเสียงปรบมือชื่นชมจากผู้ฟังเมื่อบทเพลงแรกสิ้นสุด ด้วยหัวใจของหล่อนไม่อาจรอดพ้นจากคลื่นลมบ้าคลั่งนั้นขึ้นมาได้ เขาไม่ได้มองหล่อน เขามอง... หม่อมเจ้าหญิงศิริบังอร อิเหนารูปงามมีนางจินตะหราวาตีอยู่แล้ว นางบุษบาไม่อาจสมใจปอง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD