ตอนที่ 3 ชื่อตอน เขียนอักษร

1456 Words
ฉูปินไห่ขบขันตนเองน้อยๆ ที่ต้องมาจ้องมองใบหน้าของสาวน้อยตัวอ้วนกลมที่เป็นใบ้และยิ้มแย้มได้แต่เพึยงสิ่งเดียว แม้แต่บิดามารดาของนางยังถอนหายใจขึ้นมาหลายครา คนหาปลาแซ่ผิงนั้นเข้าไปสนทนากับท่านผู้เฒ่าฉูเล็กน้อยและตัดสินใจยกบุตรสาวให้สกุลฉูเลี้ยงดูไปเสียเลยโดยมิคิดมูลค่าใดเพิ่มเติมอีก ในการสนทนานั้นเอ่ยเล่าเรื่องราวของยามที่เสี่ยวหงฮวากำเนิดขึ้นมาบนเรือน้อย และสองสามีภรรยาก็บอกเล่าว่าในยามนั้นมีชายคนหนึ่งหน้าตาคล้ายชนชั้นสูง สวมใส่กวานหยกแสนเลอค่า เชื้อเชิญให้สองสามีภรรยานั้นขึ้นไปทำคลอดทารกที่บนเรือ ในยามแรกทารกร้องไห้จ้า แต่ทว่าหลังจากนั้นมา เด็กสาวก็เป็นใบ้ สองสามีภรรยานั้นยังไปได้ยินเรื่องราวของเรืออาถรรพ์ที่เล่าสืบทอดกันมาของสกุลฉู และกอดกันตัวสั่นไหว น้ำตาไหลขึ้นมา “นายท่านหากท่านคือสายเลือดของฉูหวาง นายท่านได้โปรดถอนคำสาปให้แก่บุตรสาวของข้าด้วยเถิดขอรับ” ผู้เฒ่าฉูตื่นตกใจขึ้นมาและพยักหน้าขึ้นมาเบาๆ ก่อนจะเอ่ยตอบออกไปอีกครั้ง “บางคราสวรรค์นั้นก็เล่นตลกกับชีวิตคนเรานัก แต่หากว่าข้านั้นทำสิ่งใดๆ ได้ ย่อมต้องช่วยเหลือชีวิตคน เช่นนั้นหากฟ้าลิขิตแล้ว พวกท่านมิสู้ให้ข้าเลี้ยงดูนางในสกุลฉูต่อไปเสียดีกว่า “ ” ฮึ่ก รบกวนนายท่านแล้ว ข้าขอฝากเสี่ยวหงฮวาไว้กับท่าน “ นายท่านผู้เฒ่าพยักหน้าเบาๆ และออกไปมองดูสองสามีภรรยาร่ำลาบุตรสาว และบอกกล่าวว่าพ่อกับแม่นั้นจะออกไปหาปลาไกลออกไป ให้นางอยู่ที่นี่ก่อน และต่อไปจะมาเยี่ยมนางในมิช้า เด็กสาวกำลังตื่นตกใจ คุณชายใหญ่พลันยกขนมให้นางไปทั้งจานนั้น และทำท่าทางเรียกนางชิมแบบคนใบ้ที่น่ารักมากเสียเหลือเกิน เสี่ยวหงฮวาจึงอ้าปากก้มลงไปกัดขนมและทำดวงตาดีใจขึ้นมา นางทำท่าทางบอกลาท่านพ่อท่านแม่ของนางออกไปในทันที ทุกคนจึงขบขันนางขึ้นมา เมื่อผู้คนจากไปแล้วฉูปินไห่จับมือนางมากุมแก้มตนและอมยิ้มออกไป มิรู้ทำไมจึงรู้สึกมีความสุขนัก เสมือนว่าสิ่งที่ตนเองรอคอยนั้นมีค่ากว่าสิ่งใดๆ ที่ผ่านมา ฉูปินไห่ให้อาหยวนไปนำพิณมาตั้งตรงหน้าและเริ่มต้นดีดพิณให้นางฟัง เด็กสาวมีหมอนหนุนนอนที่ข้างกายของฉูปินไห่ ยามที่นางฟังเพลงพิณจนเพลิดเพลินนางก็หลับไปบนตักของฉูปินไห่ไปเสียแล้ว ฉูปินไห่จ้องมองนางอย่างดีใจแล้วมองขึ้นไปบนเมฆขาว “ขอบคุณสวรรค์ ถึงแม้ว่ามิใช่นางผู้นั้นจริงๆ แล้ว แต่ทว่าข้านั้นก็ดีใจเหลือเกินที่มีสาวน้อยผู้นี้นั้นมาอยู่ที่นี่ในตอนนี้” ฉูปินไห่เอนกายพิงหมอนลงไปอีกคน หลับลงไปท่ามกลางแสงแดดอ่อนๆ นั้น ตื่นขึ้นมาอีกครา อาหยวนก็มานำทางคุณหนูน้อยไปในห้องเล็กๆ ที่อยู่ในข้างๆ ห้องของคุณชายแล้ว “ไปหาสาวใช้มาให้นางเสียซักสองนาง ช่วยสั่งสอนนางเรื่องสตรีและหาคนมาสอนนางเขียนอักษรด้วย ผู้ใดสามารถสอนภาษามือได้ก็นำมา ข้าอยากคุยกับนางได้เพียงสองคน” ” ขอรับคุณชาย “ อาหยวนเร่งออกไปและมินานก็นำสาวใช้หน้าตาคุ้นเคยมาสองคน นามว่านั่วนั่วและหนีหนี่ ซึ่งเป็นบุตรสาวคนขับรถม้าในจวนฉู สองคนนี้เล่นด้วยกันมาแต่เยาว์วัย ยามแรกสดใสแต่นานไปก็มีระเบียบมาก ต่อหน้าคุณชายมิรุ่มร่ามแต่รับใช้อย่างรู้ตนดี เช่นนี้ในรือนของคุณชายใหญ่จึงมีคนอยู่ภายในถึงห้าคน ท่านผู้เฒ่าจึงคัดเลือกผู้อารักขามาเสียใหม่อีกห้าคน กลายเป็นในเรือนนี้จึงมีคนอยู่ถึงสิบคน เกิดเสียงสนทนาขึ้นมาในเรือนบ่อยครั้งนัก เสี่ยวหงฮวาที่ได้ยินคนสนทนาด้วยก็พยายามออกเสียงตามคนทั้งหลายอย่างตั้งใจ แต่คุณชายนั้นเองกลับยิ้มให้นางและเรียกนางชัดเจนขึ้นมากันสองคน ” เสี่ยวหงฮวา “ เด็กสาวดีใจมากนางโผกอดพี่ชายแสนดีที่ตรงหน้าและพยายามลอกเลียนไปทุกอย่าง นางที่เคยถูกรังแกจากเด็กๆ ในหมู่บ้าน ยามนี้ก็มิมีคนมารังแกแล้ว นางมองหน้าพี่ชายรูปงามแล้วมิกล้ากินขนมลงไปมาก จนฉูปินไห่สงสัยขึ้นมาเขียนข้อความให้นั่วนั่วถามนางออกไป ” คุณหนูขนมมิอร่อยหรือเจ้าคะ “ เสี่ยวหงฮวาใบหน้าแดงขึ้นมาและส่ายหน้าไปมาก่อนที่จะหน้าแดงมากขึ้นไปอีก และทำท่าทางท้องโตตัวใหญ่ขึ้นมา คุณชายฉูหัวเราะคิกและเขียนข้อความเอ่ยบอกนั่วนั่วออกไป ” คุณหนูท่านมิต้องกลัวจะมิงดงามนะเจ้าคะ เด็กสาวในวัยเยาว์จะอ้วนกลมแล้วค่อยยืดตัวสูงขึ้นมาถ้าท่านเรียนร่ายระบำ ท่านต้องกินให้มากจะได้เติบโตได้ มิเช่นนั้นท่านเองจะสั้นกลมมิงดงามนะเจ้าคะ “ เด็กสาวทำตาโตน่ารักน่าชังยิ่ง ฉูปินไห่หัวเราะนางขึ้นมาและลูบหัวนางลงไปเบาๆ ยามนางกินอิ่มแล้วก็สอนนางคัดอักษร สอนนางจับแท่งหินขาว เขียนชื่อของนางขึ้นมาก่อน การสอนโดยไร้เสียง ผู้เรียนก็กอดรัดหอมแก้มกันอยู่สองคน นั่วนั่วเขินอายนัก ” อร่า คุณชายคุณหนูยังเล็กนัก ท่านอย่าฉวยโอกาสกับนางนะเจ้าคะ “ คุณชายฉูหัวเราะคิกๆ และหอมนางแรงๆ ให้นั่วนั่วชมอีกครั้ง นั่วนั่วถึงกับส่ายหัวไปมาแรงๆในทันที ” เฮ้อ ข้านั้นหมดคำที่จะกล่าวกับท่านแล้วเจ้าค่ะคุณชาย “ นั่วนั่วค้อนเบาๆ และขยับไปทำความสะอาดเรือนอยู่มิไกล สองคนจึงเรียนคัดอักษรโดยมีนั่วนั่วมาคอยยืนอ่านออกเสียงไปให้ทั้งสองคนฟัง เสี่ยวหงฮวาพยายามที่จะอ่านออกเสียงออกไปแต่เสียงนั้นก็ออกลอดลำคอของนางมาอย่างแสนยากเย็น แต่ทว่านางก็ยังคงพยายามที่จะกระทำมัน ฉูปินไห่หัวเราะนางและกดคางลงบนเรือนผมของนางกลั่นแกล้งนาง สองคนเล่นกันไปและเรียนคัดอักษรไปจนจบวัน คุณชายก็สอนอยู่นานก่อนที่จะขยับมานั่งบนโต๊ะฝังเปลือกมุขอีกตัวหนึ่งแล้วเริ่มต้นตรวจบัญชีขึ้นมาอย่างวุ่นวายยิ่ง คุณชายนวดหว่างคิ้วไปหลายครา เขียนด่าคนในม้วนสาส์นไม้ไผ่ไปยาวยืด ยามที่นำไปให้นายท่านฉูและท่านผู้เฒ่าชมทั้งสองคนหัวเราะดังขึ้นมา ว่าแม้ว่าไร้เสียงแต่การเขียนด่าคนนั้นช่างเจ็บแสบยิ่ง อีกทั้งแต่ล่ะอักษรยังงดงามมาก จนนายท่านผู้เฒ่านั้นขอให้คุณชายนั้นเขียนป้ายจวนขึ้นมาใหม่ไปเสียเลย เช่นนั้นวันต่อมา หินชาดสีแดงและทองคำแผ่นจึงถูกนำมาละลายน้ำตากเป็นผงฝุ่นสีสำหรับใช้เขียนแผ่นป้ายไม้สีแดงแสนงดงามลงไป เสี่ยวหงฮวาสนใจมาช่วยงานมิห่าง อาหยวนจึงเอ่ยสอนนางตามทุกขั้นตอนแทนคุณชายฉูไปอีกครั้ง “การบดทองคำแผ่นและทุบก้อนดินลงไป มินานเรานำไปกรองในน้ำจนเหลือเพียงก้อนดินฝุ่นที่สะอาดมากขึ้น สีสวยมากขึ้น เสร็จแล้วนำมาตากให้แห้งแล้วนำมาละลายน้ำอีกครา เพื่อที่จะนำมาเขียนอักษรอีกครั้ง ต่อไปคุณหนูผิงจงจำไว้ว่านี่คืออักษรสกุลฉู อ่านว่าสกุลฉู” “อรื้อ อรื้อ” เด็กสาวพยายามเอ่ยออกเสียงขึ้นมา พยักหน้าตามไปอย่างมั่นใจ นางมองคนเขียนแผ่นไม้ แล้วทดลองเขียนอักษรออกมามิต่างกัน รอยยิ้มของคุณชายฉูจึงปรากฎขึ้นมาช้าๆ จนแผ่ขยายไปจนทั่วใบหน้าของคุณชายฉู สองคนอยู่ติดกันมิห่าง ไปจนถึงยามอาบน้ำจึงต่างแยกไปคนล่ะทาง คุณชายฉูให้อาหยวนช่วยอาบน้ำและแต่งกายมิดชิดขึ้นมาในที่สุด ในยามราตรีก็มิออกไปแล่นเรือแดงในท้องน้ำ ช่างแปลกประหลาดยิ่ง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD