10. มาเจอเพื่อจาก

1485 Words
วันรุ่งขึ้น วิลาสินีเดินทางมาถึงคอนโดหรูประมาณ 13.00 นาฬิกา เพราะระยะทางระหว่างบ้านเกิดและคอนโดห่างกันไม่ใช่น้อยเลย เธอต้องฝ่าฟันกับรถติดบริเวณเขตธุรกิจหลายแห่งถึงได้มาถึงที่อยู่อาศัยใหม่แห่งนี้ เมื่อเธอขึ้นมาถึงห้องของตนที่อยู่ชั้นบนสุด ห้องดูหรูหราและสวยงามสมราคาจริง ๆ เด็กสาววางกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่เธอหิ้วออกจากบ้านเพียงใบเดียวไว้ที่ห้องนั่งเล่นก่อนจะเดินสำรวจห้องต่าง ๆ อีกครั้งด้วยความตื่นเต้น เมื่อวานตอนที่วายุพาขึ้นมาดูห้อง เธอไม่กล้าที่จะสำรวจมากนัก ได้แต่เดินตามชายผู้ขายอย่างวายุ และผู้ซื้ออย่างเควินไปเงียบ ๆ ก๊อก ๆ วิลาสินีเข้าไปดูแค่เพียงห้องครัวได้ห้องเดียวก็ได้ยินเสียงเคาะประตู เธอจึงรีบเดินไปเปิดประตูเพื่อที่จะดูว่าใครมาเคาะเรียก เพราะการเคยชินจากที่อยู่ที่บ้าน เธอเลยไม่มีการร้องถามหรือส่องช่องตาแมวว่าใครที่เป็นคนอยู่หน้าประตู นี่ถือว่าเป็นการประมาทต่อความปลอดภัยของตัวเองยิ่งนัก แกรก.. "คุณเควิน" วิลาสินีเรียกคนที่ยืนหน้าหล่ออยู่หน้าประตูด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา "เปิดให้เลยเหรอ ไม่ถามเลยเหรอว่าใครมา แล้วเมื่อกี้ได้ดูตาแมวหรือเปล่าก่อนเปิดน่ะ" เควินตำหนิเสียงดุที่เด็กสาวประมาท เธอคงไม่รู้ว่าโลกภายนอกนี้ไม่ได้ใจดีกับสาวใสซื่ออย่างเธอเท่าไรนัก "ไม่ได้ดูค่ะ.." วิลาสินีตอบเสียงเบาพร้อมกับก้มหน้างุดหลบสายตาคมดุดัน ขยับหลบเมื่อคนตัวสูงเดินเบียดเข้ามาขณะที่ประตูเปิดแค่ช่องตัวเธอเท่านั้น "ทีหลังต้องดูทุกครั้ง มันอันตราย ไม่ใช่เปิดให้ทุกคนไปหมด" เควินสอนเสียงดุขณะที่เดินไปยังห้องครัว วางถุงอาหารสดที่ถือมาไว้บนโต๊ะ โดยคนตัวเล็กเดินตามหลังต้อย ๆ ดีที่ว่าเมื่อเช้าเขาให้คนเอาอุปกรณ์ทำครัวเข้ามาให้แล้ว ที่นี่จึงมีหม้อกระทะจานชามไว้ใช้ "...." วิลาสินีได้แต่เม้มปากไม่พูดอะไรออกไป ในหัวมีแต่คำถาม สงสัยว่าเขามาทำอะไรที่นี่ เธอนึกว่าหลังจากที่เขาจัดการเรื่องที่พักให้เธอเรียบร้อย เขาจะไม่มาสนใจกับเธอเสียแล้ว "มาถึงนานหรือยัง?" เควินเอ่ยถามแล้วทำการถอดเสื้อสูทสีเทาเดินมาพาดอยู่ที่พนักเก้าอี้ตัวข้าง ๆ ที่ร่างบางอยู่ ปลดกระดุมแขนเสื้อเชิ้ตด้วยความคล่องแคล่ว "เพิ่งมาถึงค่ะ" วิลาสินีตอบ ดวงตากลมจ้องมองคนตัวสูงอย่างเผลอตัว ท่าทางคล่องแคล่วของเขาทำให้เธอมองดูอย่างเพลิดเพลิน