แล้วเขาก็ทำให้เธอตระหนกด้วยการก้มหน้าลงมาหาและประกบปิดปากของเธอไว้ด้วยปากของเขา มันเป็นจูบแรกที่เธอไม่นึกว่าจะได้รับจากผู้ชายที่ไม่ใช่คนรัก แถมมันคือการยัดเยียดความเถื่อนและแสนกักขฬะ ไม่คิดว่ามหาเศรษฐีอย่างโธมัสจะบีบบังคับเธอด้วยการรุกราน มันเป็นการคุกคามที่ทั้งรุนแรงและเร่าร้อนในเวลาเดียวกัน และในเสี้ยววินาทีของความคิดเทียนกัลยาก็นึกออกว่าเธอจะทำอะไรเขาได้บ้าง แน่ล่ะ...ก็เขากำลังเผลอกับจูบที่เรียกได้ว่าดูดดื่ม เขาจูบเธออย่างกระหายหิว เหมือนสัตว์ป่าที่กำลังดึงทึ้งเหยื่อ มันเป็นช่วงเวลาที่เขาหลงลืมไปว่าตัวเองกำลังเคลิบเคลิ้มกับรสสาว เทียนกัลยาฉวยจังหวะนั้นกัดปากโธมัส ถึงไม่เต็มแรงแต่ก็ทำให้เขาชะงักงัน ถึงอย่างนั้นเขาก้ยังไม่ยอมปล่อยเธอให้เป็นอิสระ ยังทาบทับอยู่เหนือเธอ แต่แววตาของเขาเปลี่ยนไป มันดุดันยิ่งกว่าเดิม โธมัสลูบปากของเขาที่เป็นรอยบวมเจ่อเบา ๆ เทียนกัลยาคิดว่าเขาจะร้องโวยวายแต่กลับเห็นรอยยิ้มเหยียดบนมุมปากได้รูป
“ชอบแบบซาดิสต์อย่างนั้นเหรอ”
“คุณมันบ้า! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ”
“ทำให้คนอื่นเจ็บแล้วคิดจะไปง่าย ๆ อย่างนั้นเหรอ ถ้าชอบแบบรุนแรงเราก็มาแลกกันหน่อยเป็นไง”
“โธมัส!” เทียนกัลยาตะเบ็งเสียงอีกครั้ง ตอนนี้หน้าตาของเธอเหมือนกดเก็บความเจ็บแค้น ผมเผ้าที่ให้ช่างเซ็ตมาอย่างดีกระจายยุ่งเหยิง “คุณมันโรคจิต! ฉันไม่นึกเลยว่าจะมาเจอเศรษฐีโรคจิตอย่างคุณ”
“คนโรคจิตที่ไหนจะจ่ายค่าตัวให้ผู้หญิงตั้งสองล้าน ถ้าคิดว่าผมโรคจิตคุณก็ต้องทนรับได้เพราะรับเงินจากผมไปแล้ว”
“ไม่นะ! ฉันไม่รู้เรื่องนั้น เรื่องค่าแรงของฉันมันอยู่ที่คนรับงานต่างหาก”
“ค่าแรงหรือค่าตัว อย่ามาทำเป็นเสแสร้งว่าไร้เดียงสา ถ้ากล้าตอบโต้ผมก็แสดงว่าคุณอยากลองของอย่างนั้นใช่มั้ย ยู!”
“อื๊อ!...อื๊อ!” เทียนกัลยาส่งเสียงไม่พ้นลำคอเพราะปากของเธอถูกปิดไว้ด้วยปากร้อนของโธมัสอีกครั้ง ถึงมันเป็นรอยบวมแต่ดูเหมือนเขาไม่รู้สึกรู้สาเลยว่าถูกตอบโต้ให้เจ็บปวด เขาต้องเป็นบ้า เทียนกัลยาคิดอย่างเจ็บใจ ไม่นึกเลยว่าจะมาเจอกับคนโรคจิตที่ทำอะไรไม่สนใจหรือยี่หระต่ออะไรทั้งสิ้น เขาจูบเธออย่างรุนแรง มือทั้งสองของเธอยังถูกมือหนาแกร่งกดเอาไว้แน่น โธมัสทิ้งน้ำหนักของเขาลงบนตัวเธอ ผู้ชายร่างใหญ่โตและท่อนบนของเขาเปลือยเปล่า อวดกล้ามเป็นมัดเครียดแน่นจนเธอคิดว่าเขาเป็นนักกีฬาทีมชาติ ปากของเขายังบดบี้บนปากของเธออย่างรุ่มร้อน เหมือนเขากำลังโหยหิว หลังจากนั้นเทียนกัลยาก็รู้สึกว่าชุดสวยที่สวมใส่มาถูกกระชากหลุดจากร่างของเธอ มันปลิวไปกองรวมกับเสื้อเชิ้ตผ้าไหมของโธมัสบนพื้นห้อง เธอจะทำยังไงดี....จะทำยังไงดี...เทียนกัลยาถามตัวเองและรับรู้ว่าตอนนี้ร่างกายของเธอถูกกดทับด้วยร่างหนาใหญ่แข็งแกร่ง และเธอก็รับรู้ถึงบางอย่างที่กำลังตื่นตัว มันคัดแข็งอยู่ใต้ท้องน้อยและกระทุ้งให้เธอสะดุ้งทุกครั้ง จากนั้นเขาก็ดันตัวเองขึ้น มือทั้งสองยังกดข้อมือของเธอไว้ โธมัสจ้องมองความอวบสล้างเบื้องล้าง สองเต้าของเทียนกัลยาส่ายไหวและกระเพื่อมขึ้นลงจามแรงหายใจ เธออวบอัดมากกว่าที่เขาคิด ผิวขาวเนียนราวพอร์ชเลนดึงดูดสายตาและสัดส่วนคอดเว้าเผยตรงหน้าเมื่อปราศจากเสื้อผ้าบนเนื้อนวลผ่อง ใบหน้าสวยยังสะบัดส่ายไปมา เหงื่อเม็ดเล็กผุดพรายขึ้นบนขมับของเทียนกัลยา เธอจ้องหน้าเขาและเห็นความกระหายหื่นฉายชัดในดวงตาคู่นั้น
“โธมัส...โธ่เอ๊ย...ได้โปรดเถอะค่ะ....อย่าทำอะไรฉันเลย ฉันไม่เคยรับงานอะไรแบบนี้จริงๆ”
“บอกผมตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วยาหยี...ดูสิว่าคุณทำให้ผมทรมานมากขนาดไหน...ยู...คุณสวยเหลือเกิน”
“ไม่ค่ะ...อย่า...อือ....” เสียงทัดทานหายไปอีกครั้งเมื่อปากร้อนนาบลงบนกลีบปากฉ่ำ เขาจ้วงลิ้นเข้าไป จูบร้ายเหมือนสูบพลังในกายสาวจนหมด เทียนกัลยาบิดร่างไปมา แต่ยิ่งขัดขืนเหมือนยิ่งยั่วยุอารมณ์ของโธมัสเพราะอกอวบใหญ่ของเธอบดเบียดกับอกกว้างเหมือนเชื้อไฟกระตุ้นอารมณ์ร้อนแรงของมหาเศรษฐีหนุ่มให้ลุกโพลงเหมือนพลุระเบิด พอจูบจนพอใจก็เลื่อนปากลงมาซุกไซ้ไปตามซอกคอหอมกรุ่น หน้าสวยส่ายสะบัดแต่เธอกำลังอ่อนยวบลงอย่างไม่มีเหตุผล เทียนกัลยาเตือนตัวเองว่าถึงเขาจะหล่อเหลาปานเทพบุตรแต่ตอนนี้เธอกำลังอยู่ใต้อำนาจของซาตานกระหายหิว เขากำลังดูดพลังจากเธอ ปากและลิ้นของเขาลากไล้ ฉกชิมไปทุกอณูของผิววาวฉ่ำ ก็แน่ล่ะ...คืนนี้ผิวพรรณของเทียนกัลยาผ่องผาดไปทั้งตัวเพราะทุกครั้งที่รับงานเธอต้องเข้าร้านเสริมสวยเพื่อให้ดูดี กลายกลับเป็นว่าความงามหมดจดยิ่งดึงดูดซาตานร้ายในคราบมหาเศรษฐีหนุ่มรูปงามให้จุ่มจ้วงกลืนกินตัวเธออย่างกระหายใคร่ เธอพยายามดันอกกว้างที่เบียดชิดด้วยฝ่ามือทั้งสองแต่ไม่อาจต้านทานแรงมหาศาลของผู้ชายตัวโตอย่างโธมัสได้เลย เทียนกัลยาแผดเสียงออกมาว่า
“ปล่อยฉันนะ!...ปล๊อย!”
“ผมปล่อยคุณไม่ได้หรอก ถึงขนาดนี้แล้วก็ต้องเอาให้คุ้ม”
“ฉันไม่เต็มใจ...อือ...”
“ก็ลองหยุดขัดขืนเป็นไง บางทีคุณอาจจะติดใจจนต้องร้องขอให้ผมเอาจนเช้าเลยก็ได้”