"เย่! ในที่สุดก็สอบเสร็จสักที"
"ดีใจขนาดเลยเหรอ?" วิลาสินีหันไปถามมะปราง คนที่เพิ่งตะโกนด้วยความดีใจจนเสียงดังลั่นทางเดินเมื่อครู่
"แน่นอนสิ อ่านหนังสือเครียดมาเป็นอาทิตย์ ๆ สอบเสร็จแล้วโล่งม้าก!" มะปรางตอบน้ำเสียงสูงใส่อารมณ์สุนทรีย์เต็มที่เพราะตอนนี้เธอรู้สึกสุขใจอย่างสุด ๆ ที่ชีวิตวัยมัธยมได้สิ้นสุดลงแล้ว ต่อไปเธอก็จะใช้ชีวิตเด็กมหาวิทยาลัยที่ไม่ได้มีกฎระเบียบเคร่งครัดเหมือนอย่างโรงเรียน
"ว่าแต่เธอเถอะ ก็ยิ้มแฉ่งเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?" มะปรางมองใบหน้าสวยของวิลาสินีพลางเอ่ยกระเซ้า ใบหน้าของเพื่อนนั้นก็เต็มไปด้วยความยินดีไม่แพ้กัน
"ฉันดีใจไง พรุ่งนี้ก็จะเดินทางไปงานแต่งพี่สาว แล้วก็จะได้เที่ยวต่อ บนเกาะเลยนะแก" วิลาสินียิ้มสดใสที่ช่วงนี้มีแต่เรื่องดี ๆ ในชีวิต เด็กสาวตอบไปก้าวเดินไปข้างหน้าไป จนกระทั่งตอนนี้ทั้งคู่ได้ออกมาพ้นอาคารเรียนแล้ว
"ฉันโคตรอิจฉาพี่สาวแกเลย ได้แฟนงานดี ทั้งหล่อทั้งรวย อยากมีแบบนี้บ้างจัง" มะปรางพูดพลางทำหน้าเพ้อฝันนึกไปถึงเจ้าชายในซีรีส์ที่ตนเคยได้ดู ที่มารักกับหญิงสามัญชน คิดไปก็ยิ้มไปจนวิลาสินีต้องส่ายหน้าระอากับความเพ้อพกของเพื่อน
"มีแต่ในนิยายไหมแบบนั้นน่ะ" วิลาสินีที่ไม่ได้เชื่อในพรหมลิขิตที่ว่าชายรูปหล่อพ่อรวยจะมารักกับหญิงสาวฐานะจน ๆ อย่างเช่นพวกเธอ ซึ่งความเป็นได้นั้นยากมาก ๆ แต่กรณีของพี่สาวของเธอนั้น เธอเชื่อว่าอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญที่ทั้งคู่ได้มาเจอกันและได้รักกันแค่นั้นเอง
พูดจบ สาวน้อยหน้าหวานในชุดนักเรียนก็เดินแซงหน้าเพื่อนไปยังประตูทางออกของโรงเรียน ซึ่งมีเพื่อน ๆ และรุ่นน้องก็ทยอยเดินออกมาพร้อมกัน
"แกก็ไม่อินกับความโรแมนติกเลยนะวิว" มะปรางตะโกนตามหลังเมื่อเพื่อนรักก่อนจะรีบวิ่งไปกอดคออย่างสนิทสนม
สองสาวแวะซื้อขนมที่หน้าโรงเรียนเพื่อเติมพลังที่หายไปกับข้อสอบวิชาสุดท้ายแล้วจึงได้แยกย้ายกันกลับบ้าน
วันรุ่งขึ้น วารีและวิลาสินีก็เดินทางไปยังเกาะของแฟนหนุ่มของวิรัศยาเพื่อไปร่วมพิธีมงคลสมรสระหว่างภูผาและวิรัศยาซึ่งจะมีขึ้นในพรุ่งนี้ ตามความประสงค์ของเจ้าบ่าวที่ต้องการจัดงานทันทีหลังจากวิรัศยาเรียนจบ
ในมื้ออาหารเย็น ว่าที่พี่เขยของวิลาสินีได้มีการจัดอาหารเป็นเหมือนงานเลี้ยงเล็ก ๆ ให้บรรดาเพื่อนพ้องที่เดินทางมาร่วมงาน เพราะอย่างไรเสีย คนที่มาพักก็ต้องลงมารับประทานอาหารที่ห้องอาหารกันอยู่แล้ว
วิลาสินีก็ได้ลงมาพร้อมกับผู้เป็นแม่ และพี่สาวของเธอ ที่ได้ขึ้นไปหายังห้องพักตั้งแต่ตอนบ่ายแก่ ๆ และพากันคุยเรื่องสัพเพเหระเรื่อยเปื่อย พอภูผาโทรศัพท์ตาม วิรัศยาจึงได้พาเธอและแม่ลงมา
"โต๊ะนั้นค่ะ" วิรัศยาบอกกับวารีแล้วเดินนำไปยังโต๊ะที่แฟนหนุ่มจัดไว้ให้
ซึ่งผู้ที่นั่งรอที่โต๊ะนั้นมีภูผาซึ่งเป็นว่าที่เจ้าบ่าวนั่งอยู่ และยังมีผู้ชายอีกสองคนที่มีใบหน้าออกไปทางยุโรปนั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วย วิลาสินีจึงเดาว่าชายทั้งคู่คงจะเป็นเพื่อนกับว่าที่พี่เขยของเธอ
"เชิญนั่งครับ" ภูผาลุกขึ้นแล้วเดินมาดึงเก้าอี้ตำแหน่งฝั่งตรงข้ามที่เขานั่งให้กับวารีได้นั่ง วิลาสินีจึงได้เลือกนั่งยังเก้าอี้ตัวติดกับแม่ของเธอ
ส่วนวิรัศยานั้น ว่าที่เจ้าบ่าวของเธอได้ดึงเก้าอี้ตัวติดกับที่นั่งของเขาให้ และยังช่วยประคองให้คนที่ตั้งครรภ์อ่อนนั่งด้วยความทะนุถนอม ใช่แล้ว ตอนนี้พี่สาวของวิลาสินีได้ตั้งครรภ์ได้ประมาณสองเดือนแล้ว
"ทานกันเลยครับ" ภูผาเอ่ยขึ้นกับคนร่วมโต๊ะก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ของตน เอื้อมมือไปตักอาหารที่ว่าที่เจ้าสาวชอบมาใส่จานให้กับดวงใจของเขา
จากนั้นทั้งหกคนก็ร่วมกันรับประทานอาหารไป มีบ้างที่จะพูดคุยกันเพื่อไม่ให้บรรยากาศในโต๊ะเงียบเกินไป
"เห็นหวานเล่าให้ฟังว่า วิวได้รับทุนเรียนดีเหรอครับ?" ภูผาหันไปชวนน้องเมียคุยหลังจากที่คุยกันมาได้สักระยะ
"ค่ะ ได้มาตั้งแต่หนูอยู่มอห้าแล้วค่ะ" วิลาสินีตอบพลางยิ้มให้กับพี่เขย
ขณะนั้นเอง หางตาของเด็กสาวได้เห็นว่าชายคนที่นั่งข้าง ๆ ภูผาได้มองมาทางเธอ เมื่อหันไปสบตากับดวงตาสีน้ำตาลอ่อนก็พบว่าเขาคนนั้นมองเธอด้วยความสนใจอย่างโจ่งแจ้ง และเขาก็มองอยู่อย่างนั้น จนเธอไม่กล้าที่สบตาต่อจึงได้หลุบตามองยังจานอาหารบนโต๊ะแทน
"แล้วก็ได้ทุนเพิ่มด้วยใช่ไหม เห็นว่าผู้ให้ทุนเพิ่มให้เพราะวิวเรียนได้เกรดดี ทางนั้นเลยเพิ่มทุนให้ เก่งมากนะเนี่ย" ภูผาชมเด็กสาวอย่างจริงใจ ที่เขารู้เรื่องของวิลาสินีนั้น เดิมทีเขาอยากช่วยเหลือครอบครัวของเมียรักจึงได้ถามไถ่ ตั้งใจว่าอยากจะส่งเสียค่าเทอมให้กับวิลาสินีเพราะว่าเมียรักของเขานั้นคงทำงานไม่ได้แล้ว เพราะเธอจะต้องอยู่บ้านเลี้ยงลูกน้อย เขาเลยจะรับผิดชอบตรงนี้แทน พอถามเมียรักก็ได้รู้ว่ามีคนให้ทุนในส่วนตรงนี้แล้ว
"ใช่ค่ะ เห็นผู้ให้ทุนแจ้งอาจารย์มาแบบนั้น บอกว่าเป็นรางวัลให้กับเด็กดี.." วิลาสินีตอบพลางอมยิ้มเขินเมื่อต้องพูดอวยตัวเองให้ผู้อื่นฟัง แต่อาจารย์ก็บอกกับเธอมาแบบนี้จริง ๆ
'เด็กทุน เพิ่มทุน เด็กดีอย่างนั้นเหรอ?' เป็นเควินที่คิดทวนคำที่เพิ่งได้ยินมา
เควินรู้สึกสะดุดตากับสาวน้อยหน้าหวานตรงหน้าตั้งแต่ที่เห็นเธอเดินตามหลังแม่ของเธอมาแล้ว
ที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกสนใจผู้หญิงคนไหนในการพบเจอกันครั้งแรกแบบนี้เลยสักคน จะเรียกว่านี่คือการปิ๊งหญิงครั้งแรกของเขาก็ไม่ผิด และที่น่าสนใจก็คือเขาตงิดใจว่าเด็กสาวคนนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับเขาก็ได้
ขณะที่นั่งฟังภูผาและเด็กสาวคุยกัน เควินก็เก็บข้อมูลทุกอย่างเข้าหัวอย่างเงียบ ๆ มือหนาได้ล้วงโทรศัพท์เครื่องหรูของตนออกมาจากกระเป๋าข้างของกางเกง ส่งข้อความไปหาอานนท์ผู้ช่วยของเขา เพื่อขอข้อมูลของเด็กทุนที่เขาเพิ่งอนุมัติเพิ่มทุนไปเมื่อวันก่อน ซึ่งการเพิ่มทุนในครั้งนี้นี้มีเด็กดีคนนั้นเพียงคนเดียวที่ได้รับ
และรูปถ่ายที่ติดอยู่บนประวัติของเด็กทุนของเขาที่อานนท์ส่งมาให้ ก็เป็นรูปของเด็กสาวคนที่นั่งตรงข้ามเขานี่เอง โลกนี้ช่างกลมจริง ๆ ที่เด็กในอุปการะเป็นคนกันเอง
'เด็กดีของฉัน' เควินคิดในใจขณะที่เงยมองหน้าเด็กสาวหน้าหวานที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ปากหยักได้รูปอมยิ้มถูกใจกับเรื่องราวทั้งหมดที่เพิ่งรับรู้มา
....................................
สืบประวัติว่าที่เมียแล้วหนึ่ง ไหนบอกว่าไม่สนใจเด็กทุนตัวเองไงลุง5555