เธอรู้ดีว่าการรับงานนี้จะต้องแต่งกายและจะต้องมีเครื่องประดับตกแต่งตัวเองอย่างไรอย่างน้อยที่สุดเธอก็จะต้องสวยในคืนวันนี้เพื่อให้เป็นที่ประทับใจของแขก หลังจากที่เก็บโทรศัพท์ไว้ในคลัทช์ใบเล็กแล้วเธอก็ก้าวเข้าไปในลิฟท์ก่อนที่ลิฟท์ความเร็วสูงจะทะยานขึ้นไปถึงชั้นที่ 50 ของโรงแรมหรูซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาวใจกลางกรุง เมื่อออกจากลิฟท์แล้วเธอก็อดที่จะดึงโทรศัพท์ในกระเป๋าขึ้นมาดูอีกครั้งไม่ได้เพื่อที่จะเปิดดูข้อความที่อ้อยใจส่งมาเป็นข้อความนัดหมายสถานที่วันเวลาซึ่งในนั้นก็จะมีหมายเลขห้องที่เธอจะต้องไปหาแขก เทียนกัลยารวบรวมกำลังใจและคิดว่างานนี้จะเป็นงานสุดท้ายที่เขาจะรับก่อนที่จะจบการศึกษาแต่เธอเข้าใจชีวิตอยู่อย่างหนึ่งว่าค่ะที่เธอกำลังจะไปพบนั้นเป็นมหาเศรษฐีอายุมากแล้วก็คงจะไม่มากเครื่องและคงจะไม่ทำรุ่มร่ามกับเธอ เมื่อไปถึงที่ห้องนั้นเธอก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นว่าไม่มีใครแม้แต่บอดี้การ์ด เทียนกัลยากดออกที่ห้องพักซึ่งเป็นห้องที่อยู่ริมสุดและในหมายกำหนดการก็ระบุด้วยว่าเป็นห้องสวีทที่จะมีความหรูหรามากที่สุดของโรงแรมดอนนาพาเลซ เธอกดออด 1 ครั้งแต่ก็ยังมีการตอบรับประตูยังไม่เปิดแต่เมื่อท่านถ้าจะกดออกอีกครั้งก็ได้ยินเสียงคลิปที่ประตูและบานประตูก็เลื่อนออกโดยอัตโนมัติเธอมองเข้าไปภายในห้องนั้นก็เห็นว่าเป็นห้องรับแขกที่ตกแต่งให้สวยงามเพียงกัลยาก้าวเข้าไปเธอบอกตัวเองว่าต้องรู้สึกมั่นใจเราจริงๆแล้วเธอก็รับงานแบบนี้มาหลายครั้งหลายหน การเป็นผู้หญิงที่คอยให้ความรื่นเริงหรือที่เรียกกันว่าคนที่คอยเอนเตอร์เทนแขกก็จะต้องรู้ว่าจะต้องทำตัวยังไงในสถานการณ์แบบไหน เธอก้าวเข้าไปหยุดนิ่งอยู่ใจกลางห้อง เทียนกัลยามีอาการสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อบานประตูปิดลงโดยอัตโนมัติเธอยังไม่เห็นใครในห้องนั้นแต่ก็รู้สึกได้ถึงความหรูหราอลังการของห้องสวีทในโรงแรมระดับ 5 ดาวที่รอบ ๆ นั้นกรุด้วยกระจกและมองเห็นภาพทิวทัศน์ของยอดตึกสูงท่ามกลางเมืองหลวงอันศิวิไลซ์ท้องฟ้า สีเทาเข้มก็ดูสว่างไสวจากไฟสปอร์ตไลท์บนยอดตึกสูงที่สาดส่องขึ้นไปมันทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เคว้งคว้างในเวลานี้ เทียนก็พยายามมองไปรอบ ๆ ห้องก็เห็นว่ามันเป็นห้องที่ถูกตกแต่งด้วยความหรูหราอลังการทุกอย่าง แต่เธอก็เคยชินแล้วกับบรรยากาศเช่นนี้เพราะส่วนใหญ่แขกพี่รับงานจะเป็นพวกมหาเศรษฐีแต่ก็น่าแปลกส่วนใหญ่งานที่เธอรับเธอมักจะไปกับเพื่อนครั้งละหลายคนและแขกที่ให้เธอไปคอยให้ความรื่นรมย์หรือเอนเตอร์เทนนั้นก็มักจะมาเป็นกลุ่ม โดยปกติแล้วเธอจะไม่ค่อยรับงานเดี่ยวเพราะมันอาจจะดูสุ่มเสี่ยงเกินไปที่เธอจะไม่ได้รับความปลอดภัย ขณะที่กำลังปลดปล่อยความคิดออกไปไกลๆนั้นเทียนกัลยาก็สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงกังวานดังขึ้นด้านหลัง
“มาแล้วเหรอ...คุณตรงเวลาดีนะ”
เทียนกัลยาหันกลับไปถึงต้องขนาดนี้ไปชั่วขณะเมื่อได้เห็นเจ้าของเสียงชัด ๆ เขาเป็นบุรุษอายุประมาณสามสิบกว่าปี รูปร่างสูงใหญ่ เค้าโครงหน้ามีส่วนผสมของเอเชียและยุโรป ท่าทีของเขาดูสุขุมนัยน์ตาสีมรกตเป็นประกายวาววับคู่นั้นฉายแววแห่งความทรงอำนาจและเปี่ยมพลังสะกดสายตา เทียนกัลป์ยาเผลอมองเขาอยู่เพียงชั่วคู่กันจะเอ่ยขึ้นว่า
“สวัสดีค่ะ...ไม่ทราบว่าคุณคือ....”
“ผมคือ โธมัส สิงหรัฐ”
เขาแนะนำตัวเองยิ่งทำให้รู้สึกประหลาดใจมากยิ่งขึ้น นี่หรือคือแขกของเธอ โธมัส สิงหรัฐ มหาเศรษฐีอายุรุ่นปู่ที่อ้อยใจบอกเธอเอาไว้ แถมตอนที่เล่าให้เธอฟังน้ำเสียงของเพื่อนสนิทก็ยังแสดงความรำคาญออกมาด้วยซึ่งภาพที่เห็นตรงหน้ามันตรงข้ามกับที่เพื่อนของเธอบอกเล่ามาหมดทั้งสิ้น โธมัส สิงหรัฐ ไม่ใช่มหาเศรษฐีอายุคราวปู่เขาไม่ใช่คนแก่ไม่ใช่เศรษฐีที่ดึงเงินแต่กลับเป็นหน้าตาหล่อเหลา
บทที่ 3
รูปร่างของเขางามสง่า ไหล่กว้างผึ้งภาย ในใบหน้าคร้ามเข้มของเขาขับเน้นความเป็นบุรุษที่เปี่ยมด้วยเสน่ห์น่าหลงใหล...น่าหลงใหลอย่างนั้นเหรอ...เทียนกัลยาตกใจกับความคิดของตัวเอง นี่เธอเพิ่งได้เจอเขาครั้งแรกก็ยังรู้สึกได้ถึงขนาดนี้แล้วถ้าเกิดว่าอ้อยใจได้มาเห็นตัวจริงของมหาเศรษฐีที่คิดว่าแก่และทำอะไรไม่ได้อย่างที่เคยบอกเธอไว้ก็คงจะตกใจน่าดูเลยทีเดียว ในเวลานั้นเทียนกัลยารวบรวมสติของเธอกลับคืนมาพูดกับเขาว่า
“สวัสดีค่ะคุณโธมัส ฉันเทียนกัลยาค่ะ ดิฉันมาพบคุณตามที่ได้มีการนัดหมายกันไว้”
พอเธอบอกอย่างนั้นเขาก็ทำหน้าตาเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ทว่าประกายตาและรอยยิ้มของเขากลับดูลึกลับเปี่ยมด้วยเสน่ห์อย่างน่าประหลาดใจ”
“อ้อ... ใช่... เรานัดกันไว้นี่นะต้องขอโทษด้วยที่ผมเป็นฝ่ายให้คุณเอ่ยปากเรื่องนี้ขึ้นมาก่อน ยินดีที่ได้รู้จักคุณเทียนกัลยาชื่อคุณยาวมากเลยนะ”
“เรียกฉันว่ายูเฉย ๆ ก็ได้ค่ะเพื่อน ๆ ของฉันเรียกฉันแบบนี้”
“โอเค ยูแต่ผมอยากให้คุณเรียกผมโดยใช้ชื่อเต็ม ๆ ว่าโธมัส ขอโทษทีที่ผมไม่มีชื่อเล่นเหมือนอย่างคุณ”
“ค่ะคุณโทมัส”
“นั่งก่อนสิผมว่าตอนนี้เราน่าจะดื่มอะไรกันสักหน่อยคุณอยากจะดื่มอะไรไหม”