บทนำ
ฉันแซ่หวง นามว่าซูอวิ๋น เป็นเด็กสาววัยแรกแย้มอายุสิบห้าปี อีกทั้งยังเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของผู้สืบทอดตระกูลหวงสาขาหลัก นั่นก็คือคุณพ่อของฉันเอง
สกุลหวงเป็นสกุลเก่าแก่ที่มีมาแต่โบราณ ดังนั้นเรื่องเล่าพิสดารแปลกประหลาดมากมายก็มักจะมีเข้าหูฉันมาอยู่เรื่อยๆ แต่ว่าฉันที่เกิดมาในยุคที่วิทยาศาสตร์เจริญก้าวหน้าและเทคโนโลยีเจริญรุ่งเรือง คงยากที่จะปักใจเชื่อตำนานเก่าแก่เหล่านั้น ทำให้คุณย่าที่เป็นผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลในตอนนี้ดุด่าฉันอยู่บ่อยครั้ง
ในทุกๆปีตระกูลหวงจะมีพิธีกรรมประหลาดอย่างหนึ่ง นั่นก็คือการบวงสรวงตำราเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่สมัยก่อตั้งตระกูล
ตำราเล่มนี้ว่ากันว่าภายในเล่มตำราถูกบันทึกเรื่องราวเรื่องหนึ่งเอาไว้ หากมิใช่ผู้ที่ถูกเลือกก็จะไม่มีวันได้เห็นหรืออ่านเรื่องราวที่ถูกขีดเขียนเอาไว้ได้ ฉันเองก็เคยลองเปิดอ่านดูแล้วกลับพบแต่หน้ากระดาษเปล่าๆนับพันหน้า
แท้ที่จริงแล้วตำราวิเศษอะไรนั่นคงเป็นแค่เรื่องหลอกเด็กเสียมากกว่า
สวนหลังบ้านครึกครื้นกันเป็นอย่างมาก เพราะคนในสกุลหวงไม่ว่าจะเป็นสาขาหลักหรือสาขาย่อย พวกเขาต่างตั้งหน้าตั้งตามาเข้าร่วมพิธีบวงสรวงตำราโบราณ
ฉันมองด้วยสีหน้าที่ยิ้มเยาะผ่านบานหน้าต่างกระจกใส "โตป่านนี้แล้วยังมางมงายกราบไหว้หนังสือเก่าๆกันอีก เหอะๆ" ฉันสวมรองเท้าเสร็จทั้งสองข้างก็รีบเปิดประตูคฤหาสน์เดินออกไป
"คุณหนูคะ พิธีนี้ศักดิ์สิทธิ์มาก คุณหนูจะต้องอยู่ร่วมทำพิธีกับคนในตระกูลนะคะ" ป้าหมิงที่เป็นแม่บ้านของตระกูลวิ่งออกมาร้องเรียก
"ป้าหมิงคะ วันนี้หนูมีเรียนเช้าคงอยู่ร่วมพิธีด้วยไม่ได้หรอกค่ะ ลุงสือคะ เตรียมรถ" ลุงสือค้อมตัวรับคำสั่ง ส่วนป้าหมิงก็เหงื่อตกพยายามรั้งให้ฉันอยู่
"ฉันไม่ใช่พวกงมงายที่จะกราบไหว้หนังสือเก่าๆเล่มนั้นหรอกนะ!"
ฉันเดินขึ้นรถและกำลังจะปิดประตู แต่ก็ถูกเสียงตวาดของคนผู้หนึ่งฉุดรั้งเอาไว้
"ซูอวิ๋น! เธอเองก็ระวังตัวเอาไว้เถอะ ตำราเล่มนั้นไม่ใช่ตำราธรรมดา ระวังเธอจะถูกลงทัณฑ์!"
