แก้วกานดากลับไปที่แผนกฝ่ายขายและได้ยินเพื่อนร่วมงานพูดถึงเจ้านายคนใหม่
ทุกคนมีเรื่องจะเล่าราวกับว่าพวกเขารู้จักเจ้านายใหม่เป็นอย่างดี
เมื่อมุก รุ่งเรืองเพื่อนร่วมงานของเธอเห็นเธอเข้า เธอรีบเข้าไปและพูดว่า "แก้วกานดา เธอโชคดีมากที่ได้เป็นคนแรกที่ทำงานเคียงข้างเจ้านาย"
แก้วกานดายิ้มจางๆ แล้วพูดว่า “ก็แค่ทำงาน ถึงเราจะอยู่ข้างกันก็ยังเป็นแค่งาน ถ้าเธอคิดว่าเธอทำงานได้ดีกับเจ้านาย เธอขอให้ผู้จัดการของเราส่งเธอไปทำงานให้กับเจ้านายในอนาคตสิ"
มุกรีบโบกมือแล้วพูดว่า "ถึงเจ้านายคนใหม่ของเราจะหล่อและมีเสน่ห์ แต่ฉันก็ไม่กล้าเข้าใกล้เขาให้โดนสายตาและเส่ห์ของเขาหรอกนะ"
“บอสใหม่จะมาตรวจงานประจำวัน กลับไปที่ตัวเองและทำในสิ่งที่ควรจะทำได้ละ!” ศศินา โอสถา ผู้จัดการฝ่ายขาย เดินเข้ามาในสำนักงานและดุลูกน้อง
บอสใหม่กำลังมาตรวจงาน!
เมื่อได้ยินข่าวนี้ แก้วกานดาก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายด้วยความกลัว เธอประหม่ามากจนหัวใจแทบตกอยู่ตาตุ่ม
เธอยังต้องการเวลาเพื่อทำความเข้าใจความจริงที่ว่า กร สามีหมาดๆ ของเธอเป็นเจ้านายใหม่ของบริษัท เธอไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้าเขาไปสักพัก
เพื่อนร่วมงานคนอื่นต่างกลับไปนั่งที่ยกเว้นแก้วกานดาที่ยังคงยืนงงอยู่ตรงนั้น ศศินามองไปที่แก้วกานดาและถามว่า "แก้วกานดา เธอไม่มีอะไรทำเหรอ"
"ฉันสบายดีค่ะ" แก้วกานดารู้สึกตัวและกำหมัดเงียบๆ เธอรีบกลับไปที่ที่นั่งและเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อตรวจสอบข้อมูลของลูกค้า
ผ่านไปครู่หนึ่ง เสียงกริ่งลิฟต์ก็ดังขึ้น และกรซึ่งรายล้อมไปด้วยกลุ่มคนก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าแก้วกานดาอีกครั้ง
โชคดีที่กรแค่มาทักทายพนักงานของแผนกอย่างเร็วๆ หลังจากฟังรายงานสั้นๆ จากศศินาแล้ว เขาก็นำกลุ่มคนออกไป
หลังจากที่กรจากไป ทั้งแผนกก็กลับมาเสียงดังอีกครั้ง แม้แต่ศศินาซึ่งปกติแล้วขึงขังมาก ก็อดจะซุบซิบกับคนอื่นไม่ได้
หัวข้อเดียวที่พวกเธอพูดถึงคือเจ้านายสุดหล่อคนนี้แต่งงานหรือยัง
แก้วกานดาฟังบทสนทนาของพวกเธอและไม่พูดอะไร เธอกำลังคิดว่าถ้าผู้หญิงกลุ่มนี้รู้ว่าชื่อของเธอระบุว่าเป็นคู่สมรสในทะเบียนสมรสของเจ้านาย เธอจะถูกพวกหล่อนถลกหนังทั้งเป็นไหมนะ
ในที่สุดวันทำงานที่ตึงเครียดนี้ก็ผ่านไป แก้วกานดาเก็บของกลับบ้านหลังจากที่เพื่อนร่วมงานของเธอออกไปหมดแล้ว
เมื่อเธอเสร็จงานในตอนกลางวัน ความคิดแบบไหนที่เธอต้องมีเพื่อเผชิญหน้ากรในตอนกลางคืน?
แก้วกานดาไม่รู้จริงๆ ว่าต้องทำอย่างไร เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอควรกลับไปที่ "บ้าน" ของเธอกับกรหรือไม่
นอกอาคาร แก้วกานดามักจะเลี้ยวขวาไปสู่ทางเข้า B ของรถไฟใต้ดิน หลังจากเดินมาได้ซักพัก เธอก็จำได้ว่าตอนนี้เธออาศัยอยู่กับสามีของตัวเองแล้ว
อพาร์ตเมนต์ของกร อยู่ไม่ไกลจากเทค วัลเลย์ แค่ป้ายรถเมล์สามป้าย หรือเดินเท้าครึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้ว
แก้วกานดามองดูเวลา ตอนนี้เพิ่งจะห้าโมงเย็น แต่ เธอไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับกรอย่างไร เธอจึงเลือกเดินกลับบ้าน เธอค่อยๆ คิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขา
แก้วกานดาตัดสินใจซื้อผักและเนื้อจากซูเปอร์มาร์เก็ตใกล้ๆ ไม่ว่าปัญหาจะใหญ่แค่ไหน การอิ่มท้องก็ยังเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก
เธอไม่รู้ว่ากรชอบกินอะไร เธอจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วอยากจะโทรไปถาม แต่เธอกังวลว่าเขาจะไม่สะดวกรับสาย เธอจึงใส่กลับเข้าไปในกระเป๋า
หลังจากซื้อวัตถุดิบแล้ว เธอก็นำกลับบ้าน
เมื่อเธอใกล้ถึงลิฟต์ของอพาร์ตเมนต์ เธอก็เห็นร่างที่คุ้นเคย เขาหันหน้าไปทางลิฟต์และยืนตัวตรงมาก เขาสวมสูทสีเทาอ่อน
หุ่นของกรดีมาก จากระยะไกลเขาช่างดูดี
แก้วกานดายังคงไม่เข้าใจว่าทำไมผู้ชายที่โดดเด่นเช่นนี้ ซึ่งเป็นหัวหน้าบริษัทใหญ่ๆ จึงไปนัดบอดและเธอคือผู้หญิงโชคดีที่ได้รับเลือก
"คุณกลับมาแล้ว" แก้วกานดาเดินเข้าไปและพยายามทักทายเขาแบบสบายๆ
"ครับ" กรหันกลับมามองเธอ เขาไม่ได้เปลี่ยนสีหน้า เขายังคงเฉยเมยเล็กน้อย
แก้วกานดายิ้มจางๆ ให้เขาและยืนอยู่ข้างๆ เขา
เธอเหลือบมองเขาและรู้สึกว่าเขาดูเปลี่ยนไปเล็กน้อยในวันนี้ เธอไม่รู้ว่าอะไรกันแน่ที่ต่างไปจากเดิม
เธอมองเขาจากหางตา ปรากฏว่าวันนี้เขาสวมแว่นกรอบสีทองทำให้เขาดูสงบและยับยั้งชั่งใจมากขึ้น
แก้วกานดาถอนหายใจอย่างเงียบ ๆ ในใจ อีกแล้วที่ผู้ชายคนนี้พูดเพียงน้อยคำเมื่อเจอเธอในวันนี้ ปกติเขาก็เป็นคนพูดน้อย เธอไม่รู้ว่าต้องทำอะไร เธออยากจะลดช่องว่างระหว่างพวกเขา
ตอนนี้เธอรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงที่น่าตกใจของเขาแล้ว เธอไม่รู้ว่าจะเข้าหาเขาอย่างไร
ขณะที่เธอกำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ จู่ๆ กรก็ยื่นมือออกมาหาเธอ แต่เธอก็ก้าวถอยหลังเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัวเพื่อรักษาระยะห่างจากเขา