เพียงไม่กี่นาทีเขาพับแขนเสื้อให้ไปอยู่ที่ท่อนแขนทั้งสองข้างเสร็จเรียบร้อย และเขายังดึงเนคไทออกมาพาดกับเสื้อสูท ปลดกระดุมออกอีกสองเม็ด นั่นทำให้เขาดูดีในชุดทำงานไม่เต็มยศแบบนี้ "มาช่วยผมหั่นผักหน่อย ผมหิวมากเลย" เควินบอกก่อนจะหันกลับเข้าไปในโซนห้องครัวอย่างรวดเร็วอย่างสมกับคำที่เขาบอกว่าหิว และนั่นทำให้วิลาสินีต้องรีบเดินตามเข้าไปเป็นลูกมือทันที ครึ่งชั่วโมงผ่านไป กับข้าวหอมฉุยที่ปรุงโดยพ่อครัวรูปหล่อก็เสร็จเรียบร้อย โดยมีสาวน้อยหน้าหวานคอยเป็นลูกมือหยิบนู่นหยิบนี่ตามที่พ่อครัวจะใช้ "หนูไม่คิดว่าคุณจะชอบอาหารไทย" วิลาสินีพูดขึ้นพลางมองไปยังจานกับข้าวตรงหน้าซึ่งเป็นเมนูผัดเผ็ดหมูและผัดคะน้า หน้าตาของเขาที่ออกไปทางยุโรปมากกว่าเอเชียไม่น่าจะปรุงอาหารไทยแท้ได้เลย "แม่ของผมทำให้กินตลอด ผมชอบกินข้าวสวยมากกว่าอาหารพวกเบคอนไข่ดาวอะไรพวกนั้น กินกันเถอะ" เควินตอบก่อนจะชวนคนตรงหน้าให้ตักอาหารเข้าปากได้แล้ว "หือ.. อร่อยด้วยค่ะ" วิลาสินีชมเปราะเมื่อได้ลองลิ้มชิมรสแล้ว เธอยิ่งทึ่งเขามากกว่าเดิม รสชาติที่เขาทำนั้นอร่อยถูกปาก เผลอ ๆ จะอร่อยกว่ารสชาติที่เธอปรุงเสียด้วยซ้ำ "ถ้าผมว่างผมก็จะทำกินเองน่ะ" เควินอธิบาย การไปรับประทานอาหารตามร้านบางทีก็ไม่ถูกปากเขา อาจจะเป็นเพราะได้รับประทานอาหารไทยฝีมือของแม่ที่เคยเป็นเชฟโรงแรมมาตั้งแต่เด็ก ๆ เลยทำให้รับประทานอาหารที่อื่นไม่ถูกปากก็อาจเป็นได้ "อ๋อ ค่ะ" วิลาสินีพยักหน้าเข้าใจ เธอไม่ได้ชวนเขาคุยอะไรต่อหลังจากนั้น ทั้งคู่รับประทานอาหารกันไปเงียบ ๆ วิลาสินีไม่รู้ว่าเหตุผลที่เขามาที่นี่คืออะไร แต่การที่เขามาอยู่ในวันที่เธอมาอยู่ในถิ่นแปลกใหม่ มันทำให้เธอรู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก อาหารมื้อนี้จึงทำให้เธอรู้สึกเจริญอาหารเป็นพิเศษ รับประทานอาหารเสร็จ เควินก็ได้มานั่งยังห้องนั่งเล่นแล้วเปิดดูรายการโทรทัศน์ไปเรื่อยเปื่อย ปล่อยให้เจ้าของห้องล้างจานชามไป จนกระทั่งเด็กสาวได้ล้างเสร็จแล้ว เธอจึงเดินมานั่งด้วย แต่นั่งโซฟาอีกตัวเพื่อรักษาระยะห่างให้พองาม "พรุ่งนี้ผมจะกลับอังกฤษแล้ว อีกนานกว่าจะได้มาไทย" เควินพูดขึ้นมาขณะที่สายตายังคงจับจ้องที่จอโทรทัศน์เบื้องหน้า เพราะงานที่เขารับผิดชอบหลักอยู่ที่อังกฤษจึงทำให้เขาอยู่ที่โน่นเสียส่วนใหญ่ "ค่ะ" เสียงหวานขานรับรู้ ถึงจะคะนึงว่าฐานะของเธอและเขาเป็นเพียงผู้รับทุนและผู้ให้ทุน แต่เธอรู้สึกโหวงวูบในอกอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกใจหายที่คิดว่าต่อจากนี้ไปจะไม่ได้เจอเขาอีกแล้ว "ผมจะโอนค่าใช้จ่ายให้ต่างหาก นอกเหนือจากทุนเรียนที่ได้อยู่แล้ว" เควินบอกแล้วล้วงโทรศัพท์เครื่องหรูออกมาจากกระเป๋าข้างกางเกง เขากดที่หน้าจอไม่กี่ครั้งก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนดังมาจากโทรศัพท์มือถือของเธอที่อยู่ในกระเป๋าสะพายซึ่งวางอยู่บนโต๊ะกระจกเตี้ยเบื้องหน้า "ความจริงไม่ต้องให้เพิ่มก็ได้" วิลาสินีเอ่ยเสียงเบา ที่เธอได้จากเขาตอนนี้ก็ทำให้รู้สึกเกรงใจเขาจนไม่รู้จะเกรงใจอย่างไรแล้ว "ตั้งใจเรียนด้วยล่ะ นี่เป็นค่าใช้จ่ายก้อนแรก ค่าใช้จ่ายผมจะเป็นโอนให้เองทุกเดือน ส่วนเงินทุนจะเป็นบัญชีของบริษัท" พูดง่าย ๆ คือเงินเพิ่มส่วนนี้เป็นเงินส่วนตัวของเขานั่นเอง "หนูก็ตั้งใจเรียนอยู่แล้ว" วิลาสินีแย้งเสียงเบาเมื่อคำสั่งของเขาพูดราวกับว่าเธอเป็นเด็กเกเร "ก็ดี ผมจะกลับแล้ว" เควินกระตุกยิ้มพอใจที่เด็กดีของเขาว่านอนสอนง่าย เขาลุกขึ้นยืนก่อนจะหันไปคว้าเสื้อสูทมาพาดท่อนแขน นั่นทำให้สาวน้อยต้องลุกขึ้นตามเพื่อส่งเขา "มีปัญหาอะไรก็โทรหาอานนท์ได้เลยนะ" เควินเอ่ยเสียงทุ้ม ท่าทางน่าเอ็นดูของเด็กสาวทำให้เขาอดใจไม่ได้ที่จะยกมือวางบนศีรษะเล็กไม่ได้ "ค่ะ" และการกระทำของเขาทำให้วิลาสินีร้อนวูบไปทั่วแก้มอิ่มทั้งสองข้าง ใจเต้นตึกตักจนเธอได้ยินเสียงนั้นได้ชัดเจน เขาช่างขยันทำให้หัวใจของเธอแกว่งเสียจริง "ผมไปแล้ว" เควินบอกก่อนจะตัดใจจากสาวสวยตรงหน้าโดนการหมุนตัวเดินห่างจากโซฟาที่นั่งแล้วเดินตรงไปยังประตูทางออก ถ้าอยู่นานกว่านี้จนถึงยามวิกาล ด้วยความบรรยากาศเป็นใจแบบนั้น เขาก็ไม่มั่นใจว่าจะอดใจไม่ทำอะไรสาวน้อยได้ "สวัสดีค่ะ" วิลาสินีรีบยกมือสวัสดีลาก่อนที่ผู้มีพระคุณจะเดินออกไปพ้นประตู เธอได้เห็นเขาแค่หน้าพยักหน้ารับไหว้ก่อนที่เขาจะเปิดประตูออกไป เสียงปิดประตูดังปึงกระชากใจดวงน้อยให้หล่นร่วงอีกครั้งเมื่อคิดไปว่าการมาของเขาครั้งนี้ เขามาเจอเธอเพื่อจากลา ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนที่เธอจะได้เจอกับเขา หรือเธออาจจะไม่ได้เจอเขาเลยเหมือนกับสองปีที่ผ่านมา ที่เขาไม่เคยปรากฏกายให้เด็กทุนได้พบเจอเลยสักครั้ง ............................. เขาแยกกันแล้ว สงสารลุงนะคะ เสียเงินเป็นล้านได้แค่แตะนิดจับหน่อย แต่ทำไมคนเขียนรู้สึกสะใจ 555555
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD