...รักนี้...อยู่ในใจ… บทที่3.

1543 Words
“ผู้หญิงโง่ๆ อย่างธาร แอบชอบคุณได้ยังไงนะ” ผมหูผึ่ง ยกแก้วบรั่นดีค้างในอากาศ ผมฟังไม่ผิดนะ แม่นั่นเพิ่งสารภาพรักกับผมใช่ไหม ผมพยายามวางหน้าเฉยที่สุด รอเวลาให้บรูโน่ไปไกลสักนิด ผมเดินไปชะโงกหน้ามองด้านล่าง หลังได้ยินเสียงเครื่องยนต์ แสงไฟหน้ารถสาดไปที่ท้องถนน ผมกลั้นใจรอแทบหมดลมเลยทีเดียว ทันทีที่แสงไฟนั่น ค่อยๆ เลือนหายไปจากสายตา “พูดอีกทีสิ เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะยัยบ๊อง” ผมก้มลงถามหล่อนเสียงกระซิบ “หือ...” หล่อนพยายามยกศีรษะขึ้น ผมจิปาก สอดมือช้อนใต้ท้ายทอยหล่อน ให้วงหน้าเล็กๆ นั่นมองสบตาผม หล่อนปรือตามองผม มือเรียวเล็กยื่นมาแตะที่ปลายจมูกผมและค่อยๆ ลากลงไปตามสันจมูกช้าๆ “ฝันแน่ๆ ธารไม่มีทางได้มองหน้าคุณในระยะใกล้แบบนี้อยู่แล้ว” หล่อนพึมพำด้วยเสียงหงุงหงิงและยิ้มบ่อยเกินไปแล้ว ผมจับมือหล่อนไว้ โน้มตัวเข้าไปใกล้อีกหน่อย “ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ” ผมอารมณ์ดีอะไรนะ ผมถึงได้สนุกที่ได้หยอกเย้าหล่อนแบบนี้ ผมควรรำคาญหล่อนสิ ผมคิดมาตลอดว่าผู้หญิงคนนี้สกปรกนี่นะ ตัวหล่อนมีแต่กลิ่นคาว เท่าที่จำได้ ผมอนุโลมให้เพราะวันนี้ ผมไม่ได้กลิ่นน่ารังเกียจนั่นจากตัวของหล่อน ผู้หญิงคนนี้ทำงานทุกอย่างที่ได้เงิน ไม่เคยสวมเสื้อผ้าดีๆ ผมแน่ใจว่าหล่อนมีเสื้อผ้าไม่กี่ชิ้น หล่อนสวมประจำจนผมจำได้ “คุณเกลียดธาร” เธอตอบผมเสียงแผ่ว หางเสียงสั่นจนผมจับกระแสความเสียใจที่แฝงอยู่ในคำตอบนั่นได้ “ไม่นะ” ผมตอบทันควัน แล้วก็รีบเม้มปากตนเอง “ไม่ต้องปลอบใจธารหรอกค่ะ ธารรู้ ธารพยายามอยู่ให้ห่างคุณเอง” ความเศร้าในกระแสเสียงทำให้ผมสะท้อนใจ ผมทำอะไรลงไปนะ ผมทำให้คนคนหนึ่งรู้สึกต่ำต้อยเพราะผมได้ยังไง “อย่ารู้ดีน่า” ผมเผลอตวาดเพียงเพราะรู้สึกขัดใจที่คนตรงหน้ายอมถอยทั้งที่ยังไม่รู้ผลลัพธ์อะไรจากผมเลย “ธารเปล่า ธารแค่ไม่อยากปวดใจ” เธอตอบพร้อมกับเปลือกตาที่หลุบลง ผมเลยมีโอกาสได้เห็นครั้งแรก ขนตาเธอยาวและงอนจนผมนึกอยากสัมผัส ผมของเธอก็นุ่มนิ่ม แถมมีกลิ่นหอมมากเสียด้วย หากตัดเรื่องกลิ่นที่ผมเคยได้กลิ่นจากตัวเธอก่อนหน้านี้ก็พอรับได้เชียวแหละ “เธอชอบฉันหรือไงยัยบ๊อง?” ผมถามซ้ำ เธอปรือเปลือกตาขึ้นมองผม ยิ้มจนตาหยี “ค่ะ ธารชอบคุณมาก มากจนธารอยากเก็บคุณไว้ในนี้แค่คนเดียว” มือเล็กๆ ตบอกข้างซ้ายดังปุๆ “ฉันตัวใหญ่นะ เธอซ่อนฉันไว้ได้ไม่หมดทั้งตัวหรอก” ไม่เคยคิดเหมือนกันเวลาที่คนปากแข็งยอมเผยความในใจจะน่าฟังได้เท่านี้ “เพราะธารทำไม่ได้ไงคะ คุณเลยหว่านเสน่ห์ไปทั่ว” เสียงเธอแง่งอน เหมือนกำลังหึงหรือหวงผมสุดจิต “เธอไม่ชอบเหรอไง” เธอปรือตามองหน้าผม พร้อมกับยกนิ้วชี้หน้าผม “คนเจ้าชู้ ธารชอบคุณได้ไงก็ไม่รู้” เธอต่อว่าผมเสียงหงุงหงิงผมกลับไม่รู้สึกไม่พอใจ แม้คำพูดของเธอจะต่อว่าผมก็ตาม “เธออยากให้ฉันชอบเธอไหมล่ะ” ผมถามกลับ “ไม่ค่ะ ธารรู้ตัวดี ธารไม่คู่ควรกับคุณหรอก” ผมไม่เข้าใจสักนิด เธอแอบชอบผม แต่กลับไม่ต้องการครอบครอง แบบนั้นผมจะรู้ได้ยังไงล่ะ “ทำไมล่ะ” ผมอดที่จะถามเธอไม่ได้ “ธารจนนี่คะ ธารไม่มีอะไรคู่ควรกับคุณเลย” หากเป็นเมื่อก่อนผมคงยิ้มสมเพชเธอแหละ แต่เพราะมันไม่ใช่เมื่อวันก่อนไง วันนี้ผู้หญิงคนนี้อยู่ตรงหน้าผม และความรู้สึกชิงชังในใจของผมกลับไม่เหมือนเดิม “ถ้าเธอเลิกทำตัวเห่ยๆ บางทีฉันอาจจะสนใจเธอก็ได้นะ” ผมยอมให้ได้เท่านี้แหละ มากกว่านี้คนรอบตัวผมจะแปลกใจเปล่าๆ “ไม่ต้องมาปลอบใจธารหรอกค่ะ ธารรู้ตัวดี ธารไม่สวยเหมือนผู้หญิงที่คุณควงหรอก” นั่น เปิดโอกาสให้ขนาดนี้หล่อนก็ไม่ยอมสู้ “ฉันไม่ได้ชอบผู้หญิงสวยนะ” ผมพยายามโน้มน้าว “ธารง่วงจังคะ หากธารตื่น ธารคงไม่ได้มองคุณใกล้ๆ แบบนี้อีก” ผมอดไม่ได้ที่จะยิ้ม ผมนั่งอยู่ตรงหน้าเธอ และกำลังคุยกับเธอโดยไม่ได้แขวะอะไรเธอครั้งแรก เธอกลับเข้าใจว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นแค่...ความฝัน คงเป็นเพราะครั้งนี้เธอไม่ได้มีกลิ่นที่น่ารังเกียจมั้ง เปลือกตาเธอปรือ ทำท่าจะหลับ “เห้...เธอนอนตรงนี้ไม่ได้นะ” ยิ่งดึกอากาศยิ่งหนาว ผมไม่ใช่คนใจดีหรอก แต่การปล่อยให้เธอนอนตากน้ำค้างอยู่ตรงนี้จนกว่าบรูโน่จะกลับมามันก็ดูเป็นการไร้น้ำใจเกินไปสักหน่อย “อือ...” เธอคราง แล้วก็ขดตัวทำท่าจะนอนโดยไม่ยี่หระอากาศ ผมถอนใจแรงๆ พยายามไม่คิดอกุศลทั้งที่ความจริงผมเริ่มรู้สึกหน่อยๆ ผมนั่งมองเธอในระยะที่ใกล้กว่าทุกครั้ง ผิวเธอสวยนวลเนียน ผิดกับผิวผู้หญิงต่างชาติที่ผมเคยนอนด้วย นั่นเป็นข้อดีข้อเดียวของเธอมั้งที่ทำให้ผมเริ่มสนใจเธอ ผมไล่สายตาลงต่ำๆ ลงไปเรื่อยๆ พยายามไม่คิดลึก แต่อดใจไม่ได้จริงๆ เลือดในตัวผมเริ่มอุ่นขึ้นนิดหน่อย ลมหายใจที่พ่นออกมาจากช่องจมูกก็เริ่มร้อนนิดๆ ผมขยับตัวระบายความอึดอัด เมื่อสายตาสะดุดที่โค้งสะโพกใต้กางเกงผ้ายืดเนื้อหนา ผู้หญิงตรงหน้าซ่อนทุกสิ่งที่ควรมีไว้ใต้เสื้อผ้าตัวใหญ่ ทั้งที่ความจริงแล้วเธอมีทรวดทรงยวนตาไม่แพ้ผู้หญิงคนไหนเลย ผมเม้มปากคิดทบทวนพักใหญ่ทีเดียว ไม่เคยมีความคิดแบบนี้ในหัวมาก่อน ผมไม่เคยสิ้นคิดถึงขั้นต้องทำแบบนี้เลยนะ คืนวันพระจันทร์แสนหวาน กว่าจะแบกคนไม่มีสติมาถึงห้องของหล่อนได้ก็ทุลักทุเลไม่น้อย ผมคิดง่ายๆ แค่เปลือกนอก หล่อนผอมและตัวเล็กคงไม่หนักเท่าไหร่ พอถึงเวลาจริงๆ ทุกอย่างที่มองด้วยตาเปล่า ล้วนแต่ลวงตาทั้งสิ้น ผิวของหล่อนนุ่มนิ่ม รูปร่างกลมกลึงอวบอัดไปทั้งตัว แถมน้ำหนักมากกว่าที่คิดไว้หลายเท่า “หลอกตาชัดๆ” ผมบ่นแล้วก็โยนหล่อนไว้บนเที่นอนเก่าๆ ที่มีชิ้นเดียวในห้องที่เต็มไปด้วยกลิ่นอับ “อืม...” หล่อนคราง แถมยังทรงตัวนั่ง ทำท่าจะถอดเสื้อตัวที่หล่อนสวมอยู่เสียด้วย “จะ จะทำอะไร” ตัวผมร้อนวาบ ไอเหงื่อผุดเต็มหน้าผาก “ร้อนค่ะ ธารขอถอดเสื้อนะคะ” มือสั่นระริกชื้นไปด้วยไอเหงื่อยกขึ้นปาดเหงื่อเหนือหน้าผาก มองเสื้อตัวใหญ่ที่ถูกรูดออกไปทางศีรษะตาปรอย เสื้อตัวใหญ่ผ้ายืดนั่นผ่านลำคอและลาดไหล่ เหงื่อเม็ดเล็กๆ แข่งกันผุดซึมขึ้นที่เนินหน้าผากของผม เพียงแค่ชุดที่ร่นขึ้นผ่านเลยเนินทรวงอวบอิ่มขึ้นไป ผมกลืนน้ำลายถี่ๆ ลูกกระเดือกวิ่งพล่านเพราะกลั้นลมหายใจแถมน้ำลายเหนียวหนืดยังไหลจ่ออยู่ที่คอหอย เนินอวบตรงหน้าขาวอวบอิ่มจนตาพร่า ไม่ใช่เพราะความอวบอิ่มเท่านั้นหรอกที่สร้างปฏิกิริยาสุดมหัศจรรย์ให้เกิดขึ้น ชุดชั้นในนั่นผ่านการใช้งานมานานจนเนื้อผ้าโปร่งบาง ปลายจะงอยถันสีระเรื่อชูชันแทบทะลุกรวยผ้าบางๆ นั่นชวนให้ดูดดื่มจนผมต้องรีบปรามตัวเองในใจ ผมไม่ใช่หนุ่มนักรักที่ริอ่านขึ้นสังเวียนครั้งแรกเมื่อไหร่ล่ะ สมรภูมิสวาทผมผ่านมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่มีครั้งไหนที่ทำให้ผมตื่นเต้นเท่าครั้งนี้เลยจริงๆ ผมตัดสินใจหลุบเปลือกตาลงปิดภาพเย้ายวนที่ชวนให้เลือดกำเดากระฉูด ผมกลั้นใจรอเวลาที่แสนทรมานนี่จะสิ้นสุดลง...แต่ผมก็อดไม่ได้ที่จะหรี่เปลือกตาขึ้นมอง “หึ!!” หล่อนถอดเสื้อเสร็จแล้ว แถมยังนอนแผ่อล่างฉ่างอยู่ตรงหน้า กลางที่นอนเก่าๆ และมีแต่กลิ่นอับอยู่รอบตัว ผมจิปาก พยายามไม่มองเนินหน้าท้องราบเรียบกับโค้งสามเหลี่ยมนูนเด่นกึ่งกลางหน้าขา สติของผมกระจัดกระจาย และแล้ว...ผมก็ตัดสินใจทำสิ่งที่ตรงข้ามกับความคิด...ผมควรไปจากที่นี่ รีบไปเสียก่อนที่จะสายเกินแก้ ผมโถมเข้าใส่หล่อน พร้อมกับตะโกนดังอื้ออึงในใจ พอกันที!! ผมไม่ควรเสียเวลากับเรื่องงี่เง่าพรรค์นี้อีกแล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD