วิญญาณจากต่างภพ 1

1248 Words
ร่างบางโปร่งแสงยืนมองร่างของตนที่นอนแน่นิ่งอยู่บนโซฟา ก่อนจะร้องไห้ออกมาอีกครั้งเมื่อรู้ว่าตัวเองตายแล้ว “ฉันยังไม่ได้จิกหัวสองคนนั้นมาตบให้หายแค้นเลย ทำไมถึงได้ตายเร็วอย่างนี้นะ ฮือๆ ” อัจฉรามองนพชัยอุ้มร่างของเธอออกจากห้องไปอย่างร้อนรน หญิงสาวยังคงนั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้นไม่ได้ตามร่างของตนไป เมื่อร้องไห้จนพอแล้วสติที่เคยหายไปก็กลับคืนมา ทว่าความเสียใจยังคงอยู่ “ฉันนั่งร้องไห้มาตั้งนานแล้ว แต่ทำไมยังไม่มีใครมารับวิญญาณของฉันล่ะ” ร่างบอบบางยังคงมึนงงอยู่เช่นนั้น แต่แล้วอยู่ๆ วิญญาณของเธอคล้ายกับถูกบางอย่างกระชากดึงไปอย่างแรง อัจฉราตื่นตระหนกเมื่อพบว่ารอบกายมีเพียงหมอกหนาเท่านั้น “แล้วทางไหนไปนรกทางไหนไปสวรรค์ล่ะ ขาวโพลนไปหมดแบบนี้ใครมันจะรู้กันเล่า” ร่างโปร่งแสงล่องลอยไปเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมาย อัจฉราสับสนมึนงงไม่หาย เธอตายแล้วแต่ทำไมยังไม่มีใครมารับวิญญาณของเธอไปเสียที หนำซ้ำยังมาอยู่ในสถานที่น่ากลัวเช่นนี้อีก ฮือๆ ฮือๆ  เสียงร้องไห้ดังมาจากทิศทางใดก็ไม่อาจรู้ได้ ทันใดนั้นเอง ร่างโปร่งบางของอัจฉราก็ไปปรากฏที่บ้านหลังหนึ่งซึ่งดูคล้ายกับบ้านจีนโบราณสมัยก่อน  “ที่นี่มันคือที่ไหนกันล่ะเนี่ย แล้วฉันมาอยู่นี่ได้อย่างไร แล้วยมทูตล่ะเมื่อไหร่จะมารับตัวฉันไปซะที” วิญญาณของหญิงสาวยังคงพึมพำกับตนเอง  ฮือๆ ฮือๆ   เสียงร้องไห้ยังคงดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จู่ๆ วิญญาณของเธอก็ถูกดึงไปยังเรือนหลังหนึ่ง ซึ่งมีเด็กสาวอายุประมาณสิบแปดปีกำลังนั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้น  “น้องจ๊ะเป็นอะไรหรือเปล่า ร้องไห้ทำไม” อัจฉราเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง เด็กคนนี้คงเพิ่งตายเช่นกัน เพราะร่างกายดูโปร่งแสงไม่ต่างจากเธอ  “ท่านมองเห็นข้าด้วยรึ ท่านเป็นผีใช่หรือไม่ ข้าตายแล้วจริงหรือนี่” วิญญาณของเด็กสาวก็ยังคงร่ำไห้ออกมาอย่างหนัก  อัจฉรามองดูความวุ่นวายในเรือนอย่างช้าๆ นี่เป็นเรือนจีนโบราณเหมือนในซีรีส์ที่เธอชอบดูบ่อยๆ ‘แต่ว่าทำไมฉันจึงถูกดึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ โชคดีจริงๆ ที่ฉันเป็นติ่งซีรีส์จีนเลยไปเรียนภาษาจีนเพิ่ม ไม่อย่างนั้นคงพูดคุยกับน้องคนนี้ไม่รู้เรื่องแน่ๆ ’  หญิงสาวยังคงมองภาพความวุ่นวายภายในเรือนหลังงามอย่างใคร่รู้   “เร็วเข้า พวกเจ้ารีบแต่งหน้าให้ฮูหยินแล้วจะได้เอาใส่โลง” ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งสั่งบ่าวไพร่ด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย  “ไม่ได้นะท่านพ่อบ้าน คุณหนูของข้าแค่หลับไปเท่านั้นเอง นางยังไม่ตายเสียหน่อย พวกท่านจะทำเช่นนี้มิได้! ฮือๆ ” สตรีวัยสิบแปดหนาวผู้หนึ่งร้องทัดทานออกมา นางเข้าไปกอดร่างแน่งน้อยที่นอนอยู่บนเตียงไว้แน่น อย่างไม่ยอมให้ผู้ใดเข้ามาใกล้นายของตน  “จับตัวเสี่ยวฝานออกไปให้พ้น แล้วพวกเจ้าก็มาช่วยกันแต่งกายให้ฮูหยิน จะได้เริ่มพิธีศพเสียที” พ่อบ้านคนเดิมสั่งความด้วยท่าทางหงุดหงิด  “ไม่นะ ไม่! คุณหนูของข้าเพิ่งจะหลับไปแค่สองชั่วยามเอง พวกเจ้าก็ว่านางตายแล้วรึ ปล่อยข้า อย่าแตะต้องคุณหนูนะ ข้าบอกว่าให้ปล่อย” นางกรีดร้องอย่างหนัก พยายามดิ้นรนให้หลุดพ้นจากการถูกจับตัว  “ถุย! วาจาผายลมอันใดของเจ้า ฮูหยินใหญ่ไม่หายใจมาสองชั่วยามแล้ว แบบนี้ไม่เรียกว่าตายแล้วจะให้เรียกว่าอันใด และนี่ก็เป็นคำสั่งของนายท่าน เจ้าอย่าได้มาขัดขวางเชียว ประเดี๋ยวจะโดนโบยหลังขาด” สิ้นคำพ่อบ้านผู้นั้นก็ให้คนลากเสี่ยวฝานออกไป และให้คนที่เหลือจัดการกับร่างไร้ลมหายใจบนเตียงนอน “เจ้าพวกคนชั่ว คนใจร้าย ข้าเพิ่งตายไปไม่กี่ชั่วยามพวกเจ้าก็รีบจะฝังข้าแล้วรึ ฮือๆ ข้าไม่ได้อยากตายเสียหน่อย” เด็กสาวบริภาษคนเหล่านั้นไม่หยุด  “น้องจ๊ะ คนเราเกิดมาล้วนต้องตายด้วยกันทั้งสิ้น อย่าเสียใจไปเลย ดูอย่างพี่สิ พี่ยังไม่เสียใจที่ตัวเองตายเลย ดีเสียอีกจะได้หลุดพ้นจากคนชั่วพวกนั้น” อัจฉราพยายามปลอบใจวิญญาณเด็กสาว “พี่สาว ท่านทำใจได้จริงๆ น่ะหรือ แต่ว่า... ข้ายังไม่อยากตายนี่ ข้าเพิ่งออกเรือนมาได้เพียงสี่เดือนเท่านั้น แต่กลับต้องมาตายเสียแล้ว ข้ายังไม่เคยร่วมหอกับสามีเลยสักครั้ง แล้วท่านดูสิ ข้าทั้งสาวทั้งสวยขนาดนี้แต่ต้องมาตายง่ายๆ อย่างนี้น่ะหรือ สวรรค์ช่างใจร้ายกับข้ายิ่งนัก” ลั่วเฟยเซียนยังคงคร่ำครวญอยู่เช่นนั้น  “แล้วเธอชื่ออะไร เป็นไรถึงตายล่ะ เธอก็ดูอายุยังน้อยไม่น่าจะป่วยตายหรอกมั้ง”  “ข้านามว่า ‘ลั่วเฟยเซียน’ เป็นฮูหยินเอกของจวนแห่งนี้ สาเหตุที่ข้าตายน่ะหรือ ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ข้ากำลังนั่งชมดอกบัวอยู่ข้างสระอย่างเพลิดเพลิน จู่ๆ ก็เกิดง่วงขึ้นมาแล้วพลัดตกน้ำไปเสียอย่างนั้น” ลั่วเฟยเซียนงุนงงกับสาเหตุการตายของตนไม่น้อย   “เฮ้อ! เอาล่ะในเมื่อตายไปแล้วก็คงจะทำอะไรไม่ได้ คงได้แต่ภาวนาว่าเกิดใหม่ในภพภูมิต่อไปชีวิตของเราจะดีกว่านี้” อัจฉราเอ่ยคล้ายกับกำลังปลอบใจตนเองมากกว่าปลอบใจเด็กสาวผู้นี้ “ไม่นะ ข้าไม่ยอมหรอก พี่สาวคงไม่รู้สินะ ตลอดชีวิตของข้าน่ะไม่มีผู้ใดรักเลย บิดาก็ไม่สนใจเห็นข้าเป็นเพียงเครื่องมือในการขยายอำนาจของตระกูลเท่านั้น ส่วนสามีข้า เขาเป็นบุรุษที่ข้าปักใจรักมานาน แต่เขากลับมีใจให้น้องสาวต่างมารดาของข้า ซ้ำยังแต่งนางเข้าเรือนในวันเดียวกันกับข้าอีก” ลั่วเฟยเซียนหยุดวาจาไปชั่วครู่เพื่อมองดูคนเหล่านั้นกำลังจัดการแต่งกายให้ศพนาง  “ข้ายังอยากใช้ชีวิตอิสระ อยากมีใครสักคนที่รักข้าจริงๆ มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ข้าอยากทำ แต่ข้าต้องมาตายเช่นนี้มันไม่ยุติธรรมเลย ข้าทั้งงดงาม รูปร่างก็ดี ข้าเสียดายความสาวความสวยของตน และที่สำคัญ ข้าต้องกลายเป็นผีสาวบริสุทธิ์แบบนี้น่ะหรือ ข้าไม่ยอมหรอก ข้ายังไม่ได้ร่วมหอกับสามีเลย ฮือๆ ”  อัจฉราถึงกับพูดอะไรไม่ออก ตอนแรกก็สงสารเด็กคนนี้อยู่หรอกที่มีชะตากรรมคล้ายกันกับเธอ แต่ว่า..อยากเสียบริสุทธิ์ก่อนตายนี่คืออะไรกัน ?  “ลั่วเฟยเซียน เจ้าคือลั่วเฟยเซียนใช่หรือไม่” เสียงถามดังขึ้นมาพร้อมกับการปรากฏกายของบุรุษรูปงามสองคน “ใช่เจ้าค่ะข้าคือลั่วเฟยเซียน แต่พวกท่านเป็นใครหรือเจ้าคะ” นางเอ่ยถามชายหนุ่มทั้งสองที่สวมอาภรณ์สีดำและสีขาว 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD