ดื่มน้ำหวาน
เมืองกุ้ยโจว แคว้นชิง
ยี่สิบสองปีต่อมาปลายวสันต์
บุรุษเรือนกายสูงใหญ่ที่มีผิวขาวดุจหิมะบุกรุกเข้ามาหาสตรีที่นอนอยู่บนเตียงหลังน้อยในยามวิกาล นางส่งเสียงหวานแผ่วเบา เสียงซึ่งเกิดจากการถูกริมฝีปากบางสีสดบรรจงลวกตามผิวกายสาว
ยอดถันงดงามของนางเย้ายวนใจเขายิ่ง มันเป็นสีชมพูเข้ม และนางมีหน้าอกอวบสวยขนาดใหญ่ มันเด้งไหวรับการนวดเฟ้นจากแรงมือของเขา ราวกับก้อนเต้าหู้เนื้อดี
เขาดูดเลียขบเม้มยอดถันพอให้นางส่งเสียงหวานอย่างเผลอไผล และหลังจากเล่นกับถันคู่งามสมใจ เขาก็เลื่อนริมฝีปากลงมาเรื่อยๆ กระทั่งถึงเนินสวาทที่ชวนให้ไล้ลิ้นชิม
ม่านซือซือเป็นหญิงที่ดูแลร่างกายได้ดีเหลือเกิน ขนซึ่งอยู่ใน ส่วนลับถูกเก็บให้เรียบร้อย มันจึงเผยให้ชายหนุ่มคลั่งหนักกว่าเดิม ด้วยเนินเนื้อนางนูนสวยอีกทั้งสั่นระริก ชวนให้เขากระแทกทั้งลิ้นและแก่นกายเข้าไปสำรวจความชุ่มชื้นข้างใน
“เจ้ารอข้าอยู่ใช่หรือไม่ คงปรารถนาร่วมรักกับข้ามิต่างกัน” เขาเอ่ยจบก็หัวเราะลงลูกคอ เสียงหัวเราะที่แสนประหลาดอีกทั้งชวนให้ ครั่นคร้ามใจ
ในคืนที่แสงจันทร์มีเมฆบดบังเช่นนี้ ห้องนอนของคุณหนูห้าสกุลม่านจึงมีเพียงแสงจากตะเกียงดวงน้อยที่ให้ความสว่างเพียงริบหรี่ แต่ก็มากพอที่จะให้เขาได้สำรวจและกินนางอย่างถึงใจ
ปลายลิ้นเรียวของเขาแทงลึกเข้าสู่กลีบบุปผา และมันคับแน่นมาก กระนั้นก็มีความต้องการอันบ้าคลั่งอยู่ข้างใน เมื่อถูกเขากระตุ้นอย่าง ไม่ลดละ น้ำหวานของนางจึงซึมออกมาไม่หยุด ร่างกายนางสั่นสะท้านน้อยๆ สั่นด้วยความรัญจวนใจ
สำหรับเขา คุณหนูห้าแห่งสกุลม่านเป็นสตรีที่พิเศษกว่าใคร นางอดกลั้นเก่ง อีกทั้งมีเสียงครางไพเราะทำให้เขาเคลิ้มไหว
ชายหนุ่มแทรกปลายลิ้นเข้าสู่แอ่งเนื้อนิ่มด้านในอีกหน ซึ่งคราแรกนางปิดกั้นไม่ให้เขาผ่านเข้าไป แต่พอมือใหญ่เอื้อมไปบดบี้ยอดถันสลับการคลึงให้นางเสียวซ่าน นางจึงคลายความแน่นออก และเปิดทางเย้ายวนให้เขาบุกทะลวง
ลิ้นร้อนแทรกแทงลึก นางจึงครางเสียงซาบซ่าน เมื่อเขาเร่งจังหวะรัวแรงหนักหน่วง นางก็เหมือนจะปล่อยความสุขล้ำให้เขาดื่มกิน
“อ๊ะ อ๊า...อี้...” นางร้องอย่างเผลอไผล ดวงตากลมโตปิดสนิท ยามนี้มีแต่แพขนตางอนยาวที่ไหวไปมา
หญิงสาวหลับลึก ส่วนหนึ่งมาจากกลิ่นธูปหอมซึ่งอบอวลอยู่ใน ห้องนอน
และเมื่อเขาส่งความสุขให้นางเพิ่มขึ้นด้วยปลายลิ้น สลับการดูดติ่งเนื้อนิ่มของนาง สตรีที่หลับใหลจึงครางเสียงหวานจัดกว่าเดิม
“อี้ๆๆ” น้ำเสียงนางไพเราะจับใจ จึงทำให้เขาพึงใจทุกครั้งที่ได้ยิน
คราแรก ชายหนุ่มอยากปรนเปรอความใหญ่โตในกางเกงของตนแก่นางเพื่อให้คลายกำหนัด ผิดแต่มันยังไม่ถึงเวลา และนับแต่นี้เขาต้องใช้เล่ห์กลเล็กๆ น้อยๆ เพื่อจะได้ตัวคุณหนูห้าสกุลม่านไปใช้งานในคฤหาสน์สัตตบงกช ซึ่งนางอาจโชคดีได้เป็นฮูหยินของเขา ไม่ใช่สิ...ตำแหน่งพระชายา หรืออาจถึงขั้นเป็นมเหสีของแคว้นชิง มันคงไม่เกินความสามารถที่นางจะเอื้อมถึง ขอเพียงนางเป็นสตรีที่อดทนได้เป็นเลิศ และหลั่งน้ำแห่งความสุขหวานล้ำให้เขาได้ลิ้มรสไม่ขาดปาก เพียงเท่านี้เขาก็จะเป็นคนสอนนางให้เก่ง เพื่อเป็นนางหงส์ที่จะอยู่เคียงข้างมังกร ผู้มีนามว่า จ้าวเล่อซี รัชทายาทใบ้แห่งแคว้นชิง...
ม่านซือซือ นางเป็นลูกของอนุเซี่ย ซึ่งจากไปตั้งแต่นางอายุได้ ห้าปี ชีวิตนางไม่ถึงกับตกต่ำหรือถูกม่านฮูหยินกดขี่ข่มเหง แต่นางก็ไม่ได้รับความรักอย่างเต็มที่ กระนั้นบิดาของนาง ม่านเจิ้น ซึ่งเป็นหัวหน้ากองอักษรที่ศาลต้าเหลียงของเมืองกุ้ยโจว ก็เปิดโอกาสให้นางได้ร่ำเรียนอย่างเต็มที่
เมื่อได้อ่านหนังสือมากเข้า นางจึงมีไหวพริบและความสามารถหลากหลายกว่าสตรีทั่วไป อีกทั้งนิยมชมชอบวิชาการแพทย์ นางหัดฝังเข็มควบคู่การปรุงสมุนไพรเพื่อช่วยเหลือคน รวมถึงการทำเครื่องหอมและแป้งทาหน้า ยาบำรุงร่างกายให้แก่สตรี ม่านซือซือจึงเป็นที่รู้จักของคนมิน้อย ผู้คนรักนางอีกทั้งหยิบยื่นน้ำใจให้นางมิขาด ดังนั้นคุณหนูห้าสกุลม่านจึงไม่ได้มีชีวิตที่น่าสงสารในเรือนสักเท่าใด
ทว่าเป็นยามสายของวันนี้ ม่านซือซือไม่คิดว่าตนจะต้องพบสถานการณ์ชวนครั่นคร้ามใจ ทุกอย่างผิดพลาดไปหมด จู่ๆ นางถูกคนของบิดาออกคำสั่งให้เปลี่ยนรถม้า ซึ่งเป็นขากลับจากการรับจดหมายที่หอดอกเหมยให้เขา และแทนที่รถม้าคันดังกล่าวจะพานางคืนสู่เรือนสกุลม่าน กลับมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่นางไม่รู้จัก
ม่านซือซือหวาดกลัวจับใจ แต่พอจะโผล่หน้าออกไปถามคนข้างนอกนางก็ต้องปิดปากเงียบ คนที่ควบคุมรถม้าหาใช่บ่าวในเรือน!
เขากลับกลายเป็นชายรูปร่างสูงใหญ่ใส่ชุดสีเข้ม และนอกจากสวมหมวกสาน ใบหน้ายังอำพรางไว้ด้วยหน้ากากสีขาว มองเห็นแค่เพียงดวงตาเท่านั้น ยามมองจ้องนางมันทำให้ม่านซือซือสั่นไปทั้งร่าง!
“จะ เจ้าเป็นผู้ใด โจรเยี่ยงนั้นรึ”
ไร้เสียงตอบ คงมีแต่ดวงตาคมที่มองนางเขม็งและให้ความรู้สึกจู่โจมหญิงสาว นางจึงต้องถอยกลับเข้าไปอยู่ในรถม้าอย่างลนลานด้วยความกลัวจับจิต และยามนั้นนางอดสงสัยไม่ได้ว่า เหตุใดชายผู้นี้ถึงได้มีผิวขาวดุจหิมะ!