รถตู้สองคันวิ่งเข้ามาภายในอาณาเขตของไร่องุ่นที่มีชื่อว่า ‘ภูพนา’ ฟ้าลดาที่นั่งเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ภายในรถและไม่ได้สนใจสิ่งรอบๆ ตัวเลยอุทานออกมาอย่างโมโหที่รถตู้คันที่นั่งอยู่กระเด้งกระดอนหลายครั้งติด
“นี่ขับรถให้ดีหน่อยไม่ได้หรือไง ฉันกำลังโพสเฟสอยู่นะ กดผิดกดถูกหมดแล้วเนี่ย”
“เอ่อ ขอโทษครับคุณหนู พอดีทางเข้าไร่องุ่นไม่ค่อยดีเท่าไหร่ มันหลุมเยอะน่ะครับ”
“ก็ค่อยๆ หย่อนสิ นิ้วฉันจิ้มตัวหนังสือพลาดหมดแล้วเนี่ย”
“ครับ... ครับคุณหนู”
หญิงสาวถอนใจแรงๆ อย่างหงุดหงิด ก่อนจะก้มหน้าก้มหน้าเล่นเฟสใหม่ ในขณะที่รถตู้วิ่งคลานยังกับเต่าท้องแก่ไม่มีผิด
เกือบยี่สิบนาทีกว่ารถตู้จะแล่นมาจอดที่หน้าบ้านไม้สองชั้นหลังใหญ่
“ถึงแล้วครับคุณหนู”
คนที่นั่งเลื่อนนิ้วบนหน้าจอโทรศัพท์อยู่เงยขึ้น และมองออกไปนอกกระจก
“ที่นี่น่ะเหรอบ้านเพื่อนคุณพ่อน่ะ”
“ใช่ครับ”
“ยี้ ทำไมหลังเล็กจัง”
หล่อนพูดอย่างดูถูก ก่อนจะนั่งรอให้คนขับรถมาเปิดประตูรถให้
“เชิญครับคุณหนู”
หล่อนมองพื้นดินที่กำลังจะก้าวเท้าลงไปอย่างขยะแขยง
“ทำไมไม่ปูกระเบื้องนะ ดูสิสกปรกไปหมด แค่คอนกรีตก็ยังดี”
“บ้านไร่แบบนี้ไม่นิยมปูกระเบื้องแบบในกรุงเทพฯ หรอกครับคุณหนู”
“นั่นสิ ทำไมที่นี่ดูกันด๊าร กันดารแบบนี้”
ในที่สุดก็ต้องก้าวลงไปจากรถ
“แล้วนี่ฉันจะทนอยู่ได้กี่วันกัน”
คนขับรถได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ และยืนรอเมื่อมีผู้หญิงวัยกลางคนเดินออกมาหา
“คุณหนูฟ้าลดาใช่ไหมคะ”
ฟ้าลดามองผู้หญิงตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่ง
“ใช่ เธอช่วยไปตามเจ้าของที่นี่ให้มาต้อนรับฉันหน่อยสิ”
“คุณหนูครับ นี่แหละครับเจ้าของไร่องุ่นภูพนา”
คนขับรถกระซิบบอกหล่อน
“ห๊ะ เจ้าของไร่เหรอ”
หล่อนแทบไม่เชื่อหู ขณะหันกลับไปมองผู้หญิงตรงหน้าอีกครั้ง ก่อนจะพูดออกมาอย่างไร้สมอง
“แต่งตัวบ้านนอกมาก ฉันก็นึกว่าคนงานเสียอีก”
ผู้หญิงตรงหน้าหล่อนระบายยิ้มน้อยๆ มองหญิงสาวตรงหน้าอย่างไม่ถือสาหาความ
“ป้าชอบแต่งตัวแบบนี้แหละจ้ะ มันสบายดี”
“เอาเป็นว่าฟ้ามาอยู่ที่นี่ ฟ้าจะสอนวิธีการแต่งตัวให้สมกับฐานะให้กับป้าดีไหมคะ”
คู่สนทนาของหล่อนยิ้มน้อยๆ ก่อนจะหันไปกล่าวทักทายกับคนขับรถ
“ไม่ได้เจอตั้งนาน สบายดีนะคุณชิด”
