บทที่ 3 เจอครอบครัวตัวร้ายถึงสองคน

3851 Words
รถหรูจอดหน้าคอนโดในเวลาเจ็ดนาฬิกาตรงก่อนผู้เป็นนายจะเปิดประตูเข้าไปนั่งด้วยตัวเองเพื่อความรวดเร็ว ตอนนี้เหมือนจะสายมากแล้วเขาต้องรีบไป เข้าไปนั่งในรถสิ่งแรกที่ได้รับจากเลขาคนสนิทก็ยังเป็นแฟ้มงานเช่นเดิม ขุนเขาขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวรับมาเปิดดูขณะที่รถเคลื่อนออกสู่ถนน “นายท่านพาคุณหญิงไปฮันนีมูนเลยฝากคุณขุนตรวจเอกสารให้ครับ” เสียงเลขาเอ่ยบอกบุตรชายของผู้เป็นนายเสียงเรียบ “ปีนี้ไปครบทุกเดือนแล้ว” ร่างสูงเอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ได้ เลขาทำเพียงหัวเราะแห้ง ๆ เพราะใครก็รู้ว่าพ่อของคุณขุนชอบพาภรรยาไปเที่ยวไม่ต่างจากบุตรสาวเลย “คู่นอนฉันจะไปบ้านเด็กกำพร้า” “ครับ” เลขาหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นไม่รู้ว่าผู้เป็นนายต้องการจะสื่ออะไร อยู่ดี ๆ ก็พูดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย “คุณต้องส่งคนไปดูสิ” ผู้เป็นนายเอ่ยตอบอย่างไม่เข้าใจว่าเรื่องนี้มันควรเป็นเรื่องที่ต้องถามอีกรอบหรืออย่างไร ไม่รู้สึกเลยว่าตัวเองกำลังตีความคำว่าคู่นอนผิด ตอนนี้เหมือนคีรินทร์เป็นเพื่อนร่วมห้อง เพื่อนทำงานหรือคนรักไปแล้วเสียมากกว่า ตาณเลิกคิ้วขึ้นเมื่อได้ยินคำตอบ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้รับคำสั่งเช่นนี้ ตั้งแต่รับเด็กคนนั้นวันแรก วันแรกไม่ใช่วันที่พาไปคอนโด วันแรกคือวันที่อีกฝ่ายตกลงรับคำแนะนำจากเพื่อน คุณขุนฝากเขาจัดการเรื่องคอนโดและรถเตรียมเอาไว้ล่วงหน้า ทั้งให้คนตามดูแลความปลอดภัยให้ตั้งแต่วันแรกจนถึงตอนนี้ แม้กระทั่งคุณรินทร์ขับรถไม่เป็นยังโทรมาถามเขาว่าต้องทำยังไงต่อเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายเดินตากแดด “คุณดูแลคู่นอนเหมือนคนรักเลย” “คู่นอนก็มีเลือด ผมกลัวเขาได้รับอันตรายครับคุณตาณ ขอความกรุณาช่วยเหลือเขาด้วยครับผมขอร้อง” เสียงทุ้มเอ่ยเสียงอ่อนเหมือนกำลังขอร้องอ้อนวอนคนตรงหน้าอย่างไรอย่างนั้น ทั้งยังเป็นคำตอบที่ทำให้เลขาประจำตัวผู้เป็นบิดาแปลกใจ ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างขบขันปนเอ็นดูในสิ่งที่คุณขุนคิด “สมแล้วที่เขาเป็นคู่นอนคนแรกของคุณ” ผู้เป็นเลขาทั้งคนขับรถจำเป็นหัวเราะเบา ๆ ใครเขาดูแลคู่นอนแบบนี้กัน ปกติเห็นแต่ไปหลับนอน ไปเที่ยวด้วยแก้เบื่อ ทั้งให้เงินให้ของตามความต้องการแค่นั้น แต่เขาเข้าใจว่าเพราะครอบครัวเจ้านายเป็นแบบนี้ เลยเข้าใจว่าต้องดูแลเหมือนปกติที่ดูแลคนอื่นหรือดูแลเช่นคนรักเพราะเป็นคนในปกครอง เพียงแต่เขาผู้เป็นเลขาที่เห็นคนอื่นมีคู่นอนเหมือนกันจึงรู้สึกแปลกอยู่บ้างเรื่องการให้ความสำคัญหรือการแสดงออกต่อคู่นอนเช่นนี้ ขุนเขาเห็นว่าเลขาผู้เป็นพ่อไม่ได้เอ่ยถามสิ่งใดต่อก็ก้มลงอ่านเอกสารในมือต่ออย่างสบายใจ คุณตาณคือเลขาประจำตัวตั้งแต่คุณพ่อยังทำงานอยู่ ตอนนี้เขาเข้ามาดูแลบริษัทแทนจึงกลายเป็นเลขาเขาเพราะสนิทสนมกับอีกฝ่ายอยู่แล้วดีกว่าจะไปหาคนใหม่ ทั้งอีกฝ่ายยังไม่มีครอบครัวจึงทำงานได้จนถึงทุกวันนี้ ตอนนี้ก็อายุสี่สิบสองแล้ว นับเป็นพี่ชายคนหนึ่งก็ว่าได้ ณ บริษัทส่งออกแห่งหนึ่งในเมืองหลวง ช่างบ่ายของวันห้องใหญ่ด้านบนในที่สุดก็เปิดออก ไม่ช้าก็มีพนักงานเดินออกจากห้องประชุมด้วยสภาพเหมือนจะไร้ชีวิตรอดไปถึงปีใหม่ ก่อนสิ้นปีทุกคนวิ่งวุ่นกันแบบนี้ตลอด แต่อีกไม่นานก็จะสบายแล้ว ห้องชั้นบนสุดยังคงมีเสียงปากกาวาดเขียนลายเซ็นต์ตั้งแต่เดินเข้ามานั่งลงบนเก้าอี้หลังจากประชุมเสร็จชายวัยสามสิบห้าปีหยิบแฟ้มจากเลขามาเปิดแฟ้มแล้วแฟ้มเล่าข้างโต๊ะมีแก้วกาแฟส่งกลิ่นหอมอยู่ อาหารเช้าและอาหารเที่ยงของวันนี้ยังคงเป็นขนมปังและกาแฟเช่นเดิมเพราะไม่มีเวลา //แกร่ก// “อาขุนนนน” ประตูยังไม่ทันเปิดดีเสียงเล็ก ๆ ก็ตะโกนขึ้นมาก่อน ไม่นานตัวคนก็วิ่งตามเสียงมาในห้องหาผู้เป็นอาที่อ้าแขนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ขุนเขารวบตัวหลานชายขึ้นมานั่งบนตักด้วยความคิดถึง ภูผาเป็นลูกชายของพี่สาวเขา ตอนนี้อายุสามขวบเข้าแล้วแต่พูดเก่งมากไม่รู้ได้ใครมา เด็กชายยืดตัวหอมแก้มสากคุณอาด้วยความคิดถึง ไม่บ่อยนักที่จะได้โทรหาคุณอาได้เวลาอยู่ต่างประเทศเพราะคุณอาทำงานหนัก ทั้งเวลายังไม่ตรงกันอีกด้วย คุณแม่จึงมักจะถ่ายคลิปเขาส่งมาให้คุณอาดูแทน “มาแล้วหรอตัวแสบ สนุกมั้ย” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นพลางรับถุงขนมจากผู้เป็นพี่สาวที่เดินตามหลังหลานชายมา นารานั่งลงที่โซฟาตัวใหญ่ ส่วนผู้เป็นสามีนั้นเดินไปอีกห้องเพื่อสะสางงานช่วยน้องชายของเธอหลังจากพวกเราทั้งสามลาพักร้อนรอบที่เจ็ดของปีไปเที่ยวต่างประเทศ พี่วัสมาก็คงช่วยแบ่งเบางานน้องชายของเธอได้ไม่มากก็น้อย ขุนเขาทั้งกอดหลานชายเอาไว้ทั้งทักทายพี่สาวโดยที่มือยังกดปากกาลงบนกระดาษวาดลายเซ็นต์อยู่ เหมือนนี่คงกลายเป็นความสามารถพิเศษของเขาไปแล้ว ภูผานั่งบนตักคุณอามองดูอีกฝ่ายทำงานเช่นกัน กองเอกสารสูงกว่าหัวเขาแล้ว “สนุก ขนมอันนี้พี่ภูเลือกเอง คุณอาหิวมั้ย” “ไม่หิวครับ” “แต่พี่ภูหิวแล้วครับ” เด็กน้อยยิ้มแหยส่งไปพร้อมมือเล็ก ๆ ที่ลูบท้องตัวเองให้ร่างสูงดู “หึ ไปกินข้าวกันเถอะ ขุนกินยัง” นาราที่นั่งฟังอยู่ได้โอกาสพูดขึ้นเพราะเธอเองก็ยังไม่กินอะไรไม่ต่างจากลูกชาย กะว่าจะมาชวนน้องชายไปกินด้วย “ยังครับ แต่ขอทำงานตรงนี้ก่อนเหลือแฟ้มนึง ออกจากบริษัทจะได้ไม่ต้องกลับมาอีก” นาฬิกาข้อมือถูกยกขึ้นมาดูเวลา ตอนนี้ก็บ่ายสามแล้ว จะได้ไม่ต้องวกกลับมาทำงานอีก นารามองตามมือน้องชายก่อนพยักหน้าเข้าใจ “ได้” “งั้นพี่ภูกินขนมรอนะ” เสียงเล็กแทรกบทสนทนาขึ้นมา ภูผานั่งอยู่บนตักคุณอาคั่นกลางระหว่างทั้งสอง แต่ตาก็มองขนมตรงหน้าไม่หยุด “ไหนขนม” “ก็นี่ไง” นิ้วเล็ก ๆ ชี้ไปที่ขนมของคุณอาที่เลือกเองกับมือ ขุนเขาหัวเราะออกมาก่อนหยิบคืนอีกฝ่ายไป นาราเองก็ยิ้มจนใจ เลือกขนมก็เลือกที่ตัวเองชอบกิน พอตอนนี้ดันขอขนมคืนจากคุณอาเสียอย่างนั้น “เหลือไว้ให้อาขุนกินด้วยนะ แม่จะไปหาพ่อก่อน” “ครับ” ทั้งสามมาถึงห้างดังแห่งหนึ่งในเวลาสี่โมงเย็น พี่วัสผู้เป็นสามีของนารานั้นมีธุระต้องไปทำต่อจึงไม่ได้มาด้วย หญิงสาววัยสามสิบเจ็ดปีเดินนำหน้าน้องชายและลูกชายมาเพื่อไปที่โซนอาหารของห้าง ส่วนพี่ภูนั้นถูกอุ้มอยู่กลัวจะเดินชนใครเข้า “พี่ขุน สวัสดีครับ” เสียงทักทายจากด้านหลังเรียกให้พวกเราหยุดเดินหันกลับไปมอง พึ่งเดินพ้นประตูห้างมาไม่ถึงสามสิบก้าวก็เจอคนรู้จักแล้ว คนที่เข้ามาทักคือเอวาดาราที่กำลังโด่งดังที่สุดในตอนนี้ ไม่มีใครไม่รู้จัก ใบหน้าน่ารัก ตัวเล็กตัวบางทั้งชอบยิ้มสดใสคือเอกลักษณ์ของเจ้าตัว นาราหันขวับมองน้องชายตัวเองทันทีที่เห็นว่าคนตรงหน้าคือดาราคนนั้น ไม่ใช่ว่าเธอไม่ชอบ แต่เพราะเธอตามสืบแล้วเห็นอีกฝ่ายไปไหนมาไหนกับคริสเตียนตลอดจึงรู้สึกว่าขุนเขาไม่ควรจะสนิทมากเกินไปกว่าพี่น้องกับอีกฝ่าย ขุนเขาวางภูผาลงหันไปคุยกับเอวา ไม่คิดว่าจะเจอคนน้องที่นี่ ปกติงานยุ่งยิ่งกว่าอะไร เอวายิ้มให้คนตรงหน้าด้วยความรู้สึกดีใจที่ได้เจอกันอีกครั้ง รอยยิ้มสวยงามที่เห็นในทีวีบ่อย ๆ ปรากฏอยู่ตรงหน้าทั้งสามคน เขามากินข้าวที่นี่ไม่คิดว่าจะได้เจอพี่ขุนที่เคยเจออยู่หลายครั้ง เอวารู้มาว่าอีกฝ่ายคอยสนับสนุนตัวเองมาตลอดไม่แพ้พี่คริสเลยจนส่งเขามาถึงจุดนี้ของวงการได้ในเวลาไม่ถึงปี คนตรงหน้าล้วนมีส่วนช่วยไปแล้วสี่ส่วน “วามาซื้อของหรอ” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามคนตรงหน้าที่ตัวเองสนใจมากว่าหกเดือนแต่ไม่เคยบอกอีกฝ่ายเลยว่าตัวเองอยากจะจีบหรือทำความรู้จักมากเกิดกว่าฐานะคนรู้จัก “ครับ ภูผากลับมาแล้วหรอครับ” เอวาพยักหน้าหงึกหงักตอบร่างสูงก่อนจะย่อตัวลงมาหาเด็กน้อยที่พี่ขุนกำลังจับมืออยู่ แน่นอนว่าเขารู้ว่าเด็กคนนี้คือหลานของอีกฝ่ายชื่อภูผาอายุสามปี เป็นลูกของพี่นารา ดังนั้นสนิทสนมไว้ก็ไม่เสียหายไม่ใช่หรอ “ครับ” ภูผาเอ่ยตอบเสียงเบา ก่อนจะเดินไปหลบหลังมารดาเพราะไม่รู้จักพี่ชายตรงหน้า ทั้งยังรู้สึกไม่ชอบอีกด้วย เอวามองข้ามสายตาหวาดกลัวของเด็กตรงหน้าไปเหมือนไม่เห็น ปากเล็กวาดยิ้มกว้างอย่างใจดียืดตัวขึ้นกำลังจะทักทายพี่นาราที่ยืนมองเขาอยู่ไม่ได้พูดอะไร แต่เหมือนวันนี้โชคจะไม่ค่อยเข้าข้างเท่าไหร่ “วา” เสียงเข้มดังมาจากด้านหลัง ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเจ้าของเสียงคือใคร คุณคริสเตียนเดินหน้าถมึงทึงมาแต่ไกลจนเอวาต้องถอยออกจากทั้งสามคนอย่างรู้ตัว “พี่คริส” “นัดกันหรอ” คริสเตียนกล่าวเสียงแข็งจ้องมองขุนเขาไม่วางตา ยิ่งเห็นว่ามันไม่มีทีท่าทุกข์ร้อนกับการพูดคุยกับแฟนคนอื่นยิ่งทำให้คริสเตียนจ้องอีกฝ่ายมากกว่าเดิมจนนาราเดินมาแทรกกลางจ้องกลับปกป้องน้องชายของเธอ เอวาเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดีจึงจับแขนคนข้างกายเอาไว้ดึงความสนใจของอีกฝ่ายมาหาตัวเอง “เปล่าครับ วาเดินมาเจอคุณขุนเลยทักทายนิดหน่อย” “ไปเถอะ” “เดี๋ยวสิ” ยังไม่ทันได้คุยกันมือหนาก็ดึงเอวาออกไปจากตรงนี้อย่างไม่สบอารมณ์ คนถูกดึงแม้อยากจะต้านแรงเอาไว้ก็ทำไม่ได้เพราะตรงนี้เป็นที่สาธารณะ คนมองมาค่อนข้างเยอะ สุดท้ายทั้งสองก็เดินตามกันไปจนลับสายตาคนที่ยังยืนอยู่ที่เดิม ขุนเขามองคริสเตียนกับเอวาแล้วก็ยิ่งมั่นใจว่าทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่พัฒนามากกว่าเขากับเอวา ถ้าเช่นนั้นเขาจะได้ออกห่างจากอีกฝ่ายมากขึ้น ถึงแม้จะชอบแต่ก็ไม่ได้อยากแย่งของใคร “ไปเถอะ” “ไม่เสียใจหรอ” นาราอดถามออกมาไม่ได้เพราะความเป็นห่วง กลัวน้องชายจะเสียใจ “ไม่ได้ชอบขนาดนั้นพี่ก็รู้” “ดีแล้ว ๆ ไปเถอะ” ได้ยินแบบนั้นผู้เป็นพี่สาวอยากหวีดร้องออกมาดัง ๆ ด้วยความดีอกดีใจ ส่งยิ้มกว้างให้น้องชายไปหนึ่งทีก่อนจะจูงมือภูผาเดินต่อไม่ได้สนใจสองคนนั้นอีก ด้านหนึ่งของห้างมีเด็กหนุ่มร่างบางกำลังเดินซื้อของอย่างสบายใจ วันที่สองของการรอเงินสามล้านยังปกติสุขดีเช่นเดิม วันนี้คีรินจะซื้อของไปมอบให้บ้านเด็กกำพร้าในวันพรุ่งนี้ ทีแรกจะไปวันนี้แต่พอสอบถามทางเพจเฟสบุ๊คแล้วทราบมาว่าแม่ครูไม่อยู่ จึงเลือกไปในวันพรุ่งนี้แทน อีกอย่างงานศพเขาพึ่งผ่านไปไม่ถึงหกวันเอง ทุกคนอาจจะยังไม่พร้อมรับแขก หรือแม้แต่เขาเองก็ไม่กล้าไปในวันนี้กลัวจะร้องไห้ คีรินเหมือนไม่รู้สึกว่าตัวเองตายไปเลย ในขณะที่ทุกคนร้องไห้เสียใจกับการตายของเขา อธิบายไม่ถูกว่าต้องรู้สึกยังไงหรือจะทำยังไงต่อดี มันแปลกๆยังไงไม่รู้ ตอนนี้รถเข็นคันใหญ่เต็มไปด้วยของกิน เฮียขุนอนุญาตแล้วเขาจึงซื้อมากหน่อย มีปลากระป๋อง นม บะหมี่ และของใช้จำเป็นเป็นส่วนมาก เลือกจนพอใจแล้วก็เข็นไปจ่ายเงิน ใช้เวลาไม่นานก็เสร็จแล้ว คีรินจึงเข็นต่อไปเพื่อไปหน้าห้างเรียกแท็กซี่ “รินทร์” แผ่นหลังถูกจับเอาไว้พร้อมเสียงเรียกที่คุ้นเคย คีรินสะดุ้งโหยงหันไปมองก็เป็นตัวร้ายจริง ๆ อย่างที่คิดเอาไว้ ก่อนสายตาจะเหลือบเห็นผู้หญิงคนหนึ่งและเด็ก “เฮียขุน เอ่อ สวัสดีครับ” ร่างบางรีบปล่อยรถเข็นยกมือไหว้หญิงสาวทันที “สวัสดีค่ะ คนรักขุนหรอ” เสียงหวานเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม อย่างที่บอกว่าเธอเองก็เป็นอีกคนที่ไม่อยากให้น้องชายยุ่งกับดาราคนนั้น เห็นขุนเขาแตะเนื้อต้องตัวเด็กหนุ่มคนนี้อย่างสนิทสนมเธอจึงคิดไปก่อนแล้วว่าคนที่ทำให้น้องชายเลิกรักเอวาคนนั้นได้คงเป็นเด็กคนนี้ “พี่รินทร์” เด็กน้อยเอ่ยเรียกตามคุณอา เห็นคุณแม่ยิ้มเขาเองก็ยิ้มตาม ทั้งพี่ชายตรงหน้าเหมือนจะใจดีกว่าคนเมื่อครู่นี้อีกด้วย “หลานเฮียเองชื่อภูผา คนนี้พี่สาวชื่อนารา คนนี้คีรินทร์ครับพี่” ขุนเขาแนะนำทั้งสองให้คู่นอนตัวเองได้รู้จัก คีรินทักทายทั้งสองคนอีกรอบไม่นานเด็กน้อยก็เดินมาจับมือเขาท่ามกลางสายตาของตัวร้ายและพี่สาวตัวร้ายที่มองอยู่แต่ไม่ได้ว่าอะไร “พี่รินทร์อุ้ม” ภูผากางแขนออกอยากให้พี่รินทร์อุ้มเพราะเขาชอบพี่รินทร์ แต่กลับถูกคุณอาเอามือมาคั่นเอาไว้ “พี่รินทร์อุ้มไม่ได้” “ทำไมครับ” ภูผาหันไปถามคุณอาอย่างไม่เข้าใจ “พี่รินทร์ตัวเล็ก ให้อาอุ้มมา” ขุนเขาไม่รอให้หลานตอบก็ย่อตัวลงอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาทั้งที่มือเล็กๆ ยังจับมือพี่รินทร์อยู่อย่างอาลัยอาวร “กินข้าวก่อนแล้วค่อยกลับพร้อมกัน ของเอาไว้หน้าร้านก็ได้มีคนเฝ้าอยู่ตลอด” “ครับ” คีรินเหมือนถูกมัดมือชก เดินซื้อของอยู่ดี ๆ ก็มาเจอครอบครัวตัวร้าย ยังไม่ทันตั้งตัวก็ถูกชวนไปกินข้าวแล้ว สุดท้ายก็ตกลงไปเพราะทั้งสองไม่ได้มองเขาด้วยสายตาที่กลัว อีกอย่าง เหมือนจะรู้สึกดีลึก ๆ ที่ตัวร้ายคนนี้ไม่ได้ตอบออกไปตรง ๆ ว่าเขาคือเด็กเลี้ยงหรือคู่นอน แม้จะเป็นความจริงแต่คีรินก็รู้สึกแปลก ๆ ที่จะพูดออกไปตรง ๆ แบบนั้น ทั้งสี่คนย้ายเข้ามานั่งในร้านอาหารในเวลาไม่นาน ทั้งร้านอาหารที่ว่าคือร้านหมูกระทะ และตอนนี้ร่างบางกำลังนั่งมองตัวร้ายกำลังพยายามย่างเนื้อให้อยู่บนเตาไม่ให้มันไหลตกลงไปในน้ำ “ผมทำให้ครับ” ผู้เชี่ยวชาญการย่างเนื้อมองแล้วทนไม่ไหวอีกต่อไปสุดท้ายจึงยื่นมือเข้าช่วยเหลือ คีบเนื้อใส่กระทะเสร็จก็หยิบตะเกียบตัวร้ายไปวางไว้จานเนื้อสด ก่อนจะหยิบตะเกียบอันใหม่ยัดใส่มือแทนเพื่อความปลอดภัย กลัวจะมีข่าวตัวร้ายเป็นไข้หูดับ ขุนเขาทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งรอกิน ตอนนี้รู้สึกไม่ต่างจากหลานชายกำลังรอพี่สาวคีบเนื้อให้กิน แต่จะให้ทำเองก็คงไม่น่าจะไหว ตะเกียบคีบเนื้อหมูที่คีรินทร์ย่างให้แตะน้ำจิ้มเล็กน้อยก่อนยื่นไปตรงหน้าคนน้องที่ยังไม่ทันได้กินสักคำ ซึ่งคีรินก็อ้าปากรับแต่โดยดีโดยไม่ละสายตาออกจากเตาเลยเพราะลืมตัว นึกว่าอยู่กับผิง แต่สำหรับคนมองอยู่อย่างนารากลับยิ้มกว้างกว่าเดิม “โตขนาดนี้ยังทำไม่เป็น ต้องลำบากน้องรินทร์แล้ว” นาราเอ่ยขึ้นพยายามชวนคนตรงหน้าคุย ไม่รู้ทำไมเธอถึงถูกชะตานัก ทั้งตลอดเวลาที่คีรินทร์คุยกับน้องชายหรือลูกชายเธอจะฟังด้วยตลอด นาราเคยเรียนจิตวิทยามาก่อนจะเรียนบริหารทั้งเคยเจอลูกค้ามานับพันคนแล้ว ดูแล้วคีรินทร์เป็นคนนิสัยดี การแสดงออกต่อเด็กดีจริง ๆ และมีวิธีพูดเหมือนคุ้นชินหรือมีวิธีพูดให้เด็กคล้อยตามได้ ภูผาที่ไม่กินผักยังกินตามพี่รินทร์ของเขาตั้งหลายคำ แต่เธอถามแล้วว่าเรียนครูปฐมวัยมาหรือเปล่า อีกฝ่ายตอบกลับมาว่าไม่ได้เรียน แต่เคยไปบ้านเด็กกำพร้าบ่อย ๆ เลยเล่นกับเด็กเป็นยิ่งทำให้นาราให้คะแนนน้องสะใภ้คนนี้มากขึ้น ถ้าขุนเขาเป็นแฟนกับคีรินทร์แน่นอนว่าไม่นานเธอและน้องชายตกกระป๋องแน่ ๆ หากพาไปเจอคุณนายที่บ้านวันใดวันหนึ่ง “สบายมากครับ” คีรินตอบกลับไปพลางมองใบหน้ายิ้มแย้มของพี่สาวเฮียขุน ดูเหมือนครอบครัวตัวร้ายไม่ได้นิสัยไม่ดีเลยทั้งยังดีต่อเขามากอีกด้วย ทีแรกคิดว่าต้องนั่งเกร็งเหมือนที่คิดเอาไว้แต่เปล่าเลย คนที่เกร็งดันเป็นตัวร้ายเพราะทำไม่เป็น ย่างใส่กระทะก็ทำเนื้อหมูตกลงในน้ำ ตอกไข่ใส่กระทะก็ไปตอกลงบนที่ย่าง คีรินกับพี่นาราหัวหมุนอยู่นานสุดท้ายพี่สาวตัวร้ายจึงมอบหมายหน้าที่อันใหญ่หลวงให้เขาดูแลอีกฝ่าย นี่คือครั้งแรกที่ได้รับรู้ว่าอีกฝ่ายมีพี่สาวและหลานน่ารักคนนึง ในนิยายอาจจะพูดถึงแต่เขาจำไม่ได้หรือไม่ก็ไม่ได้เอ่ยถึงเลย ทั้งเฮียขุนยังดูแลทั้งสองคนดีมากด้วย มองยังไงก็เป็นคนดีคนนึง จนถึงตอนนี้ก็ยังหาเหตุผลที่ทำให้ตัวร้ายตามฆ่าพระเอกไม่ได้อยู่ดีว่าเพราะอะไร ระหว่างที่คิดอะไรเพลินๆ แขนเสื้อก็ถูกมือเล็กกระตุกยิก ๆ เรียกให้เขาหันไปสนใจ ภูผานั่งอยู่ข้างๆ พี่รินทร์ขยับเข้ามาใกล้ร่างบางมากขึ้นเหมือนมีเรื่องจะคุยด้วย “พี่รินทร์” “ครับ” //ฟอด// ปากเล็ก ๆ โน้มไปหอมแก้มใสของพี่รินทร์อย่างหมั่นเขี้ยว นาราขยับมาหวังจับลูกออกไปก็ไม่ทันแล้ว “ไปหอมพี่รินทร์ได้ไงลูก” “ก็พี่รินทร์หอม” ภูผาตอบคำถามคุณแม่ด้วยความใสซื่อ คีรินทร์ทำเพียงหัวเราะเบา ๆ ไม่ได้ว่าอะไร เวลากลับบ้านเพียงรักก็โดนเด็ก ๆ หอมแก้มอยู่บ่อย ๆ “พี่รินทร์หอมแต่พี่ภูจะไปหอมพี่รินทร์ไม่ได้นะคะลูกแม่” นารายังคงอธิบายให้ลูกชายฟังอย่างใจเย็น เธอกลัวภูผาจะไปหอมคนอื่นอีก คีรินทร์ไม่ว่าอะไรก็แล้วไป แต่ถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ชอบขึ้นมาคงไม่ดีนัก “แล้วใครหอมได้” “อาหอมได้” ขุนเขาตอบหลานชายทั้งยังยักคิ้วให้เด็กน้อยไปหนึ่งที มือก็คีบเนื้อหมูที่คีรินทร์ย่างให้เข้าปากเหมือนเป็นผู้ชนะ ภูผารู้สึกเหมือนถูกแย่งของเล่นจึงขยับเข้าหาพี่รินทร์มากขึ้นจนมือบางต้องโอบเด็กน้อยเอาไว้กลัวตก “ทำไมอาหอมได้แต่พี่ภูหอมไม่ได้” “พี่ภูไปหอมนาราสิ ถ้าพี่ภูหอมสองคนอาจะหอมใคร” ขุนเขาตอบหลานไปอย่างนั้นทำให้เด็กน้อยชะงักไป ภูผาคิดอยู่ครู่หนึ่งก็คิดออกว่าให้คุณอาหอมใครแทน “หอมปะป๊า” “ไม่มีทาง” ร่างสูงมีสีหน้ากล้ำกลืนทันที ก่อนเหลือบมองคนข้าง ๆ ที่หลุดหัวเราะก่อนจะถูกจับได้จึงรีบปิดปากโดยเร็วก็ทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นมาเล็กน้อย “พี่ภูอยากหอมพี่รินทร์ด้วยนี่นาอาขุน” ภูผายังคงต่อรองด้วยใบหน้าน่าสงสาร ขุนเขาเห็นแล้วก็ยกกยิ้มก่อนจะขยับเข้าใกล้ร่างบางมากขึ้น “ไม่ได้ พี่ภูไปหอมนารานู่น” สองอาหลานทะเลาะกันไปมาโดยมีคีรินทร์นั่งมองซ้ายทีขวาทีอยู่ตรงกลาง ตรงข้ามเป็นนาราที่กำลังถ่ายวิดีโอเอาไว้ก่อนกดส่งลงในไลน์กลุ่มครอบครัวให้พ่อแม่ดูด้วยความเบิกบานใจ ไม่คิดเลยว่าไปเที่ยวแค่เดือนเดียวกลับมาทุกอย่างที่นี่จะเปลี่ยนไปขนาดนี้ ขุนเขามีคนรักทั้งยังน่ารักอีกด้วย แถมพี่ภูยังดูชอบคนนี้เหมือนล็อคมงไว้แล้วอย่างไรอย่างนั้น อาหารมื้อเย็นผ่านไปเช่นนี้จนอิ่ม ในที่สุดภูผาก็ได้หอมแก้มพี่รินทร์ทั้งสองข้างก่อนจะลากันกลับบ้าน ไม่วายส่งสายตาหยอกล้อไปให้อาขุนที่ยืนทำหน้าถมึงทึงอยู่ข้าง ๆ อีก “บ๊ายบายครับพี่รินทร์” เสียงเล็กตะโกนตามหลังมา ร่างบางหันกลับไปโบกมือลาอีกรอบก่อนภูผาและพี่นาราจะหายลับสายตาไปเพราะจอดรถคนละที่ ทั้งสองต้องไปหาพ่อน้องภูผาจึงแยกกันตรงนี้ “เดินดี ๆ” เอวบางถูกคว้าเอาไว้เมื่อคีรินทร์มัวแต่มองด้านหลังมากกว่าเบื้องหน้าจนแทบจะชนเสาอยู่แล้ว ร่างบางยิ้มแหยเดินตามร่างสูงที่เข็นรถเข็นให้ไปดี ๆ มาถึงรถก็ช่วยกันขนของใส่หลังรถอย่างทุลักทุเล ตอนนี้สองทุ่มแล้วยังไม่ถึงคอนโดเลย ทีแรกคิดว่าจะนั่งหาบ้านเช่าสักหลังแถวจังหวัดติดกรุงเทพดู วันนี้คงต้องพักเอาไว้ก่อน เพราะกว่าจะถึงห้องคงสามทุ่มแล้ว วันนี้เปิดเรื่องวันแรกลงสามตอนเลย มีคำผิดแจ้งได้นะคะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD