ตึกรามบ้านช่องตั้งตระหง่านตามสองข้างทางของถนน มองไปทางไหนก็มีแต่ตึกและรถรา ที่นี่ยังคงเป็นกรุงเทพมหานครเพียงแต่อยู่ย่านคนรวย ช่วงสายของวันแดดไม่ค่อยแรงมากเท่าไหร่ เด็กหนุ่มตัวเล็กเดินมาจนถึงซุปเปอร์มาร์เก็ตที่ใกล้ที่สุดหน้าโครงการ มีรถแต่ขับไม่เป็น เดินเอาก็ไม่ได้ลำบากขนาดนั้น ปกติเขาก็เดินบ่อยอยู่แล้ว แต่เด็กคนนี้นี่สิเหมือนจะไม่ค่อยได้เดิน แทบจะเป็นลมกว่าจะมาถึง
//ติ๊ง//
“คุณลูกค้าเชิญค่ะ”
รินพยักหน้าให้พนักงานที่เดินสวนมาพอดีจึงเปิดประตูให้เขา หยิบตะกร้าใบหนึ่งถือเอาไว้ตรงดิ่งไปยังโซนอาหารเป็นที่แรก ข้าวของมีให้เลือกเยอะจนตาลาย ทั้งยังมีราคาแพงมากอีกด้วย อะโวคาโดลูกละร้อยกว่าบาทเขาพึ่งเคยเห็น แน่นอนว่าคนอื่นอาจจะคิดว่าไม่แพง แต่สำหรับคีรินที่มาจากบ้านเด็กกำพร้าเขาพึ่งเคยเห็นจริง ๆ
มือบางเลือกหยิบผักสามสี่ชนิดและเนื้อสัตว์ เครื่องปรุงที่ต้องใช้ พริกแกงเผ็ด พริกแกงเขียวหวาน กะทิ ไข่ไก่ ส่วนอุปกรณ์เครื่องครัวนั้นมีอยู่แล้วที่คอนโดไม่ต้องซื้อ เดินดูของใช้ต่ออีกครึ่งชั่วโมงก็ไปที่เคาน์เตอร์คิดเงิน บัตรเครดิตวงเงินเกือบล้านถูกยื่นให้พนักงานมือสั่น คีรินกลัวมันเสียหายหรือถูกขโมย
พนักงานสาวรับไปใบหน้ายิ้มแย้มทำงานของเธอต่อโดยมีเจ้าของบัตรยืนดูอยู่ รูดของเต็มตะกร้ายังไงก็เหลือแน่นอน แม้จะสงสัยว่าทำไมเปย์หนักขนาดนี้แต่ช่างเถอะ คนรวยไม่ได้คิดว่ามันเยอะมั้ง
หลังซื้อของเสร็จเขาเลือกแวะกินข้าวร้านข้างทางก่อนเพราะหิวมาก ถ้าทำเองคงต้องรออีกเป็นชั่วโมง ร่างบางเลือกร้านที่คนไม่เยอะไม่น้อยจนเกินไป นั่งลงพี่ชายก็เอาน้ำมาเสิร์ฟพร้อมคุณป้าเดินมารอจดอาหาร
“เอากระเพราหมูกรอบจานนึงครับ” คิดอะไรไม่ออกเอากระเพราไว้ก่อน
“ได้เลยสุดหล่อ” เจ้าของร้านยิ้มรับก่อนจะเดินไปทำอาหารให้ลูกค้าต่อ เดินผ่านดวงตาวาววับของเด็กหนุ่มโต๊ะนี้ไปด้วยความขบขัน หลายครั้งเธอพบเจอลูกค้าแบบนี้เวลาสั่งหมูกรอบ แต่หากวันไหนหมูกรอบหมดจากสายตาสดใสจะกลายเป็นสายตาหมองหม่นอมทุกข์ทันที
เป็นอย่างที่คุณป้าคิด เขาดีใจจริง ๆ ที่ยังมีหมูกรอบอยู่ ปกติตอนเที่ยงหน้าบริษัทลูกค้าเยอะ บางวันจัดการงานเสร็จช้าก็ไปไม่ทัน ตอนนี้ร่างบางจึงดูมีความสุขมากเป็นพิเศษ
มีหมูกรอบ เท่ากับว่าวันนี้เป็นวันที่ดีแน่นอน
ระหว่างรออาหารก็หยิบมือถือมาเล่น โลกใบเดิมไม่ค่อยมีสิ่งใดให้ตกใจมากเท่าการเข้ามาอยู่ร่างคนอื่นอีกแล้ว กดเช็คดูโซเชี่ยลของเด็กคนนี้ว่าเป็นยังไง แม้กระทั่งรูปครอบครัวเขาก็กดดู
คีรินคนนี้พึ่งเรียนจบคณะบริหารธุรกิจ การจัดการมา ยังไม่ทันได้ทำงานก็มาเป็นเด็กตัวร้ายแล้วเพราะแอบชอบมานาน ดูจากในมือถือมีแต่รูปตาขุนเขาแล้วอะนะ คงจะชอบมากจริง ๆ
“เพื่อนไม่ค่อยมีหรอคนนี้” เขากดดูรูปหรือช่องสนทนาแต่ละที่ก็ไม่ค่อยเจอ ไม่ได้อยากเสียมารยาทแต่ตอนนี้เขาอยู่ในร่างคีรินแล้วก็ต้องตรวจสอบข้อมูลเอาไว้ว่าอีกฝ่ายมีมิตรสหายหรือศัตรูที่ไหนหรือเปล่าจะได้หลีกเลี่ยงได้ทัน
แต่เท่าที่ดูก็แทบไม่มีเลย เหมือนเด็กคิดบวกพ่อแม่ตกตายไปแล้วเหลือเจ้าตัวกับลุงป้านักธุรกิจช่วยดูแล ทั้งสองดีต่ออีกฝ่ายมากแต่คีรินก็รู้สึกอึดอัดขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อโตขึ้น
ด้วยเพราะทั้งสองมีทัศนคติไม่ค่อยดีต่อเพศที่สามเด็กน้อยวัยยี่สิบจึงเริ่มทำงานหาเงินเองจนถึงตอนนี้ เงินที่ลุงป้าโอนมาแทบไม่แตะต้อง แต่ที่มาอยู่จุดนี้อาจเพราะชอบขุนเขาจริง ๆ ร้อยเปอร์เซ็นต์
ดูไปได้ไม่นานข้าวก็เสร็จ มือเรียวกดปิดมือถือแล้วสนใจกับอาหารตรงหน้า ตอนนี้ใกล้จะเที่ยงแล้วพึ่งมีอาหารตกถึงท้อง กินไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมงในที่สุดเขาก็ยกมือสั่งกระเพราหมูกรอบกับป้าอีกจานเพราะไม่อิ่ม ได้แต่เอ่ยขอโทษขอโพยคีรินเจ้าของร่างอยู่ในใจที่กินเยอะขนาดนี้ สัญญาว่าจะออกกำลังกายบ่อย ๆ
กินข้าวเสร็จก็เดินกลับคอนโด การใช้ชีวิตรอเงินสามล้านของคีรินเรียบง่ายและปกติสุข ของสดถูกเก็บใส่ตู้เย็นเอาไว้ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปซื้อมาหลายห่อเผื่อหิวตอนดึก กุ้ง หมูสัก ผักก็มี การมีเงินมาก ๆ นี่มันดีจริง ๆ
ระหว่างเก็บของทีวีก็ถูกกดเปิดไปด้วยขณะกำลังเตรียมตัวทำอาหาร ตอนนี้ก็บ่ายกว่า ๆ แล้ว มื้อเย็นนึกอยากกินข้าวสวยร้อน ๆ กับแกงเขียวหวานหมูสักจานจึงเริ่มทำอาหารตั้งแต่ตอนนี้
ข่าวในทีวีกำลังรายงานเรื่องซุบซิบดาราที่กำลังเป็นกระแสตอนนี้ หนีไม่พ้นนายเอกของเรื่อง จำได้ว่านายเอกดังเป็นพลุแตกขึ้นมาตั้งแต่รายการวาไรตี้จบ ร่างบางรีบเดินไปดูหน้าอีกฝ่ายด้วยความอยากรู้อยากเห็น ไม่นานก็ได้พบอย่างที่ต้องการ นายเอกของนิยายเรื่องนี้ชื่อเอวา เป็นผู้ชายตัวเล็ก ๆ หน้าตาน่ารัก แต่กลับทำให้เขานิ่งไปชั่วขณะ ดวงตาฉายแววสับสนขึ้นอย่างไม่ปิดบัง
“เดี๋ยว เด็กคนนี้เราเคยเห็นเมื่อสามปีก่อนยังไม่โตขนาดนี้นี่นา” ทุกอย่างเหมือนกำลังเล่นตลกกับเขาอยู่ คีรินรีบมือถือถูกหยิบขึ้นมาเปิดดูปฏิทิน ก่อนจะจ้องมือถือตาแทบถลนออกมาด้วยความตกใจ ผ่านมาสามปี แสดงว่าเราป่วยมาสามปีก่อนจะตายหรอ เด็กคนนี้อายุ 22 ปี เราอายุ 25 ตายจริง ๆ ตอนอายุ28 ห่างกันหกปี
คราแรกคิดว่าเขาหลับไปแล้วเสียชีวิตทันที วันต่อมาก็มาอยู่ที่นี่ แต่กลับไม่ใช่ คีรินหลับไป แต่ตายหลังจากสามปีต่อมา ก่อนจะเข้ามาอยู่ในร่างคีรินคนนี้ ทุกคนคือคนตัวจริงมีชีวิตจริงตั้งแต่เมื่อเขามีชีวิตอยู่ ไอ้ผิงมันแต่งนิยายจากโลกอนาคตหรือยังไงกัน ปวดหัว บอกได้คำเดียวว่าปวดหัว
“ผิงอายุ28แล้วไม่รู้จะมีผัวรึยัง” ความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในหัว คีรินหายปวดหัวทันทีที่คิดถึงเรื่องนี้ เอาไว้ถ้าเจอกันที่บ้านเด็กกำพร้าเขาจะแนะนำอีกฝ่ายลองแต่งนิยายที่ตัวละครชื่อผิงเป็นนางเอกของเรื่องเผื่อจะเสกสามีในอนาคตให้ตัวเองได้
ได้เห็นหน้านายเอกจนพอใจและเข้าใจเรื่องราวมากขึ้นก็กลับไปทำอาหารต่อ เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างแต่ช่างมันเถอะ ยังไงตอนนี้ก็ทำอะไรไม่ได้แล้วนอกจากใช้ชีวิตต่อไปเขาจึงไม่อยากคิดถึงให้ปวดหัว
ร่างบางหยิบแก้วออกมาจากชั้นบนนำมาล้างเตรียมเอาไว้สี่ใบเผื่อได้ใช้ จากนั้นก็นำของมาทำอาหารต่อ จริง ๆ เขามีความฝันอยากมีบ้านดี ๆ แบบนี้สักหลัง อยากจัดบ้าน อยากทำความสะอาดบ้านสวย ๆ มีครัวดี ๆ เอาไว้ทำอาหาร แต่หอพักที่อยู่นั้นประตูมีกลอนก็บุญหัวมากแล้ว
ทำอยู่นานแกงเขียวหวานหมูก็เริ่มส่งกลิ่นหอมไปทั่วห้อง มือบางกดปิดเตาก่อนหยิบสเปย์ดับกลิ่นฉีดตามห้อง โซฟาและผ้าม่านเพราะพึ่งนึกได้ ไม่ใช่ความจริงแล้วคู่นอนตัวร้ายถูกเฉดตัวทิ้งเพราะขุนเขาเหม็นกลิ่นแกงเขียวหวานตามโซฟาหรอกนะ
ทำเสร็จก็พักเอาไว้แล้วเข้าไปอาบน้ำ ร่างเปลือยเปล่าหย่อนกายลงแช่ในอ่างอยู่นานอย่างผ่อนคลาย ตอนนี้เริ่มรู้สึกปวดเท้าแล้วเพราะเดินไปซื้อของ ร่างกายของคีรินถูกคีรินคนนี้ทรมานตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่เลย
ออกมาก็หกโมงเย็นแล้วจึงเดินกลับไปที่ครัวเพื่อตักอาหารมากินข้าว คิดเอาไว้ว่ากินข้าวเสร็จค่อยสำรวจสภาพแวดล้อมและที่ทางที่จะหนีไปอยู่ พรุ่งนี้ถ้าไม่มีอะไรต้องทำเขาคิดว่าอยากซื้อของไปบริจาคที่บ้านเด็กกำพร้าสักหน่อยเผื่อจะเจอแม่ครู เด็ก ๆ ก็ ไม่รู้โตขนาดไหนแล้ว
“รินทร์”
“อื้อ” เอวบางถูกสวมกอดไม่ได้ตั้งตัวขณะกำลังตักอาหารอยู่พร้อมเสียงเรียกข้างหู คีรินเบี่ยงตัวหันมองเจ้าของท่อนแขนแกร่งก็พบว่าเป็นตัวร้ายเจ้าของคอนโดนั่นเอง ไม่รู้ว่ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ เสียงเปิดประตูก็ไม่ได้ยินหรือเขาไม่ได้ตั้งใจฟังก็ไม่รู้ ดีที่ไม่เอาทัพพีตีหัวเอา
“วันนี้ออกไปซื้อของหรอ”
“ครับ สั่งอาหารบ่อยก็เลยอยากทำกินเอง” คีรินยิ้มหวานส่งไปให้ จำได้ว่าสามสี่วันไม่ใช่หรอถึงจะได้เจอกันอีก ไม่คิดว่าวันนี้อีกฝ่ายจะมาหาอีกรอบ ขุนเขากระชับกอดสูดดมกลิ่นหอมจากคนในอ้อมแขน ตามองอาหารที่คีรินทร์กำลังตัก ที่ผ่านมาเห็นกินแต่อาหารอิตาเลี่ยนคงจะเบื่อเขาจึงไม่ได้พูดอะไร
ตอนแรกร่างสูงไม่ได้คิดจะมาที่นี่ แต่เพราะทำงานหนักเลยรู้สึกว่าการมีคนอยู่ด้วยอาจจะดีกว่า คีรินทร์เองก็ไม่ได้ทำตัวงี่เง่าหรือรบกวนเขาขนาดนั้น พูดตามตรงคือขุนเขาต้องการเพื่อนร่วมห้องตอนกำลังเครียดกับงาน
“ทำไมไม่ขับรถไป” ร่างสูงเอ่ยถามทั้งไม่ยอมผละออก โอบกอดเอวคอดอยู่แบบนั้นจนตักแกงเขียวหวานใส่ถ้วยเสร็จ ร่างบางเองก็ไม่ได้ผละออกหรือรู้สึกอึดอัดเช่นกันเหมือนถูกกอดจนชิน ในหัวก็พยายามเค้นความทรงจำหาว่าตัวร้ายมีมุมนี้ด้วยหรอ แต่เพราะผิงมันไม่ได้ลงรายละเอียดอะไรไว้เลย อาจจะเพราะอีกฝ่ายเป็นแบบนี้มั้งนายเอกก็เลยเก็บเอาไว้เป็นอีกตัวเลือก เดานะ
“รินขับรถไม่เป็น”
“ลืมไป” ร่างสูงเอ่ยออกมาสั้น ๆ ก่อนเงียบไป
“คุณปล่อยก่อน อื้อ” แก้มเนียนถูกหอมฟอดใหญ่ มือหนาแย่งถ้วยแกงเขียวหวานไปวางไว้เคาน์เตอร์ด้านหลังก่อนจับคนตรงหน้าให้หันมาหาตัวเองเหมือนนึกอยากแกล้ง เด็กคนนี้สูงถึงจมูกเขาเองทำให้รินทร์ต้องเงยหน้าขึ้นเวลาพูดกับเขา นี่เป็นวันแรกที่เขามาที่นี่ก่อนช่วงดึก ไม่ยักรู้ว่าเวลาที่คนน้องหยิบเสื้อยืดเขามาใส่แล้วจะน่ามองมากขนาดนี้
“เรียกเฮียสิ”
“คุณ อื้อ” คราวนี้คีรินตาโตเพราะอีกฝ่ายโน้มใบหน้าลงมาประกบปากจูบก่อนจะผละออก มือก็โอบเอวเขาเอาไว้ ร่างบางทำได้เพียงดันอกอีกฝ่ายพร้อมใบหน้าแดงก่ำ คนไม่เคยมีแฟนมายี่สิบห้าปีวันนี้กลับมีหนุ่มมากอดมาหอมใครจะไม่เขิน ใบหน้าเขินอายก้มงุดถูกมือหนาจับปลายคางดันให้เงยหน้าขึ้นอีกรอบ ก่อนปากหยักจะกดจูบลงมาอีกครั้งแล้วผละออกไม่ได้รุกล้ำไปมากกว่านี้เหมือนต้องการทักทายกันเท่านั้น
ทักทายบ้าอะไรแบบนี้ เขิน
“โอเครครับ ๆ รินเรียกแล้ว เฮียขุน” เหมือนอีกฝ่ายจะก้มลงมาจูบเขาอีกในที่สุดสมองทื่อ ๆ ของคีรินก็หาทางออกให้ตัวเองเจอว่าอีกฝ่ายต้องการสิ่งใด อย่างที่คิด ทันทีที่เขาเรียกว่าเฮียขุน ขุนเขาก็ผละออกจากร่างกายหอมกรุ่นด้วยรอยยิ้มพอใจ หันหลังเดินเข้าไปในห้องพร้อมเสื้อผ้าในกระเป๋าที่จะเอามาเก็บไว้ที่นี่และงานบางส่วน ท่ามกลางความสับสนของคีรินที่มองตามหลังไปจนประตูปิดลง
เสี่ยขุนสายเปย์ล้มหัวฟาดพื้นมาหรือเปล่า
