‘กำลังใจจากใครสักคนมันช่วยให้เรามีแรงเดินต่อไปจริงๆ นะ มันเป็นเหมือนโล่กำบัง ยามที่เราต้องเดินฝ่าคำดูถูก คำตำหนิ คำพูดแย่ๆ ที่ถาโถมเข้ามาใส่เรา ถึงมันจะเป็นแค่คำพูดที่จับต้องไม่ได้ แต่มันสัมผัสได้ด้วยความรู้สึกจริงๆ นะ” -แอดมินสายลม-
2-3 วันมานี้ฉันไปออกกำลังกายทุกวันเลยนะ แต่ก็ไม่ลืมที่จะวอร์มร่างกายก่อนออกไปแล้วล่ะ เพราะถ้าไม่ทำกลับมาคุยกับสายลมเขาคงจะบ่นฉันจนหุชาแน่ ๆ แล้วเรื่องอาหารก็เหมือนกัน ฉันตัดสินใจเรียนรู้วิธีทำอาหารเอาเอง แล้วก็ทำกินเอง ไม่อิ่มก็กินเยอะหน่อย อยู่ท้องได้นานเหมือนกัน ถ้าไปซื้อนะอาหารคลีนนี่แพงเป้นบ้า แถมได้น้อยอีกต่างหาก เขาใจเพื่อนร่วมโลกอ้วนเลยว่าทำไมถึงไม่อยากจะลด อุปสรรคมันเยอะเหลือเกิน
“นี่สายลม วันนี้ฉันทำอาหารคลีนกินเองอีกแล้วนะ อร่อยขึ้นมากไม่เหมือนวันแรก ถ้าไมติดว่าเสียดายของล่ะก้ฉันเททิ้งไปตั้งแต่ตอนชิมแล้วแน่ ๆ แต่วันนี้ไม่ต้องห่วงเลยนะอร่อยมาก ฉันน่ะอยากให้นายลองชิมจัง” เวร!! ฉันดันเผลอพูดสิ่งที่คิดออกไปอย่างไม่ตั้งใจ ฉันรู้สึกว่าตัวเองกำลังชอบสายลมอยู่ยังไงก็ไม่รู้ แต่คนที่ไม่เคยเจอกัน ไม่เคยเห็นหน้ากัน และไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้เจอกันหรือเปล่าแบบฉันกับเขา มันจะรักกันได้ยังไง อย่าใช้คำว่ารักกันสิแนไปแอบรักเขาข้างเดียวต่างหาก
“อืมจริง ๆ ฉันก็อยากชิม ไม่รู้จะดีจริงอย่างที่เธอเคยพูดให้ฟังหรือเปล่า” ก็เพราะแบบนี้ไง อีตาสายลมก็ชอบมาพูดแบบนี้กับฉัน พูดให้ฉันคิดไปเอง ฉันน่ะรู้นะว่าเขาไม่ได้คิดอะไรหรอก แต่แนก็ห้ามความคิดตัวเองไม่ได้เหมือนกันนี่
“สายลม...” ฉันคิดบ้าอะไรอยู่เนี่ย อย่านะฝ้าย อย่าพูดออกไปเชียวนะ
“ว่าไง” แง พอเขาตอบกลับมาใจมันเต้นตึกตัก ตึกตัก ปากสั่นงั่ก ๆ อยากกับกำลังหนาว ไม่นะฝ้าย อย่าพูดออกไปนะ
“คือ....ที่ดาวนาย มีคนเป็นแฟนกันหรือเปล่า” ฮือ...ห้ามตัวเองไม่ได้เลย ทำไมฉันถึงได้เพ้อเจ้อขนาดนี้นะ
“แฟน? หมายถึงคนที่เคมีเข้าคู่กันน่ะเหรอ?” อะไรนะ สายลมเข้าใจแบบเดียวกับที่ฉันเข้าใจไหมวะเนี่ย ฉันพูดถึงแฟน ถึงความรักน่ะ นายเข้าใจไปไหนของนายเนี่ย
“เคมีเข้าคู่กัน?” ฉันทวนอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้ฟังผิด
“ใช่” เขาเองก็ตอบอย่างไม่ลังเลเหมือนกัน อืม...เขาเข้าใจผิด หรือว่าไม่รู้จักคำว่าแฟนนะ
“คือยังไง? ฉันไม่เข้าใจ”
“คนที่...เอ่อ...พูดยังไงดี แบบว่า...ถ้าแต่งงานกันจะมีโอกาสมีลูกได้ ต้องเป็นคนที่เคมีเข้าคู่กัน
‘เออในที่สุดก็เจอความแตกต่างของดาวนายสายลม กับโลกสักที”
“แล้วถ้าคนที่รักกันแต่เคมีไม่เข้าคู่กันล่ะ?”
“ รัก? รักคืออะไร?” ห้ะ? นี่ไม่รู้จักคำว่ารักหรอกเหรอ? แต่เมื่อกี้ก็พูดถึงแต่งงานมีลูกไม่ใช่หรือไง แล้วทำไมถึงได้ไม่เข้าใจคำว่ารักกันล่ะเนี่ย
“ก็หมายถึงความรู้สึกของคนสองคน คล้ายๆ กับทฤษฎีเคมีเข้าคู่กันของนายไง”
“ ไม่จำเป็นหรอก แค่เคมีเข้าคู่กันก็พอแล้ว”
“ บนดาวของนาย ไม่มีคนรักกันเลยเหรอ จะมีคู่ทีนึงก็ต้องหาคนที่เคมีเข้าคู่ด้วยแบบนี้เหรอ
“คนรักกัน ฉันไม่รู้สิว่ามันคืออะไรน่ะนะ แต่คิดว่าน่าจะ ใช่”
“ แล้วเขาจีบกันยังไง”
“จีบเหรออืม...หมายถึงการทำความรู้จักกับเพศตรงข้ามน่ะเหรอ ก็ถามรหัสเคมี ทุกคนจะรู้รหัสเคมีตัวเองเมื่ออายุพร้อมจะมีลูก” ดูเหมือนใช้สัญชาตญาณยังไงชอบกล
“นี่ไง ก่อนจะเข้าไปถามเคมีก็ต้องมีความรู้สึกว่าชอบคนนี้ถึงได้ถาม”
“ไม่นะปกติทำความรู้จักกับใครก็ต้องถามคู่เคมีเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ถ้าเรารู้รหัสเคมีตัวเองแล้ว และแน่ใจว่าอีกฝ่ายรู้หรือยัง แต่ก็อาจจะถามก่อนว่ารู้รหัสเคมีหรือยังเพื่อความแน่ใจ” ฟังดูแปลกๆ เนอะ ดีแล้วที่โลกเราไม่ต้องมีกฎบ้าบอคอแตกแบบนี้
“แล้วนายรู้รหัสเคมีตัวเองยัง?”
“รู้นานแล้วล่ะ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร”
“นี่...นายอายุเท่าไหร่” เพราะเขาบอกว่า การรู้รหัสเคมีตัวเองน่าจะเป็นการบอกว่าพร้อมมีครอบครัว ฉันเลยเดาเอาว่านายนี่น่าจะโตแล้ว เผลอๆ อาจจะโตกว่าฉันอีก
“ก็ 26 ปีบนไฮเรยามู”
“เวลาที่นั่นเท่ากับโลกไหม”
“ ยาวนานกว่า วันหนึ่งมี 30 ชั่วโมงของโลก กลางวันจะสั้นกว่ากลางคืน”
“แล้วถ้าตีเป็นเวลาบนดาวนายล่ะกี่ชั่วโมง แล้วชั่วโมงเท่ากันกับโลกไหม”
“ กลางวัน 11 ชั่วโมง 1 ชั่วโมงเท่ากับ 1 ชั่วโมงครึ่งบนโลก พ่อบอกแบบนั้นนะ ในตำราก็บอกแบบนั้นเหมือนกัน”
“อ๋อ...แล้ว...นายเจอคู่เคมีตัวเองหรือยัง” เป็นคำถามที่ฉันแอบกลัวคำตอบอยู่นิดๆ เฮ้อรักครั้งแรก ดันแอบรักมนุษย์ต่างดาวน่ะเหรอ
“ยัง ฉันไม่เคยถามใครน่ะ ก็บอกไปแล้วนี่ว่าไม่ได้สนใจ”
เย้!! หู่ววว โล่งอกฉันตัวเกร็งไปหมด กว่านายสายลมจะตอบ
“แล้ว...ตกลงไอ้ รัก ที่ว่ามันคืออะไร” ถามคนไม่เคยมีความรักเนี่ยนะ ไม่สิ ถามคนเพิ่งเคยมีความรักเนี่ยเหรอ
“มันก็คือความรู้สึกดีดีที่เรามีให้กับใครสักคน”
“ แล้วใครล่ะ”
“มันก็ใครก็ได้ พ่อ แม่ เพื่อน หรือคนรัก แบบที่บนดาวของนายเรียกว่าคู่เคมีน่ะ”
“คนรักคือคู่เคมีของเราเหรอ”
“ อืม...ก็เปรียบได้กับคู่เคมีบนดาวนายน่ะ แต่เราไม่ได้รักกันมั่ว ๆ แบบนั้น มันซับซ้อนกว่านั้น”
“ไม่ได้มั่วสักหน่อย แล้วที่ว่าซับซ้อน มันซับซ้อนยังไง”
“โอ๊ย!!! มันอธิบายยาก ไปหางานวิจัยอ่านเอาเองเถอะ” ก็มันอธิบายยากจริงๆ นี่นา พูดเรื่องนี้เล่า 7 วันก็ไม่หมดหรอก’
“แล้วฉันรักเธอได้หรือเปล่า?” พอได้ยินคำถามนี้ ตาที่กำลังจะหลับลงก็เบิกกว่างทันที...ใครสั่งใครสอนให้ถามแบบนี้ หัวใจจะวายเอานะเว้ย
“เอ่อ....” มันใช่คำถามที่ควรถามเหรอ คนก็ยิ่งหวั่นไหวอยู่แล้วด้วย ยิ่งมาทำให้หวั่นไหวมากเข้าไปอีกไอ้บ้าเอ๊ย
“ เราเป็นเพื่อนกัน ก็รักกันแบบเพื่อน แบบนี้ได้ใช่ไหม? ฉันเขาใจถูกไหม” เฮ้อ...ทำไมไม่รวมมาในประโยคเดียว ไอ้บ้า!! ไอ้มนุษย์ต่างดาวบ้า!! มาทำให้ตกใจเล่นๆ ซะงั้น เราคุยกันต่อได้สักพัก ฉันก็เผลอหลับไปแบบไม่รู้ตัว ถ้าฉันขอให้เราได้คุยกันแบบนี้ทุกวันตลอดไปเลย มันจะมากไปหรือเปล่านะ....