“สบายดีครับคุณอังกาบ”
หล่อนมองสองคนคุยกัน ก่อนจะถามขึ้น
“ป้ารู้จักลุงชิดด้วยเหรอคะ”
“รู้จักสิจ๊ะ คุณปฐพีมาที่นี่บ่อยๆ คุณชิดก็เป็นคนขับรถมาให้ตลอด”
“อ๋อ”
หล่อนพยักหน้ารับน้อยๆ ขณะหมุนตัวมองไปรอบๆ บ้าน
“ที่นี่สวยนะคะ แต่เล็กไปหน่อย”
“สำหรับป้าไม่เล็กเลยค่ะ ทำความสะอาดทีหนึ่งเหนื่อยแทบขาดใจตาย”
“อ้าว ไม่มีคนรับใช้เหรอคะ”
อังกาบส่ายหน้าน้อยๆ
“ไม่มีหรอกจ้ะหนูฟ้า ทุกคนที่นี่ต้องช่วยเหลือตัวเองน่ะ”
‘ดีนะที่หล่อนพาแววมาด้วย’
หญิงสาวกระหยิ่มยิ้มย่องในอก
“แล้วนี่จัดห้องให้ฟ้าหรือยังคะ”
“เรียบร้อยแล้วล่ะจ้ะ หนูฟ้าเอาของขึ้นไปเก็บได้เลย”
อังกาบตอบหล่อนด้วยน้ำเสียงเป็นมิตรเช่นเคย ก่อนจะเอ่ยถามต่อ
“ว่าแต่รถตู้อีกคันมีใครนั่งมาเหรอจ๊ะ”
ฟ้าลดาหันไปมองรถตู้คันที่สองที่จอดอยู่ถัดออกไป ก่อนจะตอบออกมาด้วยความภาคภูมิใจเป็นที่สุด
“ไม่มีใครนั่งมาหรอกค่ะ”
“อ้าวแล้ววิ่งตามกันมาให้เปลื้องน้ำมันทำไมล่ะจ๊ะ”
“ของฟ้าอยู่เต็มรถตู้คันนั้นต่างหากล่ะคะ”
“ของ?”
อังกาบเลิกคิ้วแปลกใจ ในขณะที่ฟ้าลดาอมยิ้มอย่างมีความสุข
“ของใช้ส่วนตัวเล็กๆ น้อยๆ ของฟ้าน่ะค่ะ แวว ไปขนลงมาเถอะ”
อังกาบยืนมองสาวใช้และคนขับรถของฟ้าลดาหิ้วกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ลงจากรถตู้ลูกแล้วลูกเล่าจนละลานตาไปหมด
“หมดแล้วใช่ไหมจ๊ะหนูฟ้า”
อังกาบเอ่ยถามเมื่อกระเป๋าเดินทางใบที่สี่ออกมาจากรถตู้แล้ว
ฟ้าลดาหันมายิ้มให้กับอังกาบ
“ยังค่ะ เหลืออีกสี่ห้าใบ”
“ห๊ะ...?”
“ทำไมคุณป้าจะต้องทำหน้าตกใจด้วยล่ะคะ นี่ยังน้อยไปด้วยนะคะ ปกติตอนที่ฟ้าไปเที่ยวต่างประเทศ ฟ้าขนไปมากกว่านี้อีกค่ะ”
อังกาบแทบจะเป็นลม แต่ก็ยังต้องฝืนยิ้มเอาไว้ คำพูดของปฐพียังก้องอยู่ในหู
‘ยายฟ้าเป็นพวกเหยียบขี้ไก่ไม่ฟ่อ ผมรบกวนคุณอังกาบอบรมแกให้ด้วยนะครับ’
นี่มันเป็นจริงอย่างที่ปฐพีพูดเลย หล่อนถอนใจแผ่วเบา ยกมือขึ้นทาบอกเป็นระยะ
“ป้าเกรงว่าห้องจะไม่พอใส่กระเป๋าของหนูฟ้าน่ะ”
“ทำไมล่ะคะ นี่ฟ้าไม่เอาห้องเล็กนะ ยังไงฟ้าก็ต้องได้ห้องใหญ่ที่สุดในบ้านหลังนี้”
อังกาบต้องกุมขมับซ้ำสอง
“ห้องใหญ่ของบ้านเป็นของตาเอกน่ะ หนูฟ้าไปอยู่ห้องที่ป้าเตรียมเอาไว้ให้เถอะ เล็กกว่ากันนิดเดียวเอง รับรองว่าหนูฟ้าต้องชอบแน่ๆ”
“ไม่เอา ไม่ยอม ฟ้าจะเอาห้องใหญ่”
“หนูฟ้า...”
“ขนของตามฉันมา”
ฟ้าลดาไม่สนใจอาการอ่อนอกอ่อนใจของอังกาบ หล่อนก้าวยาวๆ ขึ้นบันไดไปทันที แต่พอคิดว่าไม่เคยมาที่นี่มาก่อนก็หยุด และหันมาถามอังกาบ
“ห้องใหญ่อยู่ตรงไหนคะ”
“ห้องริมขวามือสุดจ้ะ แต่ว่าห้องนั้นยังไงก็ไม่ได้นะหนูฟ้า”
ยิ่งหวงๆ แบบนี้แหละ หล่อนยิ่งชอบ
“แต่ฟ้าจะเอาค่ะ ใครก็ขัดใจฟ้าไม่ได้หรอก”
“คุณหนูครับ ที่นี่ไม่ใช่บ้านเรานะครับ”
“ก็ฟ้าเป็นแขกของที่นี่ ยังไงซะ ฟ้าก็ต้องได้ห้องที่ดีที่สุด”
แล้วหล่อนก็สะบัดหน้าเดินขึ้นไปทันที อังกาบยืนมองไปด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวล
“คุณอังกาบ ผมขอโทษแทนคุณหนูด้วยนะครับ”
“ไม่เป็นไรหรอกลุงสม ฉันรับปากกับคุณปฐพีเอาไว้แล้ว ยังไงก็จะอดทน”
หล่อนถอนใจอีกครั้ง ก่อนจะตัดสินใจเดินตามฟ้าลดาขึ้นไปทันที
ฟ้าลดาก้าวเข้ามายืนภายในห้องใหญ่ ที่ภายในตกแต่งเอาไว้ด้วยโทนสีเข้มทั้งหมด เตียงนอนหลังใหญ่อยู่ริมผนัง ที่โต๊ะเครื่องแป้งมีเครื่องใช้ของผู้ชายวางเรียบเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ
ใครนะเป็นเจ้าของห้องนี้? แต่ช่างเถอะ หล่อนไม่สนใจหรอกว่าห้องนี้จะเป็นของใคร แต่หล่อนเป็นแขกกิติมศักดิ์ยังไงอะไรที่ดีที่สุดก็ต้องเป็นของหล่อน
“แวว ขนข้าวของพวกนี้ออกไปไว้นอกห้อง แล้วเอาของฉันเข้ามาให้หมด”
“แต่ว่า... คุณหนูคะ...”
แววอึกอักไม่สบายใจ
“ทำไม นี่เธอกล้าขัดคำสั่งฉันเหรอ”
“คือ... เปล่าค่ะ แต่... แต่แววคิดว่าคุณหนูไปห้องพักที่ทางไร่จัดเอาไว้ให้ดีกว่าค่ะ...”
หล่อนหันไปจ้องหน้าสาวใช้เขม็ง
“ไม่เอา! ฉันชอบห้องนี้ จะนอนห้องนี้ เข้าใจหรือยัง”
แววไม่มีทางเลือก จำต้องก้มหน้าทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด
ฟ้าลดาเดินไปนั่งบนเตียงที่ตอนนี้ผ้าปูเตียงเปลี่ยนเป็นสีชมพูลายคิตตี้เรียบร้อยแล้วด้วยความภาคภูมิใจเป็นที่สุด
“จะว่าไปแล้ว ที่นี่ก็อากาศดีไม่เบานะ”
“โธ่ คุณหนู...”
ฟ้าลดาได้ยินคำพูดของแววก็หันมาเอ็ดตะโรใส่
“ไม่ต้องมาธงมาโธ่เลย จัดข้าวของของฉันให้เรียบร้อย อ้อ แล้วชุดชั้นในของฉันน่ะ แยกสีด้วยนะ แล้วก็แยกประเภทด้วย ตัวไหนเป็นจีสติงก็เอาไว้ลิ้นชักหนึ่ง อันไหนเป็นเต็มตัวก็เอาไว้อีกที่เข้าใจไหม”
“เข้าใจค่ะ แต่ว่าลิ้นชักน่าจะไม่พอ...”
“ไม่พอเหรอ?”
คุณหนูผู้ถูกตามใจมาเสียเคยตัวทำหน้าครุ่นคิด ก่อนจะดีดนิ้วออกมา
“ก็เอาไปเก็บไว้ห้องที่คุณป้าจัดเอาไว้ให้ฉันไง เวลาฉันอยากได้เธอก็ไปเอามาให้ฉัน”
“คุณหนูคะคือว่า...”
“ทำตามที่ฉันบอกนั่นแหละ”
แล้วหล่อนก็ล้มตัวนอน รอยยิ้มหวานอย่างมีความสุข
“เตียงนุ่มดีนะ แสดงว่าเจ้าของห้องก็รสนิยมดีเหมือนกันน่ะเนี่ย”
สาวใช้จัดของไปก็ถอนใจไปอย่างแสนจะวิตกกังวล ซึ่งก็ไม่ต่างจากอังกาบเลยแม้แต่นิดเดียว
“ตาเอกกลับมาเจอเข้าแบบนี้ บ้านแตกแน่ๆ”