“ผมจะถือของให้คุณ” เขาพูดอย่างสงบ เขาไม่ได้โกรธแม้ว่าเธอจะรักษาระยะห่างของตัวเอง เขากลับหยิบถุงในมือขึ้นมาแทน
แก้วกานดารู้สึกว่าใบหน้าของเธอร้อนผ่าว เขาแค่อยากจะช่วยเธอถือถุง แต่เธอกำลังคิดมากเกินไป
เธอมองลงไปยังแขนที่แข็งแรงของกรซึ่งถือถุงใบใหญ่อย่างง่ายดาย ความรู้สึกอบอุ่นโจมตีหัวใจของเธอ
เธอคิดในแง่ดีว่า "ถึงแม้จะไม่มีความรัก แม้ว่าเขาจะเป็นเจ้านายที่บริษัท ตราบใดที่พวกเขาสองคนสามารถอุทิศตนเพื่อจัดการชีวิตแต่งงานนี้ได้ มันก็คงจะไม่เป็นไร"
ทั้งสองเข้าไปในลิฟต์ และไม่มีใครพูดอะไรระหว่างขึ้นลิฟต์
หลังจากกลับถึงบ้าน กรวางของในครัวแล้วพูดเบาๆ ว่า “ผมทำอาหารไม่เป็น คืนนี้ผมคงจะต้องรบกวนคุณ”
“คุณทำงานของคุณไปเถอะค่ะ ปล่อยให้ทำอาหารเป็นหน้าที่ของฉันเอง” แก้วกานดาเก็บกระเป๋า ถอดเสื้อคลุมออก และสวมผ้ากันเปื้อน
“ขอบคุณครับ” เขาพูดเบาๆ
“คุณก็สุภาพเกินไป” คาเรนฝืนยิ้ม ซึ่งรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
พวกเขาเป็นสามีภรรยากันแล้ว แต่วิธีที่พวกเขาอยู่ด้วยกันกลับรู้สึกเหมือนเป็นคนแปลกหน้าสองคน
เธอรู้สึกว่าการที่ภรรยาทำอาหารให้สามีเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล แต่วิธีการพูดของเขาทำให้เกิดระยะห่างระหว่างทั้งสอง
เธอคิดว่าแม้ว่าการแต่งงานของพวกเขาจะไม่ได้เกิดจากความรัก แต่ปฏิสัมพันธ์ของพวกเขาก็ไม่ควรห่างกันมากนัก
เธอไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับมันอีกต่อไป เธอหันกลับมาและเดินไปที่ห้องครัว เธอรีบล้างข้าวและใส่ลงในหม้อ แล้วเธอก็แยกผักล้างให้สะอาด...
ผ่านไปครู่หนึ่ง จากหางตาของแก้วกานดา เธอเห็นร่างสูงยืนอยู่ที่ประตูห้องครัว เธอหันกลับมาถาม “มีอะไรเหรอคะ?”
“ถ้าคุณต้องการความช่วยเหลือ บอกผมนะ” กรยืนแข็ง น้ำเสียงของเขายังคงสงบ แต่ก็ฟังดูเป็นกังวลเล็กน้อย
“รอเดี๋ยวนะคะ ใกล้เสร็จแล้ว!” แก้วกานดาโผล่หัวออกมาและมองดูนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังในห้องนั่งเล่น ตอนนี้เป็นเวลาทุ่มครึ่งแล้ว และเขาอาจหิวโซ
เธอคิดในใจว่า “พรุ่งนี้ฉันต้องรีบกลับหลังเลิกงาน ฉันควรจะทำอาหารให้เร็วกว่านี้ เพื่อที่เขาจะได้กินทันทีเมื่อเขากลับมาบ้าน”
ไม่ว่ากรจะเป็นใคร การแต่งงานครั้งนี้เธอเลือกเอง เธอต้องพยายามทำให้ดีที่สุด