งานมงคลสมรสของภูผาและวิรัศยาผ่านไปได้ด้วยดี นายหัวหนุ่มได้จัดงานใหญ่โตอย่างสมเกียรติของเจ้าของเกาะ ที่จะไม่ให้เจ้าสาวของเขาต้องน้อยหน้าใคร ๆ ได้
วันรุ่งขึ้น ในช่วงเช้าหลังมื้ออาหารเช้านี้ ภูผาก็ได้บริการการท่องเที่ยวให้กับครอบครัวของเมียรักด้วยการจัดทัวร์ล่องเรือดูความสวยงามรอบเกาะ และยังมีการจัดให้ไปดำน้ำดูปะการังน้ำตื้นด้วย โดยการทัวร์ครั้งนี้ก็มีบรรดาเพื่อน ๆ ของภูผาร่วมคณะไปด้วยเพื่อที่จะดูสนุกสนานที่มีคนไปเที่ยวด้วยหลาย ๆ คน
"วิวไปกับพี่ ๆ เขานะลูก แม่รู้สึกเพลีย ๆ อยากพักสักหน่อย" วารีบอกกับลูกสาวเมื่อเดินออกมาห้องอาหาร หลังจากที่ไปรับประทานอาหารเช้ากันแล้ว
ด้านหน้าของสองแม่ลูกมีภูผาและเพื่อนพ้องเดินอยู่ ที่ทั้งหมดตั้งใจจะไปขึ้นรถด้านหน้าโรงแรม เพื่อจะไปยังท่าเรือซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมเท่าไรนัก
ด้วยความที่อายุของวารีนี้เข้าวัยกลางคนแล้ว วันก่อนก็เหนื่อยจากการเดินทางไกล เมื่อวานก็ร่วมงานแต่งของลูกสาวคนโตเลยทำให้ไม่ได้พักผ่อนร่างกาย เธอจึงสละสิทธิ์ในการไปเที่ยวในครั้งนี้
"พี่หวานก็ไปไม่ได้ แม่ก็ไม่ไปอีก หนูไปคนเดียวต้องเหงาแน่เลย หรือว่าหนูจะอยู่ห้องกับแม่ดี.." วิลาสินีพูดขึ้นเสียงเบา ใบหน้าสวยแสดงความเสียดายอย่างเห็นได้ชัด คนที่อายุไล่ ๆ กันก็คือวิรัศยาที่จะเที่ยวเล่นด้วยกันได้ แต่พี่สาวของเธอก็ตั้งครรภ์อ่อน ๆ จึงไม่ควรจะไปนั่งเรือโต้คลื่นเดี๋ยวจะเป็นอันตรายไป
"หนูไปเที่ยวเถอะลูก อยากไปไม่ใช่เหรอดำน้ำน่ะ" วารีพูดขึ้น เมื่อคืนวิลาสินียังตื่นเต้นที่จะได้ไปดำน้ำอยู่เลย
"แต่ว่า.." วิลาสินีลังเล เมื่อไม่มีคนที่สนิทไปด้วย เธอก็ไม่อยากไปแล้ว
"ไปเถอะครับ ที่ไปนี่ก็มีแต่คนกันเองทั้งนั้น นานที ๆ จะได้เที่ยวสักครั้ง" ภูผาหันมาเมื่อได้ยินแม่ยายและน้องเมียคุยกัน เขาพูดขึ้นโน้มน้าวใจของวิลาสินีอีกเสียง เพราะคนที่ไปร่วมทริปในครั้งนี้ก็มีแต่เพื่อน ๆ เขาทั้งหมดที่มีทั้งชายและหญิง และก็ยังมีพิภพที่ไปด้วยอีกคน ไหน ๆ เด็กสาวจะได้มาแล้ว เขาจึงอยากให้เด็กสาวได้ไปสนุกสนาน
"เดี๋ยวกูจะช่วยดูเธอเอง" เควินที่ยืนอยู่ข้างภูผาพูดขึ้น แสดงเจตจำนงค์ว่าจะอาสาดูแลเด็กสาวตลอดทั้งทริปเอง
"ดีเลยเควิน" ภูผาพยักหน้าพอใจที่เควินอาสาดูแลคนในครอบครัวให้
"เควินมันดำน้ำเก่ง เดี๋ยวให้มันสอนนะ" แล้วภูผาก็หันมาพูดกับน้องเมียเพื่อให้เธอคลายกังวลว่าไปทริปนี้เธอจะไม่เดียวดายคนเดียว
"...." วิลาสินีจึงได้แต่ส่งยิ้มหวานให้เควินเพื่อแสดงความขอบคุณในความมีน้ำใจของเขา แล้วเธอเห็นเพียงการกระตุกยิ้มมุมปากของคุณตัวโตตอบกลับมา และนั่นยิ่งทำให้เธอรู้สึกเกร็งยิ่งกว่าเดิมเมื่อคิดไปว่าที่เขาทำแบบนั้น เขาอาจจะเป็นคนถือตัว
แล้วเควินก็ทำอย่างที่พูดไว้ ที่ว่าจะดูแลวิลาสินี เพราะตลอดที่นั่งเรือไปชมเกาะเขาจะคอยอยู่ใกล้ ๆ เด็กสาวตลอด ถึงแม้ว่าชายหนุ่มจะคุยไม่เก่งแต่การที่มีคนอยู่เป็นเพื่อนทำให้เด็กสาวรู้สึกไม่แปลกแยกในคณะทัวร์กลุ่มนี้
"เอาล่ะครับ ตรงนี้จะเป็นสถานที่ที่จะดูปะการังนะครับ ท่านที่มีอุปกรณ์แล้วดูตัวอย่างการใช้งานจากไกด์ของเรานะครับ" พิภพพูดขึ้นก่อนจะร่วมสาธิตการใช้อุปกรณ์ดำน้ำตื้นให้นักท่องเที่ยวได้ดู
"ใส่ได้ไหม?" เควินไม่ได้สนใจเสียงของผู้บรรยาย เขาสนใจเฉพาะผู้หญิงข้างกายเท่านั้น
"เหมือนจะหลวมไปหน่อยค่ะ" วิลาสินีตอบแล้วดึงหน้ากากดำน้ำออกจากศีรษะเพื่อที่จะทำการปรับให้พอดีกับศีรษะตน
"ผมทำให้ ถือให้ผมหน่อย" เควินดึงหน้ากากดำน้ำของเด็กสาวมาก่อนจะยื่นของตนใส่มือน้อยเพื่อฝากเธอถือไว้ในตอนที่เขาต้องปรับสายรัดของหน้ากาก
เพียงไม่กี่นาที ชายหนุ่มรูปหล่อตัวโตก็ทำการปรับสายขยับเข้า โดยกะว่าคงจะพอดีกับศีรษะน้อยของเด็กสาวที่เขาดูแลอยู่
"มาครับลองดู" เควินเอ่ยพร้อมกับขยับไปยืนซ้อนหลังของวิลาสินี ยกหน้ากากขึ้นสวมศีรษะอย่างถือวิสาสะ เพื่อที่เขาจะได้ดูว่าสายรัดนั้นพอดีกับศีรษะเธอหรือไม่
"พอดีไหมครับ?" สายตาคมจ้องมองอยู่หน้ากากดำน้ำที่ครอบใบหน้าสวยอยู่ สองมือหนาช่วยจับขยับหน้ากากให้เข้าที่เข้าทาง
"พอดีแล้วค่ะ" วิลาสินียิ้มหวานขณะที่ตอบ
"แหม สองคนนี้เหมือนแฟนกันเลย มึงดูแลน้องเขาเกินไปหรือเปล่าวะเค?" เสียงตะโกนแซวมาจากกลุ่มเพื่อนของเควินที่นั่งห่างออกไป มองไปทางพวกนั้นก็พบว่าทุกคนเตรียมตัวกันเสร็จแล้ว
"อย่าแซว" เควินสวนกลับไปสั้น ๆ พร้อมทั้งส่งสายตาดุไปให้ผองเพื่อน แต่พวกนั้นกลับไม่สะทกสะท้าน ส่งเสียงแซวกับมาอีกระลอก
ชายหนุ่มจึงไม่อยากสนใจพวกนั้นแล้ว เขาหันกลับมาก็พบว่าเด็กสาวข้างตัวกำลังอมยิ้มเขิน แก้มนวลออกเป็นสีแดงเรื่อ เธอคงอายที่โดนเพื่อนเขาแซว
"ลงน้ำกัน" เควินทำทีว่าไม่ได้เห็นแก้มแดงน่าแอบหอมนั่น เขาเอ่ยชวนเด็กสาวก่อนจะเดินไปยังท้ายเรือที่มีคนร่วมทริปเริ่มทยอยลงไปในน้ำแล้ว
เพราะทั้งหมดได้ใส่เสื้อชูชีพตั้งแต่ที่เริ่มขึ้นเรือกันมาแล้ว เพื่อเป็นการป้องกันอันตรายที่ไม่รู้ล่วงหน้า เมื่อปีนลงบันไดซึ่งมีประมาณสี่ขั้นลงไปใกล้ถึงผืนน้ำทะเล คนตัวโตกระโดดลงไปในน้ำ เงยขึ้นมาก็พบว่าเด็กสาวกำลังไต่บันไดลงมา เขาจึงได้ลอยตัวเข้าไปใกล้เพื่อที่จะรอรับ
"ลงมาเลยครับ" เควินยื่นมือไปให้มือน้อยจับ ตอนที่คนตัวเล็กกำลังจะหย่อนตัวลงมาในน้ำ
เมื่อวิลาสินีเห็นแบบนั้น เธอจึงวางมือลงบนฝ่ามืออุ่นของเขา ความอบอุ่นจากอุ้งมือใหญ่กระจายไปทั่วมือน้อยเมื่อเขาบีบกระชับดึงเธอลงไปจากบันไดเรือ
ริมฝีปากอิ่มอมยิ้มเขินเมื่อต้องมาได้แตะต้องผิวกายแข็งของผู้ชายที่เธอไม่เคยได้สัมผัสใกล้แบบนี้มาก่อน ใจดวงน้อยเต้นตึกตักระรัวผิดจังหวะไปหมด ที่เคยคิดว่าเขาเป็นคนถือตัว ตอนนี้คงต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ เขาก็เป็นอบอุ่นอยู่เหมือนกัน
"เอ้า สองคนนั้นน่ะ มัวแต่สวีตกันอยู่นั่น ว่ายมาทางนี้เร็ว" เสียงเรียกจากเพื่อนคนเดิมตะโกนเรียกให้เควินและวิลาสินีว่ายไปรวมกลุ่มเพื่อที่จะได้ไปยังจุดปะการังพร้อมกัน
"พูดมากว่ะ" เควินเอ่ยเสียงเรียบใส่เพื่อนคนนั้น ก่อนจะดึงมือนุ่มที่เขายังไม่ได้ปล่อย แม้ว่าสาวน้อยจะลงมาในน้ำและลอยตัวปลอดภัยด้วยเสื้อชูชีพแต่เขาก็ไม่ยอมปล่อยมือเธอ ก็มือของเด็กสาวนั้นเนียนนุ่มดึงดูดให้เขาอยากจับไปแบบนี้ตลอด
ร่างใหญ่ว่ายน้ำไปก่อนแล้วดึงให้ร่างเล็กของเด็กสาวที่เขาดูแลลอยตามไป จนเมื่อถึงกลุ่มเพื่อนเขาจึงได้ปล่อยมือนุ่มอย่างไม่ค่อยเต็มใจเท่าไรนัก ไม่เช่นนั้นคงจะโดนเพื่อนแซวไม่หยุด
...............................
ชื่อเรื่องก็เป็นคนเถื่อน แต่ทำไมลุงเป็นพ่อไมโครเวฟขนาดเน้ 55555