คุณชายใหญ่ได้พิณมาหนึ่งตัวจากในห้องอักษร ยามได้พบพิณก็ทดลองกรีดปลายนิ้วลงไป ทำท่าทางเหมือนมิชินโลกออกไป แล้วมันก็ได้ผล บุรุษทั้งเรือนต่างมาสนใจสั่งสอนให้คุณชายใหญ่เริ่มดีดพิณ ยามแรกนั้นทำนองแสนน่าปวดประสาทยิ่ง แต่ทว่ามินานก็ได้ท่วงทำนองสายน้ำไหล บิดาของฉูปินไห่ดวงตาโตขึ้นมาแล้วกอดรัดบุตรชายตนด้วยน้ำตา ฉูปินไห่ชะงักขึ้นมาไปด้วยในยามเยาว์ทั้งสองชาติภพนั้น บิดาคือผู้ครองแผ่นดินฉู การจะได้มีความรักมากมายเช่นนี้ย่อมมิอาจจะมีได้ น้ำตาของฉูปินไห่จึงคลอเบ้าตาขึ้นมาและกอดท่านพ่อของตนเองในชีวิตนี้อย่างดีใจ
“โอ้ ปินเอ๋อร์ ปินเอ๋อร์ ลูกเข้าใจพ่อ สวรรค์ สวรรค์ประทานพร “
ฉูปินไห่ถูกกอดรัดจนร้อนเหนียวตัวไปหมด สุดท้ายจึงดันคนออกไปแล้วมองไปที่ลูกม้า แล้วกระโดดขึ้นไปบนบ้า ทุกคนตาโตอีกครั้งและมองคุณชายใหญ่นั้นควบม้าและหัวเราออกมาอย่างสดใสอีกครั้ง
” โอ้ ปินเอ๋อร์ขี่ม้าได้ ต่อไปสอนปินเอ๋อร์ขี่ม้ากับยิงธนูเสีย “
” ขอรับนายท่าน “
คุณชายฉูนั้นเป็นใบ้อีกทั้งยังเคยมิรู้ตนจนถึงขั้นขยับมิได้น้ำลายยืด บุตรชายเรือนอื่นจึงคอยล้อเลียนอยู่ตลอดเวลา โชคดีที่ใบหน้าของฉูปินไห่นั้นยิ้มสวย เช่นนั้นจึงทำให้วิญญาณของฉูหวางในร่างของฉูปินไห่นั้นยิ้มอาฆาตออกมาได้อย่างงดงาม
” เอากระสอบไปคลุมหัวมันแล้วทุบตีมันอย่างสงบ “
คุณชายฉู่ขีดข้อความบนกระดานดำเล็กๆ ขึ้นมาด้วยแท่งหินสีขาวขึ้นมา อาหยวนพยักหน้าเบาๆ แล้วออกไปใช้กระสอบทุบตีคนลงไปในทันที ด้วยคุณชายของตนนั้นคือคนที่วิเศษจะรังแกกันง่ายๆ ได้อย่างไรกัน อาหยวนทุบตีคุณชายสกุลจิ่นลงไปอย่างมิหนักมือนักแล้วก็กระโดดหายไปอย่างไร้ร่องรอย
” โอ๊ย ไอ้ลูกหมาตัวไหนกล้าลอบกัดข้า “
ฉูปินไห่แอบหัวเราะแบบเด็กๆ ขึ้นมาจริงๆ ในรอบหลายร้อยปี ด้วยการติดอยู่บนเรือนั้นตื่นขึ้นมาก็ร่ำสุราทิพย์แล้วร่ำไห้คร่ำครวญหาอิสตรีไปอยู่ทุกราตรีกาล จนถึงยามบางครานั้นมีสตรีหลงผ่านไป ทุกๆ คราก็จะสะกดพวกนางไปเสพสมกามาอย่างเร่าร้อนไปตลอดทั้งราตรีนั้น และทุกคราหลังจากได้เสพสมสตรีก็จะคล้ายมีพลัง เรือจะแล่นออกไปตามใจได้ไกลมากขึ้น มากขึ้นไปอีก คิดมาถึงตอนนี้ฉูหวางก็นึกถึงทารกน้อยที่เรือปีศาจนั้นเพรียกหา ตอนนี้ผ่านมาได้สิบปีแล้ว หากว่าเจ้าทารกนั้นจะกลืนกินได้ก็ย่อมต้องให้ผ่านไปจนถึงราวๆ อีกซักห้าปี ฉูหวางแลบลิ้นไล้เลียริมฝีปากบางๆ ในอกนั้นมีสตรีกอดรัดอยู่รอบกายคอยลูบไล้เอาอกเอาใจยิ่ง
“คุณชายฉู คุณชาย”
ฉูปินไห่ยิ้มให้พวกนาง และพาพวกนางไปเดินเล่นแถวริมแม่น้ำ ที่เจ้าเรือปีศาจนั้นเทียบท่ารอคอยอยู่ ยามที่ขึ้นไปบนเรือนั้นอาหยวนจะสลบลงไป และร่างกายของอิสตรีนั้นก็จะร้อนรุ่มขึ้นมาเหมือนไฟผลาญ เรือจะคล้ายล่องลอยออกไปจากชายฝั่ง และนำทางให้ฉูหวางได้เสพสุขกับสตรีในร่างของหนุ่มน้อยไปอย่างสบายใจตน
“หึ หึ เจ้าใช้พลังชีวิตของมนุษย์ขับเคลื่อนตนเองเช่นนั้นหรือเจ้าเรือน้อย เจ้าทำเช่นนั้นกับเสี่ยวหงฮวาตัวน้อยด้วยหรือไม่ “
ฉูปินไห่ถอนหายใจขึ้นมาเบาๆ ในใจตน ในเรือนี้ฉูปินไห่สามารถสนทนาออกมาได้อย่างอิสระ แต่มิมีผู้ใดได้ยินมัน คงมีแต่เรือปีศาจนี้เท่านั้นเอง พอถึงยามใกล้ฟ้าสางเรือปีศาจก็มาเทียบท่าที่ท่าน้ำของสกุลฉูและมันก็คล้ายเรือทั่วๆ ไปที่จอดไว้ในยามทิวาฉาย ฉูปินไห่หัวเราะมันขึ้นมาและโบกมือให้อาหยวนนำสตรีที่หลับไหลไปส่งคืนที่หอวสันต์บุบผาเฉกเช่นเคย
อาหยวนมึนงงน้อยๆ คิดว่าในเรือนั้นคงมีกำยานหรือสิ่งใดจึงทำให้หลับสบายไปตลอดคืน และคิดว่าสตรีเหล่านั้นทำความสะอาดเรือลำน้อยลงไปแล้ว มันจึงสะอาดและส่องแสงสะท้อนสีแดงเลือดขึ้นมาสง่างามยิ่ง บางคราบ่าวชราก็ลงไปตรวจตรามัน ขัดถูและนำน้ำมันเงามาทาลงไปเพื่อซ่อมแซมเรือ มิมีผู้ใดรู้ว่าคุณชายใหญ่ได้มาจากที่ใด แต่ทุกคนนั้นตามใจคุณชายมาก สิ่งใดที่คุณชายชอบบุรุษทุกคนในสกุลฉูนั้นจะมิไปแย่งชิงมัน เพราะคุณชายนั้นกำเนิดขึ้นมาดังของมีค่า ท่านอาทุกคนจึงมิไปแย่งชิงสิ่งของของคุณชายเลยมีแต่เพิ่มเติมลงไปให้ เรื่องนี้ทำให้อุปนิสัยของวิญญาณฉูหวางที่ทะเยอทะยานนั้นอบอุ่นขึ้นมา
“พวกท่านดีกับข้ามากเพียงใด ต่อไปเสี่ยวปินผู้นี้จะตอบแทนพวกท่านกลับไปนับหมื่นเท่า”
ด้วยวัยของท่านอาเก้าฉูหมิงเฟิงและท่านอาสิบฉูไท่ชิงนั้นใกล้เคียงกับฉูปินไห่ ดังนั้นยามนี้บุรุษร้ายกาจในสกุลฉูจึงมีสามคนในสกุลฉูทำให้นายท่านผู้เฒ่านั้นปวดหัววุ่นวาย
“เจ้าเก้าเจ้าสิบ เจ้าอย่าเที่ยวสอนสิ่งใดมิดีให้ปินเอ๋อร์มากมายนัก พวกเจ้าคือท่านอาของปินเอ๋อร์ ปินเอ๋อร์คือหลานชายเพียงผู้เดียวในยามนี้ของสกุลฉู พวกเจ้าต้องรักต้องถนอมปินเอ๋อร์เอาไว้ให้ดี”
“โถ่ ท่านพ่อ ปินเอ๋อร์ฉลาดนัก ผู้ใดจะไปหลอกลวงได้กัน ท่านเพียงแต่สอนปินเอ๋อร์เถิดว่าอย่าล่อลวงสตรีนัก ว่ากันว่าคุณชายฉูยิ้มเพียงคราหนึ่ง สตรีทั้งเมืองนี้นั้นแทบจะหัวใจละลายกันทั้งสิ้นเลย”
“พวกเจ้า บังอาจนัก สอนสิ่งมิดีให้ปินเอ๋อร์แสนบริสุทธิ์ของข้าได้เช่นใดกัน”
“โอ๊ย ท่านพ่อ อย่าตีข้า”
ผู้เฒ่าฉูใช้ไม้เท้าทุบบุตรตนจนร้องครวญครางกันขึ้นมา ฉูปินไห่ยิ้มบานขึ้นมาและขยับตัวไปกอดท่านปู่และส่ายหน้าของเทพเซียนแสนเลอค่าออกไปเบาๆ ท่านผู้เฒ่าหัวใจอ่อนยวบลงไปในทันที
“โอ เห็นแก่หลานข้า วันนี้ปู่จะปล่อยเจ้าลูกอกตัญญูทั้งหลายไปก่อนเถิด มิเช่นนั้นปินเอ๋อร์จะเสียใจได้”
ฉูปินไห่หัวเราะเบาๆ พาท่านปู่ไปนั่งในสวนแล้วนั่งชงชาด้วยทักษะชั้นเลิศ เทน้ำร้อนราดตัวตุ๊กตาน้ำชาลงไปก่อนจะหัวเราะยิ้มเบิกบานขึ้นมา ผู้เฒ่าฉูก็ล้วงตั๋วเงินออกมาให้ในทันที
“ปินเอ๋อร์ ปู่แอบให้เจ้า อย่าไปให้ผู้ใดรู้เข้าเล่า นี่สำหรับเจ้าเพียงผู้เดียวเลย”
ฉูปินเอ๋อร์หัวเราะจนลักยิ้มนั้นเกิดขึ้นมาที่ข้างแก้ม น่ารักน่าชังจนผู้เฒ่าฉูหัวเราะเบิกบานใจขึ้นมา
“ต่อไปหากว่าทำบัญชีได้ ก็ไปควบคุมเส้นทางการค้าเสียหน่อยเถิด สกุลฉูของพวกเราค้าขายกับราชสำนักของหวยเหอมายาวนานแล้ว เส้นทางการเรือสายหนึ่งก็ยังมีอยู่ เจ้าจะเป็นผู้สืบทอดต่อไปก็ต้องศึกษาเอาไว้บ้าง”
ฉูปินไห่น้ำตารื้นขึ้นมา ที่ทุกคนนั้นล้วนตั้งความหวังยิ่งใหญ่ไว้อยู่ที่ตน มิต้องแย่งชิงก็ได้มาช่างวิเศษนัก
ฉูปินไห่ใช้ชิวิตแบบคุณชายตัวน้อยๆ ต่อไปอย่างเบื่อหน่าย อดทนขี่ม้าฟันดาบฝึกกายตน จนผ่านไปถึงยามสวมหมวกร่างกายของหนุ่มน้อยก็มีความหล่อเหลาขึ้นมา กล้ามเนื้อของบุรุษเพศเรียงตัวสวยภายใต้อาภรณ์ผ้าไหมชั้นดีเลิศ
ในปีนี้พิธีสวมหมวกของคุณชายฉูนั้นเอิกเริกมาก ขุนนางมากมายมาร่วมงานในทุกทิศ และฉูปินไห่ก็ตัดสินใจเอ่ยบอกท่านปู่นั้นออกไป
“สิบปีก่อนมีทารกมาคลอดในเรือนั้น ยามนั้นเพื่อแลกกับการได้มีชีวิตต่อไป ข้าจึงหมั้นหมายนางเอาไว้แล้ว ยามนี้นางคือเด็กสาวใบ้ สวรรค์นั้นบังคับให้พวกห้าเทียนนั้นได้เกิดมาพบกัน”
ผู้เฒ่าฉูตกตะลึงยิ่ง สั่งให้คนนั้นไปรับเด็กสาวของชาวประมงมาพบกับตนเองเสียโดยด่วน ยามที่อาหยวนนั้นติดตามค้นหาจนพบเจอก็ให้เด็กสาวนั่งรถม้ามากับท่านแม่ของนางด้วยกัน พบว่าเด็กสาวนั้นสะอาดสะอ้านแต่อ้วนกลมและมีดวงตาที่สวยงามเหมือนดาวดวงหนึ่ง
“ฮร้า มิเลวนัก มิเลวนัก หากสวรรค์กำหนดแล้ว เหตุใดข้าจะห้าม ต่อไปเจ้าก็คือคู่หมั้นของปินเอ๋อร์แล้วนะสาวน้อย”
เสี่ยวหงฮวาหัวเราะขึ้นมา สองคนนั้นยิ้มได้งดงามเฉกเช่นเดียวกัน จนอาหยวนนั้นอมยิ้มตามขึ้นมา และทุกๆ คนก็พลันได้ยินเสียงของคุณชายดังขึ้นมา
“เสี่ยวหงฮวา”
บุรุษชราในสกุลฉู่ที่มาร่วมงานเลี้ยงจากแดนไกลชะงักไปในทันที สายตาล้วนมุ่งมองไปที่เรือปีศาจนั้นอย่างตระหนกสิ้น
“โอ้ สวรรค์ ท่านนั้นจะกำหนดสิ่งใดขึ้นมาอีกกันนี่”
*พวกห้าเทียนคือหูหนวกตาบอดเป็นใบ้ คนพิการ