ตอนที่ 3

1175 Words
“มันจะเล็กหรือใหญ่ก็ไม่สำคัญ เพราะบ้านหลังนี้ถูกยึดแน่ ถ้าเรา ไม่มีเงินไปใช้หนี้ธนาคาร คุณคิดบ้างสิคุณภา ส่วนแก...ยัยเปรม แกอย่าทำตัวยึดติดสิ่งของนอกกายเหมือนแม่ของแกจะได้ไหม” ผู้เป็นพ่อโต้กลับอย่างอ่อนอกอ่อนใจ “คุณแม่! คุณพ่อว่าคุณแม่ชอบยึดติดกับของนอกกายค่ะ” ปิ่นสุดาหันไปฟ้องมารดาด้วยเสียงแหลมสูง “คุณกิต คุณอย่ามาว่าลูกฉันนะ อีกอย่างฉันก็ไม่ได้ยึดติดอะไรทั้งนั้นแหละ แต่ถึงยังไงฉันก็ไม่ยอมขาย ไม่ยอมให้ธนาคารมายึดบ้านหลังนี้ไปเด็ดขาด” คนเป็นภรรยาต่อว่าเสียงสูง พลางเชิดหน้าใส่ผู้เป็นสามี ขณะที่ปฐวีกำลังครุ่นคิดถึงหญิงสาวผู้มีฐานะร่ำรวยระดับมหาเศรษฐีคนหนึ่ง คนที่ตนบังเอิญไปรู้จักเมื่อครั้งไปเที่ยวเชียงใหม่ หญิงสาวลูกผสมไทย-ฮ่องกงคนนั้นก็ทำให้เขาพอใจตั้งแต่เห็นหน้าและเขาก็จัดการรวบหัวรวบหางเป็นเจ้าของเธอ จากนั้นก็คบหากันต่อราวสองเดือนเศษ ก่อนที่เขาจะหนีหายไปเพราะเริ่มเบื่อหน่ายและรู้ว่าฝ่ายนั้นเกิดท้องขึ้นมา แต่หากรู้ว่าครอบครัวจะเกิดปัญหาเช่นนี้ เขาคงไม่ทิ้งหล่อนมาแน่ๆ เพราะอย่างน้อยบริษัทผ้าไหมของเธอ ก็พอจะทำให้ครอบครัวของเขาพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้ ‘เขาควรกลับไปหาเธอ แล้วก็ปั้นเรื่องหลอกเธอสักนิด แค่นี้ก็อยู่หมัด’ ปฐวีคลี่ยิ้มเล็กน้อยกับแผนการที่คิดอยู่ในใจ เพราะผู้หญิงอย่าง ฮุ่ยจื่อ เป็นคนใจอ่อนมาก แถมยังออกจะซื่อจนโง่ด้วยซ้ำไป “คุณพ่อคุณแม่ครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ พอดีผมต้องรีบเดินทางไปเชียงใหม่” ปฐวีพูดขึ้นเมื่อภายในห้องโถงมีแต่ความเงียบและตึงเครียด “เกิดเรื่องขนาดนี้ แกยังมีกะจิตกะใจออกไปเที่ยวอีกหรือไงเจ้าปัด” บิดาเอ่ยอย่างตำหนิ “ผมไม่ได้ไปเที่ยวครับคุณพ่อ ผมจะไปหางานทำ พอดีผมมีเพื่อนอยู่ที่นั่น” ปฐวีเอ่ยบอก ก่อนหลบสายตาจับผิดของบิดา เพราะปิดบังเรื่องไปทำผู้หญิงท้องที่เชียงใหม่เอาไว้ “งานอะไรของแก ตาปัด” คนเป็นแม่ถามด้วยความสงสัย ใจก็อดจะหวั่นๆ ไม่ได้เพราะกลัวบุตรชายจะไปก่อเรื่องเข้าให้อีก เพราะแค่เรื่องหนี้สินก็กลุ้มใจเกินจะทนอยู่แล้ว “ก็คงทำงานตามที่เรียนมาครับ คุณแม่อย่าลืมสิครับว่าผมเรียนจบนะครับ ไม่ได้เหมือนยัยเปรมที่เข้าเรียนที่ไหนก็ไม่จบ ผมขอไปเตรียมตัวก่อนนะครับ” พูดจบก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้องโถงแต่ต้องหยุดชะงักปลายเท้าเอาไว้ พร้อมเสียงกรีดร้องอย่างขัดใจของปิ่นสุดาที่ถูกพี่ชายกระแนะกระแหนแต่เธอยังไม่ทันได้ต่อว่าพี่ชายแม้แต่คำเดียว บิดาก็ยกมือห้ามเสียก่อน “ยัยปิ่นจะกลับมาอยู่แล้ว ทำไมแกไม่อยู่รอน้องก่อนล่ะ เจ้าปัด” คุณกิตติพูดขึ้นเมื่อหยุดเสียงของบุตรสาวคนโตได้ โดยมีปิ่นสุดาเบ้ปากออกอย่างนึกชังแฝดน้องที่ได้ไปร่ำเรียนถึงเมืองนอก “ยัยปิ่นคงไม่อยากเจอผมนักหรอกครับ มีแค่คุณพ่อคุณแม่ แล้วก็ยัยเปรมไปรับที่สนามบิน ยัยปิ่นก็ยิ้มแก้มปริแล้วละครับ ส่วนผมขอตัวเพราะต้องรีบไปหางานทำ เผื่อจะได้ช่วยคุณพ่อได้บ้าง” ปฐวีพูดเสียงเรียบๆ หวนนึกถึงใบหน้าจิ้มลิ้มของน้องสาวฝาแฝดอีกคนที่มารดาสั่งให้เขาเกลียดเธอ “ใครบอกว่าเปรมจะไปรับนังปิ่น เพราะน้ำหน้าอย่างมัน แค่ให้คนสวน คนขับรถไปรับก็พอแล้ว คุณพ่อคุณแม่ไม่เห็นต้องไปยืนขาแข็งรอมันสักนิด ใช่ไหมคะคุณแม่ขา” ปิ่นสุดาโพล่งขึ้น พลางจ้องหน้าพี่ชายได้ แววตาขุ่นเคือง “ใช่แล้วจ้ะลูกเปรม เพราะคุณแม่ก็ไม่ไปเหมือนกัน ส่วนคุณก็ไม่ต้องไปรับยัยปิ่นหรอก อยู่บ้านพักผ่อนสบายๆ ดีเสียกว่าไปยืนรอรับยัยปิ่นตาปัด แกจะรีบไปจัดกระเป๋าไม่ใช่หรือไง รีบไปได้แล้ว” พูดจบคุณปภาดาก็ฉุดมือบุตรสาวให้ลุกขึ้นและเดินออกไปจากห้องรับแขกตามหลังลูกชายคนโต ทำให้ต้องยุติการถกเถียงเรื่องหนี้สินไปโดยปริยาย ภายในห้องรับแขกจึงเหลือเพียงคุณกิตติที่ยังคงนั่งกลัดกลุ้มใจอยู่ ก่อนที่ป้าช้อยและสาวใช้สองคนจะเข้ามาดูแลประมุขของบ้านเมื่อคุณ ปภาดาและปิ่นสุดาขับรถออกไปจากบ้าน ประมุขของบ้านหันไปยิ้มบางๆ ให้กับคนรับใช้และแม่ครัวคนเก่าแก่ที่เลี้ยงดูปิ่นมุกมาตั้งแต่เด็กเล็กน้อย ก่อนที่ท่านจะขอตัวขึ้นไปพักผ่อนด้วยสีหน้าทุกข์ระทม สามวันถัดมา ภายในสนามบินสุวรรณภูมิ อดีตนักธุรกิจหนุ่มใหญ่ และคนรับใช้ คนสวนและคนขับรถได้มายืนรอคุณหนูคนเล็กของตระกูลอิทธิเชษฐ์อย่างใจจดใจจ่อ ครู่ต่อมาจึงได้แลเห็นหญิงสาวรูปร่าง บอบบางเดินตรงมาและไม่กี่วินาทีต่อมาปิ่นมุกก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าบิดา หญิงสาวยกมือไหว้บิดาพร้อมรอยยิ้มสดใสที่คนเป็นพ่อเห็นคราใดก็มีความสุขเมื่อนั้น จากนั้นสาวน้อยรูปร่างบอบบางก็หันไปไหว้และทักทายคนอื่นๆ อย่างไม่ถือตัว ทำเอาบรรดาคนรับใช้ต่างปลาบปลื้ม ปิ่นมุกเหลือบสายตามองหามารดา พี่ชายและพี่สาวฝาแฝดก็หน้าเสียไปเมื่อมองไม่เห็นบุคคลทั้งสามก่อนที่ เจ้าตัวจะหันมายิ้มหวานให้บิดาแทน “ลูกปิ่น” คุณกิตติขานเรียกชื่อบุตรสาวที่ถูกลืมของครอบครัวด้วยเสียงสั่นเครือ เพราะท่านเข้าใจความรู้สึกของบุตรสาวคนเล็กดี ปิ่นมุกน้ำตาซึมและโผเข้าสู่อ้อมกอดของบิดา เธอกอดท่านด้วยความคิดถึง “คุณพ่อสบายดีนะคะ ปิ่นคิดถึงคุณพ่อมากที่สุดเลยค่ะ” เสียงหวานใสคล้ายน้ำทิพย์ชโลมรดใจคนเป็นพ่อให้ระบายยิ้มแบบที่คนรับใช้ไม่ได้พบเห็นมานานมากแล้วก็พลอยยิ้มดีใจไปด้วย “สบายดี...พ่อสบายดี แล้วลูกล่ะเป็นยังไงบ้าง แล้วไหนล่ะ มีหนุ่มผมทองตามด้วยหรือเปล่าลูก” คุณกิตติกล่าวสัพยอกบุตรสาวคนเล็กนิสัยแสนดีของตน พลางยกมือลูบศีรษะเล็กอย่างอ่อนโยน คิดไปว่าหากปิ่นสุดาอ่อนหวาน น่ารัก ได้สักนิดของปิ่นมุกก็คงดีและท่านคงมีความสุขมากที่สุด “แหมคุณพ่อก็ ปิ่นชอบหนุ่มไทยลูกผสมต่างหากล่ะคะ ไม่ได้ชอบฝรั่งเสียหน่อย อย่ามาแซวปิ่นน่า เดี๋ยวปิ่นงอนจริงๆ ด้วย” ปิ่นมุกยิ้มแก้มปริก่อนตอบบิดาด้วยเสียงกระเง้ากระงอด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD