นาถลดาเดินนำเควินไปยังห้องพักของเขา... ทั้งคฤหาสน์มีการประดับตกแต่งหรูหราสไตล์เดียวกันทั้งหลัง... ห้องพักของเควินเป็นห้องชุดที่มีห้องนอนห้องนั่งเล่นห้องทำงานห้องน้ำ แบ่งสัดส่วนอยู่ในห้องเดียวกันเป็นอาณาจักรซึ่งเป็นส่วนตัวราวกับว่านั่นคือ อพาร์ตเมนต์ย่อมๆ... หญิงสาวแอบเห็นเควินเบ้หน้าแล้วหล่อนก็กลั้นหัวเราะไม่ไหว...
เควินหันขวับมามองหล่อน หญิงสาวหุบยิ้มฉับ เขาไม่ใช่หนุ่มน้อยวุฒิภาวะและคุณวุฒิด้อยกว่าหล่อนอีกต่อไป ตอนนี้เขาคือทายาทของคลากสันกรุป และเป็นทันตแพทย์หนุ่มที่ถูกจัดว่าทรงเสน่ห์คนหนึ่งของไทย หากเขาไม่หนีไปใช้ทุนที่บนดินแดนห่างไกลทุรกันดารคงได้ถูกเชิญไปเข้าวงการ ท่าทางเป็นผู้ใหญ่ สายตาคมกริบ ท่าทีที่เดาความหมายยาก ดูออกอย่างเดียวว่าสิ่งที่หล่อนทำกับเขาคงทำให้เขาโกรธเกลียดหล่อนมากจนปิดไม่มิด แต่หล่อนมีความจำเป็นของหล่อน และเป็นความจำเป็นที่บอกเขาไม่ได้ จึงต้องทนให้เขามองด้วยสายตาเหยียดหยามนับตั้งแต่นั้นมาจนตอนนี้...
สายตาของเขาไม่ได้มีเพียงความโกรธหากแต่มันเหมือนมีอำนาจบางอย่างที่กดหล่อนให้ด้อยต้อยต่ำกว่าเขา... เหมือนสายตาของสัตว์ใหญ่ที่มองเหยื่อเตรียมตะปบ นาถลดาจึงรู้สึกเหมือนอยู่กับเขาแล้วตัวหล่อนจะหดลงไปสักสิบเท่า... ตลอดเวลาที่ไม่ได้เจอกันเขาสั่งสมความโหดร้ายด้วยวิธีไหนกันนะ แค่การมองตาเขาหล่อนจึงต่อกรไม่ได้เลย...
“เธอเหม่อเพ้ออะไรกัน...” นิ้วๆ หนาๆ ที่เควินจิ้มหน้าผากเบาๆ เรียกสติหล่อนกลับมา หล่อนหน้าเหวอเมื่อเห็นสีหน้าเอาเรื่อง หล่อนหลบตาเขาแล้วก็เอ่ยถาม...
“ว่าไงนะคะ”
“ฉันถามว่า ห้องทุกห้องในบ้านนี้เหมือนกันหมดหรือไง... ฉันนอนไม่หลับหรอกนะ ตบแต่งอย่างกับวังพระเจ้าหลุยส์ นี่ห้องน้ำคงไม่เป็นทองหรอกนะ” เขาแค่นประชดโดยหาได้รู้ไม่ว่า สิ่งที่เขาพูดมันไม่ต่างจากความจริงเลย...
“หากคุณไม่ชอบที่นี่ ฉันแนะนำว่าคุณอาจจะต้องไปพักที่คอนโดมิเนียมใหม่ของคลากสันกรุปที่ตั้งอยู่ข้างๆ สำนักงานใหญ่ค่ะ มีสวัสดิการห้องสำหรับผู้บริหารอยู่ด้วย ที่นั่นตบแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์น ฉันก็อยู่ที่นั่นเหมือนกัน” นาถลดาแนะนำเขา หล่อนเห็นเหมือนกันกับเขาอยู่เรื่องหนึ่งคือที่คฤหาสน์นี้หรูหราวิจิตรเกินไป แต่หล่อนก็ต้องมาพักที่นี่บ้างหากมีความจำเป็น แต่หลังๆ มานี้หล่อนพักที่นี่ส่วนใหญ่จึงชินแล้ว...
คำพูดของหล่อนทำให้เควินมองหน้าหล่อน เขาเดินเข้ามาใกล้ๆ จนนาถลดาผงะถอยอย่างลืมตัว...
“เธอหมายถึงเธออยากให้ฉันไปอยู่กับเธองั้นเหรอ” เสียงแค่นถามดูแคลนของเขาทำให้หล่อนนิ่งชะงัก “ฉันอยากรู้จริงๆ เลย ว่าเธออยากแต่งงานกับฉันมากมาย ยอมลงทุนทุกอย่างขนาดนั้น เพื่ออะไรกัน... เธอเป็นคนโรคจิตชอบกินหญ้าอ่อน... ทั้งที่ไอ้หมอโรเบิร์ตนั่นมองเธอตาปรอยเธอไม่สนมันหรือไง ทำไมถึงอยากได้ฉัน อยากแต่งงานกับฉันจนยอมทำวิธีทุเรศๆ เพื่อล่อลวงฉัน ตอนแรกฉันคิดว่าตาของฉันบังคับเธอ แต่ดูแล้วมันไม่ใช่ มันคือความต้องการของเธอด้วยนี่”
“เควิน” หญิงสาวเรียกชื่อคนหลงตัวเองเสียเสียงดังลั่น... “มันมากไปแล้วนะ ฉันไม่ได้คิดอย่างที่คุณพูดสักนิด... ฉันมีเหตุผลของฉันที่ทำ แต่เหตุผลนั้นไม่ใช่การอยากแต่งงานกับคุณแน่ๆ”
หญิงสาวแหวลั่น
“งั้นเหรอ แล้วงั้นเพื่ออะไร หรือว่าเธอรู้ว่าคาร์ลจะยกทุกอย่างให้ฉัน เลยอยากเอี่ยวด้วยการขอร้องคาร์ลว่าอยากแต่งงานกับฉัน เพราะจะได้มีส่วนในทรัพย์สมบัติงั้นเหรอ”
“เลื่อนเปื้อนไปกันใหญ่แล้วเควิน” หญิงสาวบอกให้เขาหยุดความคิดไปเสีย เพราะแต่ละอย่างที่เขาคิดได้นั้น มันเป็นการกล่าวหาหล่อนจนไม่อยากทนฟัง...
“ที่เสียงดังนี่เพราะไม่อยากให้ฉันพูดความจริงงั้นเหรอ” เขายังคงหาเรื่องหล่อน
“ฉันจะไม่พูดกับคุณแล้ว... เอาไว้คุณอารมณ์ดีก่อนแล้วค่อยมาคุยกัน คุณคงเจ็ทแล็กอยู่เลยเพ้อเจ้อ ไม่เหมาะที่จะพูดกับคุณตอนนี้” หญิงสาวบอกปัด แล้วก็เดินเลี่ยงออกมา สายตา ท่าทาง และกรุ่นกลิ่นชายชาตรีแสนเร้าใจทำให้หล่อนรู้ว่าอันตราย ทำให้หล่อนไม่อยากพูดกับเขา ห้องนอนเป็นสถานที่ที่ชวนเสียเปรียบมากๆ อีกทั้งสายตาต่อต้านและพยายามหาเรื่องทุกอย่างทำให้หล่อนรู้ว่าวันนี้และที่นี่ไม่เหมาะแก่การเจรจาเป็นอย่างยิ่ง...
“เธอจะไปไหน” เควินเรียกหล่อน แต่หล่อนไม่หยุด เขาเดินตามหล่อนไป และคว้าแขนเอาไว้ หญิงสาวที่เดินอยู่เสียหลักทันที เมื่อเขาดึงตัวให้หล่อนหันมาหา หล่อนจึงโผเข้าชนหน้าอกเขาและเขาก็คว้าหล่อนไว้ได้...
ร่างเล็กของหล่อนหลุดไปอยู่ในอ้อมกอดของเขาที่ตะกอง กอดหล่อนเอาไว้โดยอัตโนมัติ
เหตุการณ์วันที่หล่อนจำเป็นต้องมอมยาเขาเพื่อถ่ายทำคลิปสว่างวาบขึ้นมาในสมอง เหตุการณ์ที่หล่อนพยายามลืมมาตลอดและฝันถึงจนเกือบต้องไปพบกับจิตแพทย์เพื่อไม่ให้ฟุ้งซ่านถึงมัน เหตุการณ์นี้มันกำลังจะเกิดซ้ำรอย...
วันนั้นหล่อนแกล้งทำเป็นไม่เห็นด้วยเรื่องการแต่งงานและเห็นอกเห็นใจเขา แล้วก็แกล้งไม่สบายกลับบ้านไม่ได้และขอให้เขามาส่งที่ที่พัก วันนั้นเควินขับรถที่บ้านออกมาพบหล่อนพอดีจึงมาส่งหล่อนได้ พอถึงห้องพักก็ให้เขาดื่มน้ำและพยายามพูดคุยถ่วงเวลาเพื่อรั้งให้ยาออกฤทธิ์ เมื่อความต้องการเขาพลุ้งพล่าน หล่อนก็ต้องกระโจนเข้าไปหาเขาทั้งที่รู้ว่ามันอันตราย ถึงแม้เขาจะรู้ตัวและด่าทอหล่อน แต่อารมณ์และมือไม้ของเขาก็ไม่ได้ถูกควบคุมจากเขาเอง หากแต่มันโอบกอดและเคลื่อนไหวด้วยการควบคุมจากอารมณ์ร้อนที่เกิดจากยาปลุกปั่นขนานแรง...
เรียวปาก และความรุ่มร้อน มือหนาใหญ่ อกแกร่งที่ร่างกายหล่อนเบียดเสียถูไถ... ความเป็นชายที่ผงาดกล้าที่เบียดหน้าท้องหล่อนร้อนรุ่มแข็งขืนจนน่าตระหนก แต่หล่อนต้องปล่อยให้มันดำเนินสักครู่หนึ่งเพื่อการเก็บภาพโดยวิดีโอ หากแต่ครู่เดียวที่ว่านั้นมันหลายนาที และมันไม่ต่างจากฝันร้ายของสาวที่ไม่เคยต้องมือชาย ความรู้สึกร้อนรุ่มแปลกๆ เกาะกินยามเมื่อร่างกายหล่อนถูกสำรวจอย่างจาบจ้วงร้อนแรง...
กว่าคนที่หลบอยู่จะเห็นว่าได้ภาพที่น่าพอใจและได้วิดีโอที่ใช้งานได้แล้วและออกมาช่วยหล่อนด้วยการจับเควินไปมัดแล้วแช่ในอ่างอาบน้ำให้คลายความร้อนรุ่ม หล่อนก็แทบละลายไปกับเขา ในวันนั้นหากหล่อนทำทุกอย่างเพียงคนเดียวหล่อนสู้แรงเควินไม่ไหวและตกเป็นของเขาด้วยแรงที่น้อยและความอ่อนด้อยประสบการณ์แน่ๆ
ความโกรธของเควินที่รู้ตัวว่าถูกหล่อนแบล็กเมล์และสายตาจงเกลียดจงชังตามมาหลอกหลอนทำให้หล่อนกลัวเหตุการณ์วันนั้นและฝันร้ายตลอดที่ได้ทำร้ายและทำลายเขา มันเป็นทั้งความรู้สึกผิดและอะไรหลายๆ อย่างปนเป และนั่นคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้เควินต้องจำยอมมาสืบทอดธุรกิจของผู้เป็นตาทั้งที่ไม่ต้องการรวมถึงการแต่งงานกับหล่อนด้วย
อ้อมกอดของเควินที่รัดแน่น กลิ่นที่คุ้นชินเหมือนเช่นวันนั้นที่หล่อนยังจำได้ รวมทั้งอ้อมอกแกร่งๆ และความใกล้ชิดเมื่อยามสองร่างบดเบียดกันทำให้หญิงสาวนึกถึงเรื่องวันนั้น แล้วหล่อนก็เกร็งตัวและยืนด้วยขาตนเองก่อนจะดันร่างเขาออกจนสุดแรง และถอยมายืนห่างๆ พร้อมกับหายใจหอบ...
เควินเห็นท่าทางรังเกียจของหล่อนแล้วก็ตาลุก...
“เธอทำเป็นรังเกียจงั้นเรอะ ฉันจำได้นะว่าเธอวางยาฉันแล้วกระโจนใส่ฉันเอง ตอนนั้นไม่เห็นว่าเธอกระแดะขนาดนี้ด้วยซ้ำ”
“ตอนนั้นฉันจำเป็นต้องทำ เพราะว่าอยากให้คุณทำตามข้อเสนอของคุณตาเท่านั้น... แต่ตอนนี้เราไม่จำเป็นต้องใกล้ชิดกัน... เราไม่ควรทำแบบนี้”
“อ้อ งั้นเหรอ... เราไม่ควรทำแบบนี้” สีหน้าของเควินเจือรอยยิ้มเหยียด... “เราไม่ควรแตะต้องกันและใกล้ชิดกัน ถ้าอย่างนั้น งานแต่งงานของเราก็ต้องไม่ถูกจัดขึ้นใช่ไหม...”
“ไม่ค่ะ งานแต่งงานของเราจะต้องถูกจัดขึ้น... แต่เราไม่ควรทำอะไรแบบนั้น เรื่องงานแต่งก็ส่วนงานแต่ง...”
คำพูดของหล่อนทำให้เควินเลิกคิ้ว... เขาเดินเข้ามาหาหล่อน และหล่อนก็เดินถอยหลังออกมาจนหลังหล่อนชนประตูห้อง...
“ฉันบอกว่าอย่าเข้ามาไงเล่า” หญิงสาวแหวลั่น โกรธที่เขาพูดไม่รู้ฟัง
เขามันคนดื้อด้านเจ้าคิดเจ้าแค้นที่สุดเลยให้ตาย
“ทำไมเราต้องแต่งงานกันทั้งที่เราไม่อยากแต่ง” เควินจับคางหล่อนให้เชิดเพื่อมองหน้าเขาแล้วก็ถาม หญิงสาวสะบัดหน้าหนีจากมือเขา พยายามดันอกเขาให้ห่าง แต่ร่างกายเขาก็ไม่ไหวติงสักนิดเลย...
“เพราะมันคือความต้องการของคุณตา” หญิงสาวละล่ำละลักตอบ “ฉันก็ไม่อยากขัดท่าน อยากทำตามใจท่าน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันอยากแต่ง คุณเองก็เหมือนกัน ท่านให้ทำอะไรก็ทำไปเถอะน่า แล้วก็อย่ามายุ่งกับฉัน แต่งแล้วต่างคนต่างอยู่ก็ได้”
“เรื่องอะไรที่ฉันจะทำตามใจคนอื่นล่ะ... ฉันอยากทำอะไรฉันก็จะทำอย่างที่ฉันต้องการนั่นแหละ ไม่ต้องมาแนะนำ” เขากระซิบบอกหล่อน เห็นท่าทางตื่นกลัวเขามากก็นึกอยากแกล้งหล่อนนัก สองมือดึงไหล่ของหล่อนให้เข้ามาใกล้ เห็นดวงตาหวาดผวา พร้อมเรียวปากที่เผยอขึ้นเพราะตื่นตกใจ... มันทำให้เขาโน้มหน้าเข้าหาหล่อนโดยอัตโนมัติ
“ไม่นะ” หญิงสาวกระซิบก่อนจะรวบรวมแรงทั้งหมดที่มีผลักเขาให้ถอยไปหลายก้าวเพราะไม่ทันได้ตั้งตัว แล้วหล่อนก็เปิดประตูห้องออก วิ่งหนีหายออกไป
เควินมองตามหล่อนไปจนสุดสายตา
ดวงตาคมเข้มมีแววแห่งความฉงนฉงาย...
“อะไรกันที่ทำให้เธอยอมทำตามที่คาร์ลสั่งทุกอย่างทั้งที่ไม่ได้เต็มใจ” เห็นได้ชัดว่าแค่เขาแกล้งหล่อนก็ตื่นกลัวราวกับคนไม่ประสา หล่อนไม่ได้อาจหาญพอที่จะทำอะไรร้ายๆ แน่ สิ่งที่หล่อนทำทุกอย่างเควินเดาว่าคาร์ลอยู่เบื้องหลังและเป็นคนสั่ง... “ต้องเป็นเงินแน่ๆ ที่ทำให้เธอยอมทำตามที่คาร์ลสั่ง เธอเผยจุดอ่อนให้ฉันเองนะนาถลดา... เธอไม่รู้หรือยังไงว่าฉันมั่นบ้าแค่ไหน ยิ่งเธอห้ามก็เหมือนยิ่งยุนั่นแหละ... ในเมื่อเธอลากฉันมาลงนรกที่นี่ได้ ฉันลากเธอลงไปตามแน่นอน ไม่มีความปรานีให้เธอแน่ยัยหน้าเงิน”
เควินพึมพำพร้อมกับรอยยิ้มอาฆาตมาดร้าย ที่นาถลดาได้เห็นเป็นต้องหนาวไปถึงไขสันหลังแน่