ความเจริญกระจุกอยู่แค่เมืองใหญ่หรือแหล่งท่องเที่ยว รัฐผลักดันให้ประชาชนควักเงินเก็บออกมาใช้ เพื่อให้เศรษฐกิจได้ไปต่อ แต่ความจริงแล้ว ประชาชนไส้แห้งมาหลายปี เศรษฐกิจผันผวนขึ้นลง แถมผู้นำก็ไม่มีความสามารถ สิ่งที่ควรเดินหน้า เลยถอยหลังไปเรื่อยๆ
ทั้งที่ประชากรในประเทศเกินครึ่งเป็นเกษตรกร สิ่งที่ขาดแคลนเมื่อปีก่อน ปีนี้ก็ยังเหมือนเดิม ไม่มีการเตรียมการล่วงหน้า ทั้งที่หลายกระทรวงควรตื่นตัว กลับกลายเป็นว่าปัญหาเดิมๆ วนเวียนไปมาซ้ำซาก ไม่ได้ถูกแก้ไขจริงจังสักที
เพราะอะไรเหรอ...เพราะผลประโยชน์ในหน่วยงานนั่นไงขัดขวาง หยิกเล็บเจ็บเนื้อ แตะตรงนั้นก็คนของนาย แตะตรงนี้ก็คนของท่าน คนที่ตกที่นั่งลำบากคือประชาชนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่
โครงการหลายอย่างถูกตั้งขึ้นมาเพื่อเรียกรับผลประโยชน์ คนในประเทศแบ่งเป็นกลุ่ม ความเห็นขัดแย้งกัน และโจมตีกันเอง โดยมีคนกลุ่มเล็กๆ โยงใย และนั่งดูละครโรงใหญ่ด้วยความขบขัน ในยุคที่ทุกตารางนิ้วขับเคลื่อนด้วยเงิน คนระดับล่างเลยซวย
พอกล่อมหลานหลับ มาริสาเลยรีบทำความสะอาดห้อง เธอขนเสื้อผ้าที่ไม่ได้ใช้ของมะลิใส่ถุง ตั้งใจจะเอาไปยัดใส่ตู้ที่เขาตั้งไว้สำหรับบริจาค ให้คนเร่รร่อนไร้ที่อยู่ มาริสาแอบเบ้ปาก ชุดเดรสราคาแพงพวกนี้มีที่มาที่ไปยังไงนะ หากย้อนเวลากลับไปได้ มาริสาจะเค้นคอพี่สาวและถามหาความจริงให้กระจ่าง
แต่เมื่อทำเช่นนั้นไม่ได้ ธอเลยจำใจเก็บความสงสัยไว้ในอก เธอพยายามควานหา ‘เมอร์รี่’ ผ่านมาสามเดือนก็ยังไม่เจอแม้แต่เงา
กระเป๋ากับรองเท้า มาริสาตั้งใจเอาไปขาย เก็บเป็นทุนสำหรับอนาคตของเกดจ์ เธอไม่แยะแสของใช้มีราคาเหล่านั้นเลย เธอไม่มีความจำเป็นต้องใช้ รอให้ว่างก่อนเถอะ เธอจะจัดการเทขายให้หมด
พอออกแรงจนเหนื่อย ท้องไส้ก็เริ่มปั่นป่วนเพราะหิว
อาหารง่ายๆ กินกันตายสำหรับคนอย่างเธอ มันเป็นเรื่องปกติ มาริสาชินกับการจำกัดจำเขี่ยเรื่องกินมานานหลายปี เธอกับพี่สาวโตมาได้ก็บุญล้นเหลือ ทุกสิ่งที่คนอื่นมี เธอกับพี่ขาดแคลน ต้องกระเสือกกระสน จนกลายเป็นความชินชา ความอดทนของเธอเลยมากเป็นพิเศษ ดังนั้นมาริสาเลยไม่เข้าใจ มะลิแบกอะไรไว้ จนถึงขั้นคิดสั้น
มันต้องสาหัสจนคนความอดทนสูงยังไม่อยากมีชีวิตอยู่
มาริสาถอนใจ สักวันเธอต้องรู้ให้ได้ อะไรที่กดดันมะลิ จนยอมตัดใจลาโลก ทั้งที่มีลูกน้อยหน้าตาน่ารักอยู่ทั้งคน
บทที่5.คนที่มาริสาพยายามควานหาตัว
“มาริ ฉันได้ยินว่าเธอตามหาเมอร์รี่อยู่เหรอไง เธอรู้จักกับผู้หญิงคนนั้นได้ยังไงหะ?” คริสติน่าถามระหว่างที่นั่งพักรอเริ่มงานอีกครั้งตอนบ่ายโมง
“คุณรู้จักเธอมั้ยคะคริสติน่า ฉันมีเรื่องสำคัญอยากถามผู้หญิงคนนั้น”
“เธอยังไม่ตอบฉันเลย เธอน่ะ ไปรู้จักกับเมอร์รี่ได้ยังไง?” คริสติน่าย้อนถาม แววตาเย็นเยียบ
“อ้อ...พอดีแคโรไลท์บอกฉันมาค่ะ เมอร์รี่รู้จักกับพี่สาวฉัน ฉันเลยอยากสอบถามบางอย่างจากเธอ”
คริสติน่ามองหน้าพนักงานสาวคนใหม่ จากการทดสอบการทำงานตลอดสามเดือน หญิงตรงหน้าขยันและมีน้ำใจ แววตาฉลาดทันคนนั่นทำให้คริสติน่าคลายความระแวง ผู้หญิงสาว หน้าตาดีขนาดนี้ หากไม่คิดอย่างอื่น ไม่มีทางลดตัวมาทำงานต่ำต้อยไร้เกียรติเช่นนี้หรอก
“แคโรไลท์คือใคร?” คริสติน่าถามต่อ
“แคโรไลท์คือผู้ดูแลอพาร์ทเม้นท์ที่ฉันอาศัยอยู่ค่ะ” มาริสาตอบแบบไม่ติดใจ
“อ้อ เธอพักอยู่ที่นั่นเอง ความจริงเธอไม่น่าเดือดร้อนเรื่องเงินเลยนะ ทำไมถึงมาทำงานที่นี่ละ เธอน่าจะมีตัวเลือกที่ดีกว่านี้ไม่ใช่เหรอ?”
มาริสายิ้มก่อนตอบ “ฉันเพิ่งมาค่ะ หากคุณอ่านใบสมัครงานของฉัน คุณก็น่าจะรู้ ฉันมีทางเลือกไม่มาก และฉันจำเป็นต้องมีงานทำ ไม่อย่างนั้นฉันคงอดตายที่นี่แน่ๆ”
“ฉันลืมไปน่ะ” คริสติน่าลดสายตาลง ถอนใจแรงๆ
“คุณบอกฉันได้มั้ยคะ เมอร์รี่คนนั้นอยู่ที่ไหน”
แววตาของคริสติน่าเปลี่ยนไป มีความหวาดระแวงปนอยู่ด้วย “เมอร์รี่คนนั้น อาจจะไม่ใช่คนที่เธอตามหาก็ได้นะ เธอทำงานอยู่บนชั้นสิบสาม เป็นเลขาฯ ของโนแอล” มาริสาขมวดคิ้ว โนแอลเป็นใครอีกล่ะ เธอยังไม่ทันได้ถามต่อ คริสติน่าก็พูดโพล่งออกมา
“ฉันขอเตือนนะ อย่าพยายามเข้าใกล้โนแอล หากเธออยากทำงานที่นี่นานๆ”
“ทำไมคะ?” มาริสาถาม แววตามีแต่คำถาม สีหน้าใสซื่อนั่น คริสติน่าเลยคิดจะตอบเอาบุญ อย่างน้อยหญิงตรงหน้าจะได้ระวังตัว
“เพราะโนแอลมีภรรยาแล้ว เดเนียลร่าหวงสามียิ่งกว่าแม่งูจงอาง หากเธอเฉียดเข้าใกล้โนแอลในระยะอันตราย จนถูกเดเนียลราจับได้ เธอถูกเฉดออกจากที่นี่แน่ และไม่มีทางย้อนกลับเข้ามาได้อีก” คนตอบไม่ใช่คริสติน่า แต่เป็นคีฟ สีหน้าบึ้งๆ นั่นทำให้มาริสาไม่กล้าถามต่อ เธอผ่อนลมหายใจ รอบตัวเธอเต็มไปด้วยเรื่องราวที่มีปัญหา เธอไม่คิดสนใจผู้ชายที่ชื่อโนแอลเลย เธอแค่อยากถามเมอร์รี่เรื่องมะลิ
ผู้หญิงคนนั้นอาจจะรู้เรื่องลับๆ ที่มะลิปกปิดเธอไว้
“คริสติน่า ผมขอเตือนคุณครั้งสุดท้าย อย่าปากพล่อยอีก” เสียงคีฟ กระซิบดุคริสติน่า สีหน้าของเธอเผือดซีดลง
“ฉันเข้าใจแล้วค่ะ ฉันจะไม่พูดอะไรอีก”
“ดีแล้ว เตรียมตัวไปทำงานเถอะ หากอยากทำงานที่นี่ อย่าพยายามทำอย่างอื่น นอกเหนือหน้าที่ตัวเอง” นั่นคือคำเตือนจากคีฟ มาริสาเข้าใจ เธอแค่แปลกใจ นอกเหนือจากงาน ใครจะบ้าทำงานอื่น งานที่รับผิดชอบทุกวันนี้ก็สูบแรงเธอไปเกือบหมด
มาริสาพยายามถามคริสติน่าหลังจากคีฟเดินจากไปแล้ว
แต่คริสติน่าไม่ตอบ เดินหนีดื้อๆ ส่วนคนอื่นก็มีอาการไม่ต่างกัน เธอเลิกพยายามควานหาเมอร์รี่จากคนรอบตัว อย่างน้อยเธอก็มีข้อมูลของหญิงผู้นั้นนิดหน่อย หล่อนทำงานเป็นเลขานุการของโนแอล และทำงานอยู่ที่ชั้นสิบสาม
เธอคงต้องหาโอกาสแวะเวียนไปที่นั่น ถ้าใช่คนที่เธอควานหาตัวอยู่ เธอจะได้คลี่คลายปมแรกได้
การทำความสะอาดไม่ได้ยากสำหรับคนที่เคยช่วยตัวเองมาตั้งแต่จำความได้ พอบ่ายโมงตรง มาริสาก็เข็นรถบรรทุกอุปกรณ์เกี่ยวกับทำความสะอาดห้องพักไปทำหน้าที่ตัวเองต่อ คงเพราะฝีมือดีละเอียดรอบคอบ พอล่วงเข้าเดือนที่สาม คริสติน่าก็มอบหมายให้เธอดูแลห้องพาร์ทสวีทชั้นที่สิบห้าทั้งหมด
ความลับไม่มีในโลกเธอท่องไว้ในใจ เพื่อย้ำเตือนตัวเอง ต่อให้ตั้งใจปิดไว้ วันหนึ่งความลับก็ย่อมเปิดเผยออกมา เธอแค่รอเวลา และจังหวะเท่านั้นเอง
“ฉันถามหล่อนจริงๆ นะมาริ ควานหาตัวเมอร์รี่ไปทำไม?” คริสติน่าแอบกระซิบถาม ตอนที่เจอกับเธอในห้องซักผ้า ซึ่งปลอดคน
มาริสายิ้ม “เมอร์รี่เป็นคนเดียวที่ฉันมีข้อมูล เธอเป็นเพื่อนที่แวะไปหามะลิบ่อยๆ ค่ะ”
“มะลิ จัสมินใช่มั้ย?” คริสติน่าพึมพำ
“ใช่ค่ะ ภาษาบ้านคุณเรียกแบบนั้นคริสติน่า” คริสติน่ามองหน้าเธอ ริมฝีปากสีซีดเม้มแน่น
“เธอเป็นอะไรกับจัสมินล่ะ?”
“ฉันเป็นน้องสาวเธอ ฉันแค่อยากสอบถามเมอร์รี่บางเรื่อง ฉันแทบไม่รู้เรื่องอะไรของพี่สาวเลยค่ะ”
“แล้วทำไมเธอไม่ถามพี่สาวของเธอเองเลยล่ะ” คริสติน่าย้อนถาม
“มะลิไม่อยู่แล้วสิคะ” มาริสาตอบ สีหน้าลำบากใจตอนที่พูดถึง
“เธอก็ควรรอสิ มาถามหาเมอร์รี่ไปทั่ว มันจะวุ่นวายเอานะ” คริสติน่าเตือน
มาริสาถอนใจแรงๆ “ฉันอยากทำแบบนั้นค่ะคริสติน่า ฉันไม่ต้องการทำให้ใครเดือดร้อนเลย แต่ว่า...” มาริสาน้ำตาซึม หากเธอเฉลียวใจ คาดคั้นมะลิไว้ เรื่องคงไม่วุ่นวายแบบนี้ “พี่สาวฉัน เธอเสียแล้วค่ะ”
“หะ!! เธอว่าไงนะมาริ” คริสติน่ามีสีหน้าแตกตื่น
เธอยกมือขึ้นปาดคราบน้ำตา ตอบคริสติน่าเสียงสั่น “มะลิฆ่าตัวตายค่ะ ฉันมัวแต่เรียนภาษา ฉันไม่รู้เลยว่าพี่ตัวเองกำลังมีปัญหาและถึงทางตัน ฉันควรเฉลียวใจตั้งแต่มะลิบังคับให้ฉันมาหาที่นี่แล้วค่ะ” ยิ่งพูดน้ำตาก็ยิ่งไหล เธอควรใส่ใจมะลิมากกว่านี้ บางทีเธออาจยับยั้งการคิดสั้นของมะลิก็ได้