หรือเราจำชื่อตัวร้ายกับพระเอกผิด ก็ไม่นี่
19:00
ร่างสูงเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดนอนราคาแพง มือพลางติดกระดุมเสื้อปิดลอนกล้ามสวยที่โผล่ออกมาให้เห็นขณะเดินไปที่ประตู มองผ่านช่องเล็ก ๆ ออกไปเห็นคู่นอนกำลังจัดโต๊ะอาหารเงียบ ๆ มุมปากหยักกลับยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
คีรินทร์เป็นคู่นอนคนแรกและคนเดียวที่เขามี เป็นเพื่อนที่คะยั้นคะยอส่งมาให้จะได้เลิกชอบดาราคนนั้นสักที เขาเองก็ไม่รู้ทำไมเพื่อนถึงไม่ชอบหน้าเอวาขนาดนั้น แต่เพราะมีคู่แข่งเป็นคริสเตียนทั้งยังดูเหมือนทั้งสองจะชอบพอกันแล้วด้วย การรับเด็กคนหนึ่งจึงไม่ได้ยากเย็นอีกต่อไป
ตอนแรกเขาไม่ได้รู้สึกดีเท่าไหร่ เขากับคีรินทร์อายุห่างกันสิบกว่าปี ทั้งยังรับเด็กคนนี้เข้ามาเพื่อให้แทนเอวาโดยความคิดของเพื่อนที่หยิบยื่นมาให้ แต่ตอนนี้กลับรู้สึกว่าชีวิตที่มีคีรินทร์อยู่รอบ ๆ ก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น ไม่ได้ปวดหัวเพิ่มขึ้น ทั้งเด็กคนนี้ก็ไม่ได้ยุ่งวุ่นวายกับเขามากอย่างที่กังวล เหมือนคนไม่สนิทกันแต่เข้ามาอาศัยอยู่ที่เดียวกัน บางทีกลับทำให้รู้สึกผ่อนคลายกว่าปกติเสียด้วยซ้ำแม้จะเจอกันสามสี่วันเองก็ตาม
ร่างสูงเดินไปหยิบกระเป๋าเข้าไปเก็บในห้องนอน บนโต๊ะทำงานมีโน้ตบุ๊คเครื่องหนึ่งวางอยู่ก่อนเป็นของคนน้อง เขาจึงวางงานไว้ข้างๆ คิดว่ากินข้าวเสร็จจะมาทำงานต่อ วางของเสร็จก็คว้าเอาไอแพดเดินออกไปด้านนอก
คีรินรอตัวร้ายออกมาก็ไม่เห็นออกมาสักที อาหารทำเสร็จแล้วจึงเดินเข้าไปเรียกอย่างระแวง ขึ้นชื่อว่าตัวร้ายเขาต้องมองแง่ลบเอาไว้ก่อน พอเห็นว่าอีกฝ่ายก็ไม่ได้เหมือนตัวร้ายอย่างที่คิดจึงรู้สึกแปลกใจ ทั้งวันนี้ยังมาที่นี่ด้วย ทว่ายังไม่ทันก้าวขาอีกฝ่ายก็เดินออกมาจากห้องมาพอดิบพอดี
“กินข้าวเลยมั้ยครับ หรือเฮียกินมาแล้ว”
“ยัง” ร่างสูงตอบนิ่งๆ เดินตามคนน้องมาที่โต๊ะกินข้าวตัวใหญ่ ตอนนี้มีข้าวสองจานและกับข้าวหนึ่งอย่าง คีรินรอให้เจ้าของเงินตักข้าวเข้าปากก่อน อีกฝ่ายพยักหน้าบ่งบอกว่ารสชาติไม่ได้แย่คีรินจึงเริ่มกินบ้าง
“เผ็ด” ทันทีที่อาหารเข้าปากคีรินเหมือนจะพ่นไฟได้ ลืมไปว่าเด็กคนนี้ไม่กินเผ็ด แสดงว่ากระเพราหมูกรอบสองจานตอนเที่ยงไม่เผ็ดหรอกหรือนี่
“ไม่กินเผ็ดทำไมทำเผ็ด” แก้วน้ำเย็นยื่นให้คนน้องรับไปด้วยความขบขัน ทั้งยังช่วยยื่นทิชชู่ให้อีกรอบ แต่เหมือนเด็กคนนี้จะอยากกินอย่างที่บอก ปากก็บอกว่าเผ็ด เหงื่อเริ่มผุดขึ้นพร้อมกับน้ำตาเริ่มคลอแต่ยังไม่หยุดกิน สุดท้ายเขาก็ทนไม่ได้ลุกขึ้นไปเจียวไข่มาเพิ่มเพราะกลัวจะปวดท้องเอา
แผ่นหลังกว้างขยับทำนั่นทำนี่ปรากฎสู่สายตาคีรินที่นั่งรออยู่ที่เก้าอี้ นี่ตัวร้ายเจียวไข่ให้คู่นอนตัวเองหรอ ไม่ยักรู้ว่ามีมุมนี้ด้วย ไอ้ผิงมันซ่อนรายละเอียดพวกนี้ไว้ไม่บอกคนอ่าน ไม่อย่างนั้นในเรื่องขุนเขาคงเป็นอีกตัวละครที่ได้รับความเห็นใจไม่ต่างจากพระรองแน่ ๆ
คุณขุนคือนักธุรกิจชื่อดังระดับประเทศวัยสามสิบห้าปีอายุเท่ากับพระเอก ธุรกิจของเจ้าตัวทำเงินได้ปีละหลายหมื่นล้านบาทไม่ใช่มีเพียงแค่ธุรกิจส่งออก ครอบคลุมโรงแรมห้าดาวหลายแห่งในประเทศไทยและต่างประเทศอีกด้วย
อีกฝ่ายดังควบคู่มากับคริสเตียนพระเอกของเรื่อง คนนั้นเหมือนจะเอนไปทางธุรกิจสีเทาเล็กน้อยตามที่นักเขียนบรรยายเอาไว้ นิสัยเงียบขรึมขี้หวง ฆ่าคนเป็นผักปลาแต่ส่วนมากจะเป็นคนที่เทา ๆ เหมือนกันแต่ก็ยังเป็นการฆ่าหรือสั่งฆ่าคนอยู่ดี ทั้งสุดท้ายก็ได้นายเอกไปครอบครอง คิดมาถึงตรงนี้ก็รู้สึกงงนิดหน่อย
แต่มีช่วงที่ตัวร้ายทำตัวไม่ดีก็หลังจากทิ้งคู่นอนไปแล้วแต่นายเอกกลับตกลงคบกับพระเอก ออกงานด้วยกันจนออกข่าวหน้าหนึ่งและข่าวในทีวีพูดถึงอยู่บ่อยๆ อีกฝ่ายจึงตามฆ่าตามเล่นงานพระเอกบ่อยครั้งจนกว่าจะจบเรื่อง ไม่รู้ตอนจบเป็นยังไง เขาลืม
แต่เท่าที่มองอีกฝ่ายก็ไม่ได้ดูเหมือนตัวร้ายเลยนี่ จะแค้นจนตามฆ่าแกงพระเอกได้ขนาดนั้นหรอ
//แกร่ก//
“เหม่ออะไร” เสียงจานวางลงตรงหน้าพร้อมกลิ่นหอมของไข่เจียวธรรมดาเรียกสติกลับมาได้ คีรินส่ายหน้าตอบพร้อมยิ้มหวานส่งไปมองอาหารตรงหน้า ไม่ลืมตักอาหารให้อีกฝ่ายก่อนเพื่อเป็นการขอบคุณสำหรับอาหารจานนี้ ร่างสูงเพียงยิ้มเล็กน้อยก่อนเราสองคนจะลงมือกินข้าวต่อเงียบๆ จนอิ่ม เสร็จจากนี้ร่างบางก็ไล่ตัวร้ายไปทำงานทำการเพราะเห็นหอบงานมาเยอะส่วนตัวเองจะล้างจานเก็บกวาดเองซึ่งอีกฝ่ายไม่ได้แย้งอะไรเดินเข้าห้องไปแต่โดยดี
ถึงตอนนี้ก็ยังไม่ถูกเฉดหัวทิ้ง เด็กหนุ่มล้างจานอย่างอารมณ์ดี ฮัมเพลงไปด้วยบางครั้งบางคราก็ขยับตัวตามเพลงที่กำลังร้อง ล้างจานเช็ดจานเสร็จก็เก็บของนิดหน่อยต่อ ก่อนจะปิดไฟห้องครัวไม่ลืมหมักเนื้อหมูเอาไว้ทำแซนวิสมื้อเช้าพรุ่งนี้ด้วย เสร็จจากนี้จึงเดินเข้าห้องตามเฮียขุนไป
ตอนนี้สี่ทุ่มกว่าแล้ว แต่ร่างบางกำลังนั่งอยู่บนเตียงมองเฮียขุนทำงานอยู่ที่โต๊ะ ใครจะกล้านอนถ้าอีกฝ่ายยังไม่นอน คีรินเข้าไปอาบน้ำอีกรอบตอนนี้อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งและกางเกงขาสั้นเช่นเดิม เหมือนเด็กคนนี้จะชอบใส่เสื้อตัวใหญ่ ๆ ไม่รู้เลยว่าความจริงแล้วเป็นเสื้อผ้าของขุนเขาทั้งเสื้อเมื่อตอนเย็นและที่ใส่อยู่ตอนนี้
สุดท้ายจึงเอนตัวลงนอนราบกับเตียงหยิบมือถือมาเล่นฆ่าเวลาแทน วันนี้ตัวร้ายยังไม่เฉดหัวทิ้ง แสดงว่านายเอกกับพระเอกยังไม่ทะเลาะกัน ไม่นานร่างบางก็ถูกมือถือดึงความสนใจไปจนหมดเพราะไม่มีเรื่องต้องคิดมาก มือถือเขาเครื่องละไม่ถึงสามพันเล่นเกมส์ได้แต่ค้างบ่อย ทั้งไม่ค่อยมีเวลาด้วย วันนี้มีโอกาสจึงจัดหนักเสียเลยระหว่างรอเสี่ยขุนคนรวยทำงานหาเงินเอาไว้ฟาดหัวเขาในอีกสองสามวันที่กำลังมาถึง
ขุนเขาปิดแฟ้มเอกสารเล่มที่สองในเวลาห้าทุ่ม หันมองคนน้องที่คว่ำตัวเล่นเกมส์ในมือถืออยู่พร้อมหาวหวอด ๆ ขณะหยิบแฟ้มสุดท้ายมาเปิด ไม่คิดว่าเด็กคนนี้จะรอเขาอยู่ ตอนนี้งานมีปัญหาเลยต้องตรวจสอบก่อน พรุ่งนี้พี่สาวและพี่เขยจะกลับมาช่วยงานหลังจากพาหลานไปเที่ยวต่างประเทศกว่าหนึ่งเดือน
ปกติแล้วงานมากมายพวกนี้เป็นของทั้งสองที่ดูแล แต่ตั้งแต่ที่พวกเขามีลูกชายเขาจึงรับงานส่วนหนึ่งมาดูแลนับแต่นั้นให้ทั้งสองได้มีเวลาอยู่กับหลานเยอะ ๆ จะดีกว่า จนตอนนี้หลานชายอายุสามขวบแล้ว นาน ๆ ครั้งที่งานมากเกินไปเขาจึงจะไหว้วานให้มาช่วยเช่นครั้งนี้ ทำไปได้สักพักก็เสร็จแล้ว มือหนาปิดแฟ้มปิดไฟเดินมาที่เตียงด้วยความเมื่อยขบ
จังหวะที่ตัวร้ายนั่งลงบนเตียงคีรินก็ดีดตัวขึ้นเหมือนรออยู่ก่อน ก็ตัวร้ายกกเอาไว้บะฮึ่มไม่ใช่หรอ คีรินเลยคิดว่าอีกฝ่ายต้องการก่อนนอน แม้ตอนนี้ตาแทบลืมไม่ขึ้นแล้วแต่ใจกลับสู้มาก จนสุดท้ายมือหนาก็ดันเขานอนลงไปเหมือนเดิมคล้ายกำลังสมเพศเวทนาจับใจ
“วันนี้นอนเฉย ๆ ไม่ได้จะทำอะไร” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยออกมาพร้อมหัวเราะในลำคอ มือเล็ก ๆ กำลังดึงเสื้อตัวเองขึ้นเหมือนจะถอดแต่เขาจับเอาไว้ทันพอดีแล้วดันคนน้องนอนลงไป ตาจะปิดแล้วใครจะทำลงกัน
“อือ” พูดอะไรก็พูดไปเถอะ ตอนนี้เขาง่วงจนลืมตาไม่ไหวแล้ว มัวแต่ทำงานเขาก็ไม่กล้านอนก่อน สุดท้ายคีรินก็นอนลงเหมือนเดิม ไม่นานก็หลับไปก่อนตัวร้ายจนได้ พอคีรินทร์หลับไปร่างสูงก็นอนพิงหัวเตียงหยิบไอแพดมาทำงานต่ออีกสักหน่อย คนหนึ่งทำงานคนหนึ่งนอนอยู่ข้าง ๆ ก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่ เหมือนมีเพื่อนทำงาน
หน้าจอไอแพดที่กำลังขึ้นรายละเอียดงานอยู่ถูกละความสนใจไปทันที สายตาคมกริบเหลือบมองคนที่กำลังมุดข้างเอวเขาเหมือนกำลังหาความอบอุ่น ไม่รู้เลยว่าคิ้วที่ขมวดเข้าหากันเมื่อครู่นี้คลายออกตั้งแต่เมื่อไหร่พร้อมกับรอยยิ้มมุมปากก่อนจะเลือนหายไป มือหนาเอื้อมดึงผ้าห่มมาห่มให้แต่ก็ยังมุดเขาไม่หยุด
สุดท้ายจึงตัดสินใจวางงานลงในเวลาตีหนึ่งครึ่ง ขยับตัวปิดโคมไฟก่อนนอนลงดี ๆ ไม่ถึงนาทีเด็กคนนี้ก็ขยับเข้ามาซุกเขาจริงๆ มือก็โอบกอดเขาเอาไว้ ตั้งแต่ที่อยู่ด้วยกันสองสามคืนส่วนมากเราจะทำเรื่องอย่างว่าตลอด ทำจนร่างบางหลับไปเขาก็พาไปอาบน้ำแล้วมานอน ไม่คิดว่าเวลาปกติจะติดกอดขนาดนี้ มุมปากยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยก่อนจะค่อย ๆ ถูกห้วงนิทราฉุดดึงจนหลับไหลตามอีกคนไปในที่สุด
สายลมพัดโบกในยามเช้าเสียจนผ้าม่านปลิวไหว แสงแดดส่องสว่างผ่านเข้ามาจนเปลือกตาต้องเปิดออกเพราะถูกรบกวน ห้องนอนกว้างใหญ่กว่าหกฟุตกลับมีสองร่างนอนเบียดเสียดกันอยู่บนเตียงเหมือนกับว่าพื้นที่มีเพียงเล็กน้อยให้หลับนอนอย่างไรอย่างนั้น ขุนเขาลืมตาตื่นเพราะความเคยชิน จังหวะเดียวกับมือถือเครื่องสีขาวสั่นรัวเพราะมีคนโทรเข้ามา
//ตื้ด//
เป็นมือถือเขาที่มีสายเข้า มือหนาเอื้อมไปหยิบมากดรับสายทันที ยามเช้าแบบนี้หากไม่ใช่เลขาก็เป็นคนในครอบครัวเสียมากกว่า
“อาขุน” ทันทีที่กดรับเสียงเล็กที่คุ้นเคยและคิดถึงก็ดังขึ้น
“ครับ” เสียงทุ้มต่ำขานรับหลานชายตัวน้อยด้วยรอยยิ้ม
“วันนี้ จะไปหาน้า”
“ครับ ไว้เจอกัน”
คุยกันเข้าใจหลานชายก็ตัดสายไป ปากหยักเตรียมจะเอ่ยถามต่อก็ได้แต่หัวเราะออกมาเบาๆ อย่างขบขัน ก่อนตาคมจะเหลือบมองแมวเกาะบนตัวไม่ยอมปล่อย ไม่รู้เลยว่าตัวเองเผลอยิ้มออกมาเหมือนกำลังเอ็นดู
ขุนเขาพยายามงัดตัวเองออกจากแมวตัวนี้ในที่สุดก็สำเร็จ ร่างสูงห่มผ้าให้คนหลับก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปเพื่อไปทำงานเช่นทุกวัน เหมือนจะเพิ่มความขบขันเล็กๆ น้อยๆ ในเช้าวันนี้ได้โดยไม่รู้ตัว
เวลาเกือบเจ็ดโมงแล้วร่างสูงก็ออกมาพร้อมไปทำงาน ก่อนจะไปจึงเดินมาดึงผ้าห่มขึ้นให้คีรินทร์อีกรอบเพราะคนน้องถีบมันไปอยู่ปลายเท้าอีกแล้ว
“อือ”
“เฮียจะไปทำงานแล้วนะ”
“รินจะไปบ้านเด็กกำพร้านะ” คีรินเหมือนยังไม่ตื่นดีแต่กลับโต้ตอบพูดคุยกับร่างสูงได้แม้ยังไม่ลืมตา ขุนเขาพยักหน้าให้คนน้องพร้อมดึงผ้าห่มมาห่มให้แล้วผละออก
“ให้คนขับรถมารับมั้ย”
“ไปเอง” ขุนเขามองคนน้องส่ายหน้าปฏิเสธทั้งที่ยังไม่ลืมตา
“ตามใจ นอนต่อเถอะ” เขาตอบกลับเพียงแค่นั้นก่อนจะหยิบมือถือแล้วเดินออกจากห้องไป ร่างบางบนเตียงเองก็เหมือนจะถูกดึงกลับเข้าสู่ห้วงฝันอีกคราเช่นกัน