คุณย่ายกไม้เท้าขึ้นมาชี้ที่ใบหน้าของฉัน ฉันไม่สนใจและบอกให้ลุงสือออกรถไป มีแต่เรื่องงมงาย รอฉันโตก่อนเถอะ ฉันจะออกไปจากสกุลหวง!
รถที่ลุงสือขับเคลื่อนมาตลอดทาง ในที่สุดก็หยุดอยู่ที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง
โรงเรียนวัฒนธรรมวิทยา เป็นสหศึกษาขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวง ตึกอาคารเรียนฝั่งตะวันตกถูกก่อสร้างด้วยรูปแบบสไตล์ยุโรปในสมัยยุคกลาง ส่วนตึกอาคารเรียนฝั่งตะวันออกถูกสร้างขึ้นด้วยรูปแบบสไตล์จีนโบราณ
นักเรียนชายหญิงบางส่วนเริ่มเดินทยอยออกมาจากหอพักนักศึกษา ชุดเครื่องแบบที่ดูเรียบหรูถูกสวมทับบนเรือนร่างของนักเรียนที่เดินกันขวักไขว่ไปมา
โรงเรียนวัฒนธรรมวิทยาแห่งนี้จะมีหน้าที่ถ่ายทอดวัฒนธรรมและศิลปะโบราณของตะวันตกและตะวันออก โปรแกรมการเรียนจะถูกแบ่งออกเป็นสองโปรแกรม โปรแกรมแรกคือวัฒนธรรมตะวันตก ลูกพี่ลูกน้องของฉันสองคนเรียนอยู่ในโปรแกรมนี้ ส่วนฉันถูกคนในตระกูลบังคับให้มาเรียนอีกโปรแกรมหนึ่ง นั่นก็คือโปรแกรมวัฒนธรรมตะวันออก
คนในตระกูลหวังจะให้ฉันสืบทอดตระกูลต่อไป ดังนั้นคุณย่าจึงต้องการให้ฉันเล่าเรียนเกี่ยวกับวัฒนธรรมของจีนโบราณให้ลึกซึ้ง
ห้องเรียนที่น่าเบื่อ คาบเรียนที่ดำเนินไปอย่างเชื่องช้า ทุกอย่างเป็นเช่นนี้ทุกวัน จำเจและซ้ำซาก
"คุณหนูหวง" อาจารย์ประจำชั้นเรียนเอ่ยทัก ฉันที่กำลังเหม่อลอยจึงหันหน้าไปตามเสียงเรียก
"มีอะไรหรือคะ?" อาจารย์หลี่กระแอมไอพร้อมกับเบนสายตาไปทางหนึ่ง
"ผู้ปกครองของคุณหนูโทรมาลาหยุดให้คุณหนูค่ะ ไม่ทราบว่าคุณหนูจะไปที่รถตอนนี้เลยไหมคะ?" อาจารย์หลี่พูดเสียงหวานและมีท่าทางที่นอบน้อม
ไม่ต่างจากคนอื่นๆเลยสักนิด พอรู้ว่าฉันอยู่ในตระกูลหวง ไม่นานท่าทีนอบน้อมและว่าง่ายก็จะปรากฏขึ้น ฉันยกยิ้มมุมปาก "เดี๋ยวหนูจะเดินไปเองค่ะ คงไม่รบกวนอาจารย์ในเวลาสอน"
ไม่รอให้อาจารย์ตอบรับ ฉันก็หยิบกระเป๋าและเดินออกจากห้องเรียนทันที
เพื่อนร่วมห้องเรียนไม่มีใครสงสัย ไม่มีใครเอ่ยถาม และถึงแม้ว่าพวกเขาจะสังสัยมากเพียงใดทว่าก็ไม่สามารถเอ่ยถามออกมาได้
