ตอนที่ 3
เขาก็ได้ส่วนนี้เป็นการหักลบล้างกันไปทดแทนและอีกอย่างทำให้จามิกรก็ไม่ต้องดิ้นรนไปหางานทำที่อื่นซึ่งไกลกว่านี้เพราะบ้านของจามิกรก็อยู่ที่นี่ด้วยเขาเป็นคนหนองบัวแดงเฉกเช่นเดียวกับมารดาของกัลย์กฤษณ์ หากแต่จามิกรถอนใจออกมา ก็เมื่อหลังจากที่เขานั้นได้ใช้ยาปฏิชีวนะสำหรับรักษาสัตว์ทาให้บางๆให้แก่มัน และคิดว่าเขาจะต้องทำแบบนี้ให้มันแทบทุกวัน เพื่อบาดแผลจะได้หายสนิท หากตอนนี้อาการก็ยังไม่ดีขึ้นสักเท่าไหร่ แต่แน่ใจว่าอีกไม่นานก็คงหายสนิท
“ตอนนี้ฉันจะพยายามทายาให้มันทุกวันเลย ไม่ใช่แค่สองเท้านะ กิ้นมาสำรวจดูแล้ว ทั้งหมดสามเท้าเลยล่ะที่กีบเท้าของมันมีแผลไปหมด มิน่ามันถึงเจ็บแต่ช่วงขาหลังฉันยังไม่ทายาให้มัน เพราะกลัวว่ามันจะเจ็บเกินไป ยานี้ออกจะแรงมากเหมือนกันนะ ก็คงต้องรอดูอีกสองสามวันก่อนล่ะ และฉันจะรักษาโดยการฉีดยาให้แก่มัน เป็นลำดับต่อไป ก็เลยต้องกักขังมันเพื่อศึกษาเป็นรายกรณีด้วย เพื่อไม่ให้ลุกลามติดเชื้อไปกับตัวอื่น ส่วนคนงานก็ขอสั่งห้ามเด็ดขาดเลยนะว่า ห้ามเคลื่อนย้าย และห้ามมายุ่งแถวนี้ เพราะมันไม่ปลอดภัยดี”
แบบนี้เองเขาถึงทราบว่า ทำไมมันถึงเดินไม่ได้สะดวกและเดินแบบกะโผลกกะเผลก มันเหมือนที่กีบเท้านั้นมีอะไรเจ็บปวดเกิดขึ้นกับมันบางอย่างอย่างแน่นอน ตามที่หมอเพื่อนรักตอบ
กัลย์กฤษณ์ชมเพื่อน
“ได้เลยฉันจะออกคำสั่งเองนายทำได้ดีมากนะกร ขอบใจที่นายทำงานให้ฉันอย่างเต็มที่เหลือเกินเพื่อนรัก และในช่วงที่ผ่านมาฉันก็ได้แต่นายนั่นล่ะ ที่ฝากให้ช่วยดูแลเรื่องนี้กับดูแลแม่ของฉันแทนด้วย”
ซึ่งจามิกรก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ เพราะเรื่องนี้เพื่อนรักก็ฝากฝังเขาไว้ด้วยเช่นกัน และครั้นเมื่อจัดการกับการป้ายทายาที่โคนกีบขาของมันจนแล้วเสร็จ
นายสัตวแพทย์จามิกรก็หยิบเครื่องมือและขวดยาเก็บกลับไว้ในกระเป๋าสะพายตามเดิมตามช่องซึ่งในอีกสักพักต่อมาจึงได้รู้สึกว่ามันมีอาการดีขึ้นไปตามลำดับ หากแต่ไม่ได้เคลื่อนไหวร่างกายเขาปล่อยให้มันนอนตาแป๋วจ้องมองชายหนุ่มทั้งสองคนและพวกเขาทั้งคู่นั้นก็หัวเราะให้แก่กันและกันที่คิดว่ามันคงสำนึกในความเมตตาของเจ้านายอย่างเขาที่มีให้แก่มัน และมันก็จะรอดตายในครั้งนี้อย่างหวุดหวิด
เสร็จจากธุระสำคัญตรงนี้แล้ว จามิกรก็ไม่มีงานสำคัญส่วนอื่น อีกนั่นเพราะเขาได้สำรวจตรวจตราดูเรียบร้อยไปหมดแล้วอย่างไม่มีขาดตกบกพร่องและทำงานที่นี่มานานพอสมควร ดังนั้นจึงเป็นฝ่ายที่จะพาตัวเองเดินไปหาเพื่อนรักอีกครั้งเพื่อเอ่ยถามเขาอย่างอารมณ์ดี ถึงสารทุกข์สุกดิบ ที่ยังไม่ถามไถ่ออกมา ตั้งแต่เพื่อนกลับมาจากกรุงเทพ และดูเหมือนกัลย์กฤษณ์ไม่เครียดเหมือนเมื่อครู่ใหญ่ๆที่ผ่านมา “เอ้อ กิ้น นี่กลับมาคราวนี้ ฉันคิดว่านายตั้งใจจะลงหลักปักฐานที่หนองบัวแดงเลยหรือเปล่าล่ะเพื่อน”
หากว่ากัลย์กฤษณ์รับฟังแล้วเขาก็ขมวดคิ้วถามเพื่อนรัก
“เอ้อ มีอะไรหรือเปล่า ทำไมวะ นี่นายไม่เชื่อเราหรือไงวะกร” ถามเพื่อนรักที่สนิทสนมแบบหยอกเอิน
“เอ้อ แล้ว พ่อของนาย แล้วก็ที่บ้านในเมืองล่ะ นายจัดการให้แล้วเสร็จเรียบร้อยแล้วหรือยัง ไม่งั้นมันจะมีปัญหาคาราคาซังนะ”
นั่นเป็นเพราะจามิกรนั้นก็พอจะรู้เรื่องราวชีวิตส่วนตัวของเขาและครอบครัวของเขามากพอสมควรทีเดียว เนื่องจากความสนิทสนมกัน และไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อกัน เพราะว่าหากมีอะไรนั้น เกิดจากปัญหาหนักหน่วง ที่ไม่มีทางแก้ไข บางครั้งเขาจะปรึกษากับจามิกรเพื่อนรัก ที่ช่วยแนะนำชี้ทาง และเขาก็ให้คำตอบแนะนำเพื่อนรักอย่างกิ้นได้ดีที่สุด
หากว่าตอนนี้กัลย์กฤษณ์เงียบไปครู่หนึ่ง “ขอบใจนะกรที่นายให้ความสนใจเรื่องส่วนตัวของฉันด้วยเพื่อนรัก”
“อ้าวก็เราเป็นเพื่อนกันนี่นากิ้น”
และฝ่ายของจามิกร ก็นึกบ่นตำหนิดุใส่เพื่อนรัก ที่เขาดูเหมือนชอบจะคิดอะไรที่ดูจะเป็นแบบเกรงใจเพื่อนไปเกินควร
และกัลย์กฤษณ์ก็เลยยิ้มให้ “อ้าว แต่ก็นั่นละนะสิ่งที่นายพูด ออกมานั้น ฉันก็คิดอยู่เหมือนกัน ก็ในเมื่อ ฉันก็เป็นลูกของเขาคนหนึ่งเหมือนกัน” และนั่นเขาหมายความถึงคุณโกสีย์ผู้เป็นบิดาบังเกิดเกล้า
“เอ แต่จะว่าไปทางนี้ก็แม่ของฉัน จะว่าไป ฉันก็ห่วงแม่ของฉันมากกว่าอีก แม่อยู่คนเดียว และส่วนของพ่อ เขาก็มีคนอื่นดูแลตั้งเยอะ แยะที่พร้อมจะเอาใจประจบประแจงเขา” ซึ่งฝ่ายของกัลย์กฤษณ์ก็ตอบเพื่อนอย่างคนมีปัญหาหนักอยู่ในใจ และติดประชดในคำพูดออกมาด้วย ก็เลยทำให้ หมอจามิกรนั้นมองเพื่อนด้วยสีหน้าจริงจังขึ้นมาอีกครั้ง
“นี่ ก็เพราะไอ้เรื่องนี้ละ ฉันว่า นายคงจะต้องระวังตัวบ้างแล้วนะ กิ้น เรื่องสมบัตินี่ มันไม่เคยเข้าใครออกใครหรอก.. ก็ยิ่งทางนั้นก็รู้ว่า นายนั้นจะได้รับส่วนแบ่งสมบัติจากมรดกมาจากพ่อนายด้วย และไม่ใช่แค่ของแม่นายเพียงอย่างเดียวเท่านั้นนะเพื่อน”
และหากกัลย์กฤษณ์พยักหน้าให้เพื่อนรัก เพราะเรื่องนี้เองที่เขาก็ถือว่ามันเป็นกังวลใจพอสมควร หากถึงแม้เขาไม่อยากได้ก็ตาม แต่บิดาของเขาต้องการให้ เพราะท่านอยากให้สมบัติแก่ลูกชายทุกๆคนที่เกิดจากท่าน เป็นเลือดเนื้อเชื้อไข และรวมทั้งคุณย่านิรมลเองก็เช่นกัน คุณย่ารักเขามาก และท่านก็ต้องการให้เขาได้รับเช่นกัน อีกอย่างนั้นกัลย์กฤษณ์ถือว่าเป็นหลานชายคนโปรดของคุณย่านิรมล
หากแต่เขาย่อมไม่ใช่คนโปรดของแม่ใหญ่อย่างคุณธิดาซึ่งเป็นภรรยาหลวงของบิดาอย่างแน่นอน เขาไม่อยากเผชิญสายตาที่มีลับลมคมในและซ่อนเล่ห์เหลี่ยมของคุณธิดา ซึ่งเป็นมารดาของหริรักษ์น้องชายของเขาซึ่งอ่อนกว่าปีเดียวเพราะเกิดหลังเขา ซึ่งในปัจจุบันนั้นหริรักษ์เรียนจบคณะแพทย์ และแว่วข่าวว่าจะเดินทางกลับมารับตำแหน่งใหม่ที่โรงพยาบาลเอกชน ในตัวจังหวัดชัยภูมิ เพราะอาศัยเส้นสายของบิดา