ตอนที่ 2

1218 Words
“ฮึ! ขอให้มันจริงเถอะคุณกิต แล้วถ้าฉันรู้ว่าคุณหวนกลับไปหาผู้หญิงคนนั้นเมื่อไหร่ ฉันนี่แหละจะตามไปรังควานไม่ให้มันอยู่เป็นสุขแน่ รวมทั้งคุณด้วย อย่าหวังว่าฉันจะปล่อยให้คุณมีความสุข ในขณะที่ฉันเป็นทุกข์” คนเป็นภรรยาเหยียดปากพูด ทำให้ลูกทั้งสองคนที่ฟังอยู่ด้วยเกิดความสงสัย “คุณแม่พูดถึงใครครับ” ปฐวี บุตรชายคนโตวัยยี่สิบหกปีเอ่ยถามด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย ก่อนจะหันมองบิดาและมารดาสลับกันไปมา โดยมีปิ่นสุดาช่วยถามย้ำ “ไม่มีอะไรทั้งนั้น แม่ก็แค่พูดเผื่อเอาไว้แค่นั้น ปัดกับเปรมอย่าไปสนใจเลย ตอนนี้แม่ว่าเรามาช่วยกันคิดดีกว่า ว่าทำยังไงถึงจะหาเงินแปดสิบล้านมาใช้หนี้ที่พ่อแกไปก้อไว้ได้” คุณปภาดาบอกปัดพลางหันไปจ้องคู่ชีวิตที่นั่งหน้าเครียดมากกว่าเดิม “คุณพ่อเป็นคนก่อเรื่อง ก็ต้องคิดหาทางเองสิคะ เปรมไม่ช่วยหรอกค่ะ เปรมไม่ชอบคิด เพราะมันน่าเบื่อจะตายไปค่ะ” ปิ่นสุดากล่าวจบก็เบ้ปาก ทางด้านบิดาเงยหน้ามองด้วยความผิดหวังกับถ้อยคำของบุตรสาวคนโต ที่หากตนได้รับคำปลอบใจดีๆ สั้นๆ จากคนเป็นลูกบ้าง ตัวท่านคงมีกำลังใจต่อสู้ปัญหาได้มากกว่านี้ จากนั้นนักธุรกิจหนุ่มใหญ่ก็ถอนใจออกมาเบาๆ หลับตาอย่างคนคิดไม่ตก หากจะขายบ้านหลังนี้ก็คงไม่เพียงพอ แล้วไหนจะยังโรงแรมนั่นอีกที่ใกล้จะถูกฟ้องล้มละลายเพราะตนไปกู้เงินมาลงทุนและปรับปรุงเมื่อสี่ปีก่อน แต่งบก็มาบานปลายประกอบกับเศรษฐกิจไม่สู้ดีนัก อีกทั้งคู่แข่งก็มีมากมายปัญหาเลยรุมเร้า “คุณกิต คุณจะมานั่งเงียบแบบนี้ไม่ได้นะ จะเอายังไงก็บอกฉันมาสิ” คุณปภาดาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด พลางจ้องหน้าคู่ชีวิตด้วยความผิดหวัง พร้อมเสียงถอนใจหนักๆ ไปกับความนิ่งเฉยของคู่ชีวิต ก่อนหวนนึกถึงอดีตที่หากรู้ว่าต้องมาตกอยู่ในภาพเช่นนี้แล้วละก็ เธอไม่ผสมยาให้คุณกิตติดื่มในคืนสังสรรค์เมื่อยี่สิบหกปีก่อนเป็นแน่ “คุณกิต! พูดมาสิว่าคุณจะเอายังไงกันแน่ กับปัญหาที่คุณไปก่อไว้” ฝ่ายผู้เป็นภรรยาอดทนไม่ไหวกับการนิ่งเฉยจึงเอ่ยถามคู่ชีวิตเสียงดังลั่น “คุณอยากรู้หรือเปล่าว่าผมมีทางใช้หนี้ได้ทางไหนบ้าง” ประมุขของบ้านกล่าวออกมาอย่างช้าๆ แต่ตัวท่านไม่คิดทำเช่นนั้นแน่ เพราะทางเจ้าหนี้ต้องการให้ส่งบุตรสาวไปใช้หนี้ในตำแหน่งเมียเก็บ ซึ่งหากทำเช่นนั้นก็เหมือนส่งลูกไปลงนรกชัดๆ และไม่ว่าลูกคนไหน ท่านไม่คิดจะส่งไปชำระหนี้ ในวันนั้นตัวท่านยอมรับว่าตกใจจนแทบช็อกเมื่อตัวแทนของเจ้าหนี้ได้ยื่นภาพถ่ายของปิ่นสุดามาให้ดูพร้อมบอกความจำนง “ก็พูดมาสิ ว่าต้องทำยังไง ก่อนที่คนละแวกนี้จะรู้ว่าเราจะหมดตัว แต่คุณอย่าบอกเชียวนะว่าจะขายบ้านหลังนี้ ฉันไม่ยอมแน่ๆ” คนเป็นภรรยาพูดดักคอ ส่วนบุตรชายและบุตรสาวก็ตาลุกด้วยความดีใจเมื่อบิดามีหนทางแก้ปัญหาครั้งเสียที “เจ้าหนี้ต้องการให้ผมส่งยัยเปรมไปเป็นเมียเก็บ” คุณกิตติเอ่ยตอบภรรยาอย่างช้าๆ ชัดๆ แล้วมองหน้าบุตรสาวและถึงอย่างไรท่านก็ไม่มีวันส่งลูกสาวไปเป็นเมียเก็บใคร ไม่ว่าจะเป็นปิ่นสุดาหรือปิ่นมุก “เรื่องอะไรคุณพ่อจะมายกเปรมไปใช้หนี้แทน ในเมื่อคุณพ่อเป็นคนก่อเรื่องเอาไว้เอง ฉะนั้นคุณพ่อนั่นแหละที่ต้องไปใช้หนี้แทน เปรมไม่เกี่ยว เปรมไม่ไปไหนเด็ดขาด คุณพ่อห้ามมาบังคับเปรม” ปิ่นสุดาค้านเสียงแหลมสูงแล้วลุกขึ้นยืนอีกครั้ง จากนั้นก็กระทืบเท้าดิ้นเร่าๆ อย่างขัดใจ คุณปภาดาเห็นเข้าก็รีบเข้าปลอบบุตรสาวคนโตให้ใจเย็นเสียก่อน ก่อนที่ตัวท่านจะเผยยิ้มมุมปากกับสิ่งที่คาดการณ์อยู่ในใจนั่นคือ เจ้าหนี้ที่ว่านั่นเป็นใครและรวยหรือไม่ แล้วถ้ารวยถึงขึ้นมหาเศรษฐี ตนยินดีส่งปิ่นสุดาไปให้ เพื่อให้บุตรสาวคนโตจะได้สุขสบายไปตลอดชาติ เป็นเมียเก็บคนรวย ใช่ว่าจะไม่ดีเสียเมื่อไหร่กัน หากรู้จักออดอ้อน ฉอเลาะ ประจบประแจงเข้าหน่อย ขี้คร้านพวกผู้ชายจะหลงจนโงหัวไม่ขึ้น “พ่อก็ไม่คิดจะส่งลูกคนไหนไปให้ใครทั้งนั้น แกวางใจเถอะ ยัยเปรม” คนเป็นพ่อบอกสีหน้ายิ้มนิดๆ เมื่อได้เห็นสีหน้าของบุตรสาวระบายยิ้มด้วยความโล่งใจ ผิดจากคนเป็นแม่นักที่กำลังครุ่นคิดไม่ตก “แล้วคุณจะทำยังไง จะหาเงินจากที่ไหนไปใช้หนี้ ส่วนไอ้โรงแรมนั่นก็จะถูกฟ้องอยู่อีกไม่กี่วัน” คุณปภาดาถามเสียงอ่อนลง พลางหันไปสำรวจบุตรสาวของตนที่มีรูปร่างหน้าตาไม่ได้น้อยหน้าใคร คนเป็นแม่ก็ลอบยิ้มอยู่ในใจ คาดเดาว่าเจ้าหนี้ของสามีคงจะรวยระดับเจ้าพ่อแน่ “เราต้องขายบ้านหลังนี้ แล้วเอาเงินไปใช้หนี้บ้างส่วน ผมว่ามันคงได้สักสิบล้านขึ้น” ประมุขของบ้านพูดขึ้นเสียงเครียด รอยยิ้มซีดเซียวเมื่อครู่หายไปหมดสิ้น “ไม่ได้! ยังไงฉันก็ให้คุณขายบ้านหลังนี้ไม่ได้ คุณคิดบ้างสิ ถ้าเรา ขายบ้านไปแล้ว เราจะอยู่ที่ไหนกัน” คนเป็นภรรยาค้านเสียงแข็ง “เราก็ไปหาซื้อบ้านหลังเล็กๆ ราคาไม่กี่ล้านอยู่ก็ได้ คุณเลิกยึดติดกับหน้าตาทางสังคมบ้างเถอะคุณภา” เอ่ยอย่างตำหนิปนอ่อนอกอ่อนใจ เพราะฝ่ายภรรยาที่อยู่ร่วมกันมาหลายปียึดถือแต่หน้าตาและออกงานสังคมเป็นว่าเล่น แม้กระทั่งเงินทองกำลังขัดสน ผู้เป็นภรรยาก็ไม่เคยคิดจะหยุด “ฉันไม่ไปอยู่หรอก บ้านหลังเล็กเท่ารูหนู แถมราคาก็แค่ล้านสองล้าน” คุณปภาดายังค้านเสียงแข็งเช่นเดิม “เปรมก็ไม่ไปเหมือนกันค่ะคุณแม่ เปรมว่าบ้านที่คุณพ่อบอก ห้องน้ำ ห้องนอนคงเล็กน่าดู เปรมอยู่ไม่ได้หรอกค่ะคุณพ่อคะ คุณพ่อห้ามขายบ้านหลังนี้เด็ดขาด ไม่งั้นเปรมจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนถ้าเพื่อนๆ ของเปรมแวะมาที่บ้าน อีกอย่างถ้าต้องไปอยู่บ้านหลังเล็กเท่ารูหนูอย่างที่คุณแม่บอกจริงๆ เปรมอยู่ไม่ได้แน่ เพราะเปรมอายเพื่อน” บุตรสาวคนโตค้าน ผสมโรงกับมารดา ทำเอาประมุขของบ้านถอนใจหนักๆ แล้วส่ายศีรษะให้กับสองแม่ลูก “ใช้แล้วละลูกเปรม คุณกิต...คุณห้ามขายบ้านหลังนี้นะ เห็นใจลูกบ้างเถอะ ถ้ามีบ้านหลังเล็กๆ ลูกคงได้อายเพื่อนๆ แน่ ส่วนฉันก็ทำใจไปอยู่บ้านหลังเล็กๆ ไม่ได้หรอก”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD