วันส่งตัวเข้าวังเพื่อคัดนางใน ….
ผู้คัดตัวนางในหลายสิบคนลงจากเกี้ยวที่หน้าประตูวัง
จินเฉิงอู่เข้ามาในวังแต่เช้าตรู่เช่นกัน ข้างๆกันนั้นเกี้ยวของเจิ้งเหมยหยุดก่อนถึงประตูวังตามธรรมเนียม
ร่างเล็กบอบบางก้าวลงจากเกี้ยวด้วยสายตาหวาดหวั่น หันมาร่ำลากับสาวใช้ที่มาส่งหันกลับมาอีกทีชนเข้ากับร่างใหญ่ของจินเฉิงอู่เข้าอย่างจัง รวบร่างบางไว้ในอ้อมแขนสบตากลมที่มีแววเศร้าสร้อยภายใน
นิ่งนานบางอย่างบอกเขาว่า นางช่างมีใบหน้างดงามนัก เสียดายคงจะไม่รอดพ้นสายตาของฝ่าบาทถูกคัดไปเป็นสนมของฝ่าบาทอย่าแน่นอน
"ขออภัยใต้เท้า"
หลบตาคมที่ส่งสายตาพึงพอใจในใบหน้างดงามยามเขินอายยิ่งน่ามอง จินเฉิงอู่เผลออมยิ้ม
เจิ้งเหมยเดินหลบเข้าไปในวังปล่อยเขายืนเก้ออยู่ตรงนั้น
เจิ้งเหมยหลบตาคมที่มองมาอย่างคาดคั้น
"ท่านอ๋องโปรดไตร่ตรอง เราสองคนแต่เดิมไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเหตุใดเจิ้งเหมยต้องอยากมาอยู่จวนอ๋องหากไม่ใช่บัญชาของฝ่าบาท"
"เราสองคนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน จริงอย่างที่เจ้าพูดเช่นนั้นวันนี้ข้าจะถือว่าข้าไม่ใช่อ๋อง เป็นเพียงบุรุษผู้หนึ่งเท่านั้น"จูบรุนแรงป่าเถื่อน
เจิ้งเหมยดิ้นรนแต่กลับถูกกอดรัดมือกำแน่นทุบลงบนอกกว้างมือใหญ่กำมือที่ทุบอกเขาไว้ด้วยมือแข็งแรงเพียงข้างเดียว
เพียงครู่เดียวกลับกลายเป็นจูบที่อ่อนหวานปานน้ำผึ้งเจิ้งเหมยคลายมือออก จิ้นเฉิ้งอู๋จ้องตาสวยของเจิ้งเหมย บางอย่างในสายตาทำเอาจิ้งเหมยรีบหลับตาไม่อยากมอง
ถอนริมฝีปากออกช้าช้า แต่เหมือนไม่อาจหักห้ามใจกดปิดริมฝีปากอีกครั้งอย่างอ่อนโยนเจิ้งเหมยขยับตัวหนี แต่ถูกตรึงไว้ด้วยอ้อมกอด
"สิ่งที่บุรุษทั่วไปไม่อาจปฏิเสธ ข้าก็ไม่อาจปฏิเสธ"
ดึงร่างบางมากอดนิ่งเนิ่นนานไม่มีคำพูดใดใดหลุดออกมา เจิ้งเหมยเองก็ไม่อาจต่อกรปล่อยให้เขาทำตามใจ
จินเฉิงอู่ตบสีข้างม้าให้พุ่งทะยานไปสู่จุดหมาย แต่มืออุ่นยังไม่ยอมปล่อยเอวบางที่ดึงรั้งให้แนบกับตัวเขา
….จวนอ๋อง….
จินเฉิงอู่กระโดดลงจากหลังม้า เดินเข้าไปในจวนทันทีไม่แม้แต่จะหันมามองเจิ้งเหมย คังซื่อฮั่นส่งมือให้เจิ้งเหมยรับตัวเจิ้งเหมยลงมา
"ท่านอ๋องใจร้ายกับเจ้าหรือไม่"
แววตาวิตกกังวล เจิ้งเหมยส่ายหน้า รสจูบหวาบหวามยังติดอยู่ที่ริมฝีปากบางยกมือขึ้นลูบริมฝีปากอย่างลืมตัว
"ปกติท่านอ๋องเป็นคนที่ค่อนข้างห้าวหาญในแบบนักรบ จึงไม่มีความอ่อนหวานเท่าที่ควร กับพระชายาก็เหมือนจะมีท่าทีเฉยชา แต่ภายในใจของท่านอ๋องไม่มีใครหยั่งรู้ได้ กับเจ้าแม้จะมองว่าไม่ได้สนใจอะไรแต่ลึกๆ ข้าคิดว่าท่านอ๋อง ไม่ได้เกลียดเจ้าอย่างที่แสดงออก"
เจิ้งเหมยก้มหน้ามองพื้น คังซื่อฮั่นยิ้มถอนหายใจยาวๆ
"จริงสิวันนี้ ข้าไปที่ตลาดซื้อผลซานซาเชื่อมมาฝากเจ้า"
เจิ้งเหมยคิดถึงผลซานซาเชื่อมเมื่อเช้าบนเกี้ยว
ที่เยอะจนกินไม่หมด แต่ก็รับมาด้วยความเกรงใจคังซื่อฮั่น
"ท่านอ๋อง โยวเสวียนรอทานกลางวันพร้อมกัน"
จินเฉิงอู่เลิกคิ้วมองโยวเสวียน
"ข้าเรียบร้อยมาจากในวังแล้ว ความจริงหวางเฟยไม่ต้องรอเพราะรู้อยู่แล้วว่า ข้าจะกลับก็มืดค่ำ"
"เห็นเกี้ยวแต่ไม่เห็นตัว โยวเสวียนก็รู้แล้วว่าฝ่าบาททรงรั้งตัวท่านอ๋องหารือเรื่องราวในราชสำนัก จึงคิดว่าท่านอ๋องกรำงานหนักเช่นนี้เพื่อแว่นแคว้น"ซบศีรษะลงบนแขนใหญ่
จินเฉิงอู่ถอนหายใจ
"ขอบใจเจ้าหวางเฟย ข้าพาเจ้าทานกลางวันที่ศาลาริมน้ำเป็นการตอบแทน"
ศาลาริมน้ำร่มรื่น ปลาหลากหลายสีสันว่ายวนชวนมอง
จินเฉิงอู่นั่งบนพื้นศาลาอาหารมากมายบนโต๊ะ โยวเสวียนใช้ตะเกียบคีบอาหารวางบนถ้วยให้จินเฉิงอู่อย่างเอาใจ
เจิ้งเหมย ถือถาดของหวานมาเสิร์ฟ ชะงักฝีเท้าแต่สักพักก็ก้าวเข้ามาในศาลาย่อตัว ยกของหวานวางตรงหน้าจินเฉิงอู่ที่ไม่แม้จะเหลือบตามอง โยวเสวียนยิ้ม
"รออยู่ที่นี่ก่อน อาจมีสิ่งใดต้องใช้เจ้า"
ยกชามของหวานตักกินสังเกตท่าทีของทั้งจินเฉิงอู่และเจิ้งเหมย
"ท่านอ๋อง ท่านพ่อต้องการหารือเรื่องกองทัพของท่านอ๋องที่ฝ่าบาททรงโปรดให้ลดทอนกำลังพล"
"ขอบใจเจ้าโยวเสวียน เจ้าส่งข่าวบอกใต้เท้าตู้ว่าข้านัดหารือที่จวนอ๋องในอีกสองวันข้างหน้า”
เจิ้งเหมยไม่ได้ใส่ใจอะไร โยวเสวียนยิ้มเหลือบตามองเจิ้งเหมยที่ยังยืนนิ่ง
“ข้ามี งานต้องเร่งสะสาง หวางเฟยอยู่ที่นี่กินเสียให้อิ่มข้าอยู่เป็นเพื่อนเจ้าได้เท่านี้”
ลุกเดินจากมา โยวเสวียนมองตามแต่ก็ไม่ได้รั้งจินเฉิงอู่ไว้
“ข้าอยากให้อาหารปลาเสียหน่อยพวกมันว่ายวนเวียนขออาหาร”
เจิ้งเหมยไม่รอช้ารีบหยิบอาหารปลาให้โยวเสวียน ถอยออกมาห่างๆโยวเสวียนนั่งลงที่บันไดศาลา โยนอาหารให้ปลาและลูบคลำตัวพวกมันสักพักก็ลุกขึ้นยืน แต่เสียหลักหล่นลงไปในน้ำเสียงดังสนั่น เจิ้งเหมยตกใจอย่างมากรีบวิ่งมาที่บันได
“พระชายาส่งมือมาเจิ้งเหมยช่วยท่าน”
ไม่ยอมยื่นมือให้เจิ้งเหมย
“ช่วยด้วย”
กลับร้องขอความช่วยเหลือดิ้นรนจนในที่สุดก็ออกห่างบันไดไปเรื่อยๆ
“ช่วยด้วยพระชายาตกน้ำ”
เจิ้งเหมยตะโกนให้คนช่วย แล้วก็กระโดดลงไปเมื่อเห็นว่า โยวเสวียนจมน้ำหายไป
น้ำเย็นเฉียบเจิ้งเหมยลืมไปด้วยซ้ำว่าตัวเองว่ายน้ำไม่เป็นในที่สุดก็จมลงสู่พื้นน้ำเสียงกระโดดน้ำและเสียงผู้คนพูดคุยกันข้างบน ในน้ำก่อนหมดสติ ดวงตาพร่าเลือนจมดิ่งลงสู่ผิวน้ำ เมื่อนานชั่วกัปชั่วกัลป์จินเฉิงอู่เอื้อมมือมาฉุดมือบาง
ริมฝีปากใหญ่ประกบลงบนปากของเจิ้งเหมยส่งต่อลมหายใจร้อนผะผ่าวดวงตา คมจ้องมองอย่างห่วงใย เจิ้งเหมยสบตาคมนิ่งก่อนจะหมดสติไปทันที