คิดถึงแม่วันละสามเวลาหลังอาหารจริงๆนะคะ

1188 Words
ตอนที่ 12 นางโฉมนภารู้ว่าปุ่มลำโพงอยู่ตรงไหน จึงรีบกดทันที “ตอนนี้เป็นไงบ้าง” “เสียงชัดแจ