ตอนที่ 1
หวนคืนสู่ร่างที่แท้จริง
ร่างโทรมเหงื่อบนที่นอนขนาดคิงไซส์ดีดตัวลุกขึ้นมานั่งเหนื่อยหอบ ก่อนจะยกมือลูบใบหน้าราวกับจะไล่ภาพในความฝันเมื่อครู่ออกไปให้พ้นหัว เธอไม่อาจบรรยายความรู้สึกออกมาได้ ด้วยความฝันนั้นช่างดูเหมือนจริงจนน่าแปลกใจ สถานที่นั้นดูแปลกตาคล้ายกับยุคสมัยจีนโบราณ ทว่าสถานที่เหล่านั้นกลับทำให้เธอรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด ในขณะเดียวกันเธอก็รู้สึกเจ็บปวดทรมานจนแทบทนไม่ไหว... แต่เธอก็หาคำตอบให้กับตัวเธอเองไม่ได้
เนตรนภาสลัดผ้าห่มออกให้พ้นตัวก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง เธอไม่อาจข่มตานอนหลับได้อีกต่อไป ภาพในความฝันยังคงติดตาจนไม่อาจสลัดให้หลุดได้ เหมือนกับว่าเหตุการณ์เหล่านี้เคยเกิดขึ้นมาก่อน ยิ่งผู้หญิงที่เหมือนเธออย่างกับพิมพ์เดียวกันคนนั้น...
เธอฝันประหลาดติดต่อกันมาหลายคืนแล้ว ฝันที่เหมือนจริง คล้ายกับเธอเป็นคนคนนั้นเสียเอง เรื่องราวต่าง ๆ ที่ถูกถ่ายทอดในความฝัน จนเธอเริ่มจะเรียบเรียงเรื่องราวได้เกือบทั้งหมด ทำไมถึงฝันได้เป็นตุเป็นตะขนาดนี้นะ...
เฮ้อ!!!!
ยิ่งคิดยิ่งไม่เข้าใจ เธอคนนั้นต้องการอะไรจากเธอกันแน่ เนตรนภาจะไม่สนใจเลย ถ้าเธอไม่ได้ฝันติดต่อกันขนาดนี้
ถ้าจะบอกว่าเป็นความฝัน แล้วทำไมถึงได้รู้สึกเจ็บปวดมากมายขนาดนี้
เธอพยายามขับไล่ความคิดทุกอย่างออกจากหัวและเหลือบดูนาฬิกาที่อยู่มุมหนึ่งของห้อง
“ตีห้าครึ่งแล้วเหรอ” เธอพึมพำเบา ๆ ก่อนจะหยิบผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำเพื่อทำกิจธุระส่วนตัวให้เสร็จ...
ภายในความมืดมิด หากสังเกตดี ๆ จะเห็นว่ามีแสงดาวส่องสว่างจ้าก่อนที่จะหายไปพร้อมกับการปรากฏตัวของชายชราผมขาวตนหนึ่ง
“ในที่สุดข้าก็เจอเจ้าเสียที เยว่มี่ฮวา” ร่างชราพึมพำเบา ๆ ก่อนที่จะหายไปพร้อมกับแสงสว่างวูบหนึ่ง
รุ่งเช้าวันนั้นเธอรีบออกจากบ้านแต่เช้ากว่าทุกวัน เพื่อไปสะสางงานที่ทำค้างคาไว้ที่บริษัทที่เธอทำงานอยู่ เนตรนภาคือชื่อของเธอ เธอเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกพ่อแม่ทิ้งไว้ข้างถนน โชคดีที่มีคนมาพบเข้าจึงส่งเธอให้กับสถานีเลี้ยงเด็กกำพร้า เนตรนภาเติบโตขึ้นเป็นสาวที่ไม่ได้มีความสะสวยเลยสักนิด แต่เธอก็ฝ่าฟันจนกระทั่งตัวเองเรียนจบ และเข้าทำงานในบริษัทเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ชีวิตของเธอไม่มีอะไรพิเศษมากนัก ทำงาน เลิกงาน กลับบ้าน นอน วงจรชีวิตของเธอก็วนเวียนอยู่เพียงเท่านี้ ถ้าวันไหนว่าง ๆ เธอก็จะออกไปฝึกยิงปืน ขี่ม้า และศิลปะป้องกันตัวเป็นประจำ แต่เมื่อหลายเดือนก่อน ไม่รู้อะไรดลใจให้หญิงสาวเข้าไปในร้านหนังสือแห่งหนึ่ง มือเรียวเลื่อนนิ้วเลือกหนังสืออยู่สักพัก จนไปสะดุดที่หนังสือนิยายจีนเล่มหนึ่งซึ่งเหลืออยู่เพียงเล่มเดียว เมื่อหยิบพลิกขึ้นมาอ่านดูเนื้อหาด้านใน เธอจึงรู้ว่าเป็นนิยายแนวจีน แต่ไหนแต่ไรเธอก็ไม่เคยชอบอ่านนิยายแนวนี้อยู่แล้ว แต่ไม่รู้เพราะอะไร เธอถึงได้รู้สึกคุ้นเคยมันราวกับว่าเป็นเรื่องของตัวเอง ที่น่าแปลกก็คือ ยิ่งอ่านเธอก็ยิ่งรู้สึกเจ็บปวดไปพร้อม ๆ กับมัน
และในขณะที่เธอตกอยู่ในห้วงความคิด หญิงสาวไม่รู้สักนิดเลยว่ามีรถเก๋งคันสีดำวิ่งตรงมาทางเธอด้วยความเร็วสูง ก่อนที่จะเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ความรู้สึกสุดท้ายของเธอคือความเจ็บปวด ก่อนที่สติของเธอจะดับวูบลง ไม่รู้สึกอะไรอีกต่อไป
หญิงสาวรู้สึกปวดร้าวไปทั่วทั้งร่างกาย นี่เธอเป็นอะไรไป จำได้ว่าขณะที่เดินข้ามถนนตามปกติ อยู่ ๆ ก็มีรถเก๋งคันสีดำวิ่งฝ่าไฟแดงมา จากนั้นทุกอย่างที่อยู่รอบตัวเธอก็ดับวูบลง เธอรู้สึกตัวอีกทีก็ไม่รู้แล้วว่าที่นี่คือที่ไหน ทำไมถึงดูสว่างจนมองไม่เห็นอะไรเลยอย่างนี้
หรือว่าเธอตายแล้ว... แล้วที่นี่คือที่ไหน สวรรค์หรือนรก...
หญิงสาวพึมพำในใจ ก่อนจะได้ยินเสียงทรงอำนาจที่ดังขึ้นพร้อม ๆ กับการปรากฏตัวของชายชราที่ไว้ผมยาวสีขาวจนถึงกลางหลัง เขาใส่ชุดประหลาดคล้ายกับชุดชาวจีนย้อนยุค
“ใช่ เจ้าตายแล้ว อายุขัยของเจ้าในภพนั้นหมดลงแล้ว”
“หมายความว่ายังไงคะ คุณตา หนูเพิ่งจะอายุยี่สิบต้น ๆ เองนะคะ”
“ถึงเวลาที่เจ้าต้องกลับสู่ร่างที่แท้จริงของเจ้าแล้ว มี่ฮวา”
“คุณตาเข้าใจผิดแล้วค่ะ หนูไม่ใช่มี่ฮวา” หญิงสาวเอ่ยทั้ง ๆ ที่ยังมึนงงอยู่
เนตรนภาเอ่ยถามด้วยความสงสัย ชายชราไม่ตอบ แต่เลือกที่จะปล่อยพลังบางอย่างเข้าสู่ตัวเธอแทน หญิงสาวทรุดฮวบนั่งลงกับพื้นอย่างหมดแรง ภาพความทรงเก่า ๆ ที่ถูกเก็บซ่อนไว้ไหลเข้าสู่ความทรงจำของเธอ ความทรงจำในอดีตตั้งแต่ที่เธอเกิดจนถึงวันที่เธอตายในชาติภพที่แล้วย้อนกลับเข้ามา น้ำตาของเธอไหลลงมาอย่างเจ็บแค้นใจ ใช่!! เธอจำได้แล้ว เธอคือ ‘เยว่มี่ฮวา’ ฮองเฮาแห่งแคว้นต้าจู พระสวามีของเธอคือฮ่องเต้หยางหลินเฟย
“ท่านตา ได้โปรด ข้าไม่อยากกลับไปที่นั่น ท่านตาอย่าส่งข้ากลับไปที่นั่นเลย ข้าข้อร้อง” หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือพร้อมกับคุกเข่าขอร้องชายชราตรงหน้าอย่างน่าสงสาร
“ข้าทำเช่นนั้นไม่ได้ ข้าเป็นถึงเง็กเซียน จะทำตามใจตนได้อย่างไร และคำอธิษฐานของเจ้าก่อนตายก็แรงเสียจนฟ้าดินต้องเป็นพยาน ข้าจึงทำได้แค่เก็บรักษาร่างของเจ้าไว้ไม่ให้สลายไป นี่ก็ถึงเวลาที่เจ้าจะต้องกลับไปแล้ว เรื่องราวต่อจากนี้ก็ขึ้นอยู่ที่เจ้าว่าจะทำเช่นไร ข้ามิอาจบอกได้ ไปได้แล้ว”
เพียงชายชราผมขาวโบกมือเพียงนิดเดียว ดวงวิญญาณของเธอก็ลอยละลิ่วเข้าสู่ความมืดอีกครั้ง