เจ้าชายคาริมเดินทางถึงแผ่นดินเกิดในเช้าของมันถัดมา ทรงเดินทางมาถึงแผ่นดินรัฐไบลาร์อย่างเงียบๆ พอก้าวลงจากเครื่องบินแล้ว ก็ตรงไปขึ้นรถที่ผู้เฒ่าอัลฮิมมาเฝ้ารอรับการกลับมายังมาตุภูมิ
“เจ้าชายของกระหม่อม ทรงสง่างามเหลือเกินพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเห็นพระองค์ในครั้งแรก กระหม่อมแทบจำพระองค์ไม่ได้”
ผู้เฒ่าอัลฮิมปรีเข้าไปทำความเคารพราชนิกุลหนุ่ม ที่ก้าวเดินอย่างองอาจแผ่อำนาจของเจ้าแห่งทะเลทรายคนต่อไป มาหยุดยืนอยู่ต่อหน้าของเขา
และเมื่อเห็นเจ้าชายคาริม ซึ่งมีพระพักตร์และดวงเนตรถอดเค้ามาจากเจ้าชายคาดีม ผู้เป็นพระบิดาไม่มีผิดเพี้ยน ทำเอาองครักษ์เฒ่าอย่างอัลฮิม ซึ่งจงรักภักดีต่อผู้เป็นเจ้าเหนือหัวเสมอมาถึงกับน้ำตาซึมในทันที
“อัลฮิม เจ้าห้ามร้องไห้เด็ดขาด”
เจ้าชายคาริมตรัสสั่งสุรเสียงเข้ม ดวงเนตรทั้งสองที่อยู่ภายใต้แว่นตาสีดำอันใหญ่ แข็งกร้าวโชนแสงไปด้วยไฟแค้น ขณะตรัสด้วยสุรเสียงเย็นยะเยือก
“เราต้องการรู้ว่าองครักษ์ที่คอยอารักขาท่านพ่อหายไปไหนหมด ทำไมถึงปล่อยให้ท่านพ่อถึงถูกลอบปลงพระชนม์ได้”
ตรัสถามไปแล้ว เจ้าชายคาริมก็ก้าวขึ้นไปนั่งในรถยนต์ติดฟิล์มหนาทึบ และที่สำคัญกระจกรถเป็นแบบกันกระสุนได้ด้วย
องครักษ์รามีลและผู้เฒ่าอัลฮิมตามขึ้นไปนั่งบนรถคันใหญ่ แต่ก่อนจะก้าวขึ้นไปนั่งคู่กับเจ้าเหนือหัว องครักษ์รามีลก็ไม่ลืมกวาดสายตามองรอบๆ บริเวณสนามบิน เพื่อ
ให้มั่นใจว่าไม่มีใครล่วงรู้ถึงการเดินทางมาถึงแผ่นดินทะเลทรายของเจ้าชายคาริมผู้เป็นองค์รัชทายาทที่หนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อพระบิดาถูกลอบปลงพระชนม์แล้ว คนร้ายก็ไม่ลังเลที่จะจัดการเจ้าชาคาริมเป็นรายต่อไป
เมื่อรถยนต์คันใหญ่เริ่มเคลื่อนตัวออกจากบริเวณสนามบิน เจ้าชายคาริมก็ตรัสถามองครักษ์คนสนิทของพระบิดาอีกครั้ง เพราะอีกฝ่ายเอาแต่ทำตาแดงราวกับจะร้องไห้ในทุกนาที
“เจ้าจะตอบคำถามของเราได้หรือยังเจ้าอัลฮิม องครักษ์หายหัวไปไหนหมด ทำไมพวกเขาไม่อยู่อารักขาท่านพ่อของเรา”
สุรเสียงที่ตรัสถามเริ่มดังขึ้นและห้วนจัดเมื่อไม่ได้รับคำตอบตามที่ทรงต้องการสักที
ผู้เฒ่าอัลฮิมกล้ำกลืนก้อนสะอื้นลงคอ เอ่ยตอบเจ้าเหนือหัวหนุ่มได้อย่างยากลำบาก “องครักษ์ทุกคนถูกเก็บหมด ไม่มีลมหายใจได้อยู่ปกป้องฝ่าบาทเลยพ่ะย่ะค่ะ”
คำตอบที่หลุดออกมาจากปากของผู้เฒ่าอัลฮิม ซึ่งเอ่ยบอกเสียงสั่นเทา ทำเอาเจ้าชายคาริมและองครักษ์รามีลถึงกับนิ่งงันไปพร้อมๆ กัน หลังจากนั้นองครักษ์รามีลจะเป็นฝ่ายเอ่ยถามแทนเจ้าเหนือหัวหนุ่ม
“เมื่อสักครู่ท่านลุงบอกว่าองครักษ์ถูกฆ่าตายหมดยังงั้นหรือครับ”
องครักษ์รามีลเบิกตาโต ขณะถามซ้ำราวกับไม่เชื่อในคำตอบที่ได้ยินมา
“ใช่...รามีล...” ผู้เฒ่าอัลฮิมยังคงรับคำเสียงแผ่วเบาเช่นเดิม
“เจ้ากำลังจะบอกเราว่า ลูกชายฝาแฝดทั้งสองของเจ้า ถูกฆ่าตายพร้อมๆ กันยังงั้นหรืออัลฮิม”
ตรัสถามไปแล้ว เจ้าแห่งทะเลทรายก็มีอันต้องนิ่งขึงตัวชาอีกครา กับคำตอบที่หลุดออกมาจากปากของผู้เฒ่าอัลฮิม
“พ่ะย่ะค่ะเจ้าชาย ฟาติกับฟาติน ถูก...ฆ่าตายพร้อมๆ กันพ่ะย่ะค่ะ”
น้ำเสียงที่เอ่ยตอบนั้นเบาหวิวยิ่งนัก เมื่อนึกถึงการสูญเสียลูกชายสองคนในคราวเดียวกัน
“ยังไง พวกเขาถูกฆ่าตายยังไง”
เจ้าชายคาริมตรัสถามสุรเสียงห้วน แต่หาใช่เพราะโกรธผู้เฒ่าอัลฮิมไม่! พระองค์กำลังแค้นคนร้ายที่พรากลูกชายฝาแฝดของผู้เฒ่าผู้นี้ไป ซึ่งองครักษ์ฟาติและองครักษ์ฟาติน มีหน้าที่คอยอารักขาความปลอดภัยให้กับพระบิดาของพระองค์ตลอด
เวลาไม่ต่างจากเงา และแน่นอนว่าก่อนพระบิดาพระองค์จะถูกปลงพระชนม์ คนแรกที่ต้องสิ้นลมก่อนคือเหล่าองครักษ์ทั้งหลาย
ผู้เฒ่าอัลฮิมกะพริบตาถี่ๆ เพื่อไล่หยาดน้ำตาออกจากดวงตาอันแดงก่ำ สีหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เมื่อภาพของลูกชายฝาแฝดนอนจมกองเลือดปรากฏขึ้นในหัวอีกครั้ง
“พวกเขาถูกฆ่าปาดคอ...”
“เป็นไปได้อย่างไร ฟาติกับฟาตินเป็นองครักษ์รุ่นเดียวกันกับผม ตอนฝึกทักษะต่างๆ ทั้งสองคนนั้นทำคะแนนได้สูงสุดเกือบทุกครั้ง จะเป็นรองผมแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น ผมไม่เชื่อว่าฝาแฝดจะถูกฆ่าตายง่ายๆ ถึงเพียงนั้น”
องครักษ์รามีลค้านเสียงดัง ไม่เชื่อเด็ดขาดว่าเพื่อนของตนเอง ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นองครักษ์มือหนึ่งเก่งกาจไม่แพ้ตัวเขา จะถูกฆ่าตายอย่างง่ายดาย
นอกจากองครักษ์รามีลจะไม่เชื่อแล้ว เจ้าชายคาริมก็ไม่เชื่อเช่นเดียวกัน เพราะพระองค์เห็นฝีมือการต่อสู้ การอารักขาที่เก่งกาจของฝาแฝดสองคนนี้ จึงได้ตัดสินใจเลือกให้องครักษ์ฟาติและองครักษ์ฟาติน เป็นองครักษ์ประจำตัวของพระบิดา
“สองคนนั้นไม่น่าจะถูกฆ่าตายง่ายๆ แถมยังถูกฆ่าตายแบบประชิดถึงตัวด้วย มีอะไรที่เรายังไม่รู้อีกไหมเจ้าอัลฮิม”
เจ้าชายคาริมตรัสถามสุรเสียงเครียด และก็เป็นไปตามที่พระองค์คาดเดาไว้ เมื่อได้ยินเสียงผู้เฒ่าอัลฮิมเอ่ยตอบอีกครั้ง
“หมอที่ชันสูตรศพ บอกว่าฝาแฝด องครักษ์อีกหลายคน รวมทั้งเอ่อ...ฝ่าบาท ถึงรมยาจนไม่ได้สติ และกระหม่อมคิดว่าคนร้ายคงเข้าไปฆ่า...”
“โอ้...ไม่นะ เจ้ากำลังจะบอกเราว่าท่านพ่อถูกคนร้ายฆ่าปาด...”
เจ้าชายคาริมร้องคำรามลั่นยิ่งกว่าราชสีห์บาดเจ็บ ถ้อยคำที่เหลือขาดหายไปในลำคอ พระหัตถ์ใหญ่กำเข้าหากันแน่ แค่เพียงได้รับรู้ข่าวว่าพระบิดาถูกลอบปลงพระชนม์ พระองค์ก็เจ็บปวด เสียพระทัย และคลั่งแค้นมากพอแล้ว ยิ่งได้มาล่วงรู้ว่าพระบิดาถูกคนใจอำมหิต ลงมือปลิดชีพอย่างโหดเหี้ยมมากเพียงใด ยิ่งทำให้เจ็บแค้นคนชั่วมากกว่าเดิมอีกหลายสิบเท่า
“เราสาบานว่าจะลากคอคนชั่วมาชดใช้กรรมให้เร็วที่สุด”
สุรเสียงที่ตรัสออกมานั้นเต็มไปด้วยความโกรธจัด เต็มไปด้วยความแค้นที่แผ่
ซ่านทั่วทุกอณู
“กระหม่อมก็หวังเช่นนั้น กระหม่อมภาวนาให้เจ้าชายเสด็จกลับรัฐไบลาร์โดยเร็วที่สุด ตอนนี้แผ่นดินไบลาร์กำลังระส่ำระส่าย เมื่อต้องสูญเสียฝ่าบาทไป”
ผู้เฒ่าอัลฮิมเอ่ยบอกเจ้าเหนือหัวเสียงเครียด เขานับเวลารอทุกวินาทีให้เจ้าชายคาริมเสด็จถึงแผ่นดินทะเลทรายเร็วที่สุด