คฤหาสน์หลังใหญ่ปรากฏขึ้นสู่สายตา เป็นคฤหาสน์ของตระกูลหวง ทางด้านหน้ามีคุณพ่อและคุณแม่ของฉันยืนรอรับอยู่ ส่วนคนอื่นๆในสาขาย่อยของตระกูลก็พากันพูดคุยสารทุกข์สุกดิบกันไป
รถลีมูซีนสีดำคันหรูหยุดลง เท้าเล็กก้าวออกจากประตูรถ ผมสีกลีบดอกท้อหยักศกปล่อยสยายทั่วแผ่นหลัง ดวงตากลมโตสีมรกตกวาดมองไปรอบด้าน ฉับพลันฉันก็รับรู้ได้ถึงแรงดึงที่ไหล่ขวาของฉัน
"แกตามฉันมา!" เป็นคุณย่าที่กำลังโมโหอย่างหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่นั่นเอง
คุณย่าลากฉันมายังห้องห้องหนึ่ง ห้องนี้ไม่มีอะไรเลยนอกจากเตียงนอน โต๊ะเก้าอี้และหน้าต่างหนึ่งบาน มันเป็นห้องที่แคบและเล็กเป็นอย่างมาก
"เข้าไป" คุณย่าไม่พูดเปล่าใช้มือผลักฉันเข้าไปในห้องนั้น บนโต๊ะไม้มีตำราเล่มหนึ่งวางอยู่ ตำราเล่มนั้นทั้งเก่าและโทรมเป็นอย่างยิ่ง ฉันมองมันผ่านๆไปโดยไม่ได้ใส่ใจมันนัก
"จะกักบริเวณหนูหรือคะ?" ฉันถามด้วยสีหน้าที่เรียบนิ่ง คุณย่าไม่ตอบและรีบปิดประตูลงกลอนในทันที
อา...ตั้งแต่เด็กเวลาฉันทำผิดหรือทำให้คุณย่าโกรธ จุดจบสุดท้ายของฉันก็ถูกกักบริเวณ ณ ห้องแห่งนี้
ฉันก้มตัวลงนั่งเก้าอี้ไม้ที่วางเอาไว้อยู่ไม่ไกลตัว แต่ทว่าขาเก้าอี้มันกลับไม่เท่ากันเสียอย่างนั้น ทำให้ฉันที่นั่งลงไปเอนเอียงเล็กน้อย ทั้งตกใจทั้งหงุดหงิด
ดวงตาสีมรกตกวาดตามองสิ่งของรอบกายเพื่อนำมันมาทำให้ขาเก้าอี้ของฉันมันเท่ากัน ในที่สุดฉันก็ต้องตาต้องใจกับตำราเก่าๆเล่มนั้น ฉันไม่รอช้าคว้ามันมาวางรองขาเก้าอี้ที่ขาดแหว่งไปทันที
ไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่ที่ตำราเล่มนั้นดันรองขาเก้าอี้ได้เท่ากันอย่างพอดิบพอดี
ตัวเก้าอี้ไม่โยกเยกหรือเคลื่อนไหวอีกต่อไปแล้ว ฉันก้มลงนั่งเก้าอี้ไม้ตัวนั้นและเหม่อมองออกไปทางหน้าต่างบานเล็ก
"หากเป็นไปได้ ฉันก็อยากมีชีวิตที่มีสีสัน มีอิสระ..."
เปลือกตาเริ่มหนักอึ้ง สายลมเย็นพัดเอื่อยๆเข้ามาปะทะกับร่างกาย "ฉัน...ไม่ชอบที่นี่..."
ในที่สุดเด็กสาวตัวน้อยก็ได้ผล็อยหลับไปโดยที่ไม่รู้สึกตัว ทันใดนั้นก็ได้ปรากฏแสงสว่างที่พิลึกตาสว่างวาบออกมาจากตำราเล่มหนา
แสงนั้นค่อยๆกลืนกินร่างของเด็กสาวเข้าไปจนกระทั่งแสงสว่างที่ส่องประกายครั้งสุดท้ายได้มอดดับลง ร่างของเธอก็พลันหายไปด้วยเช่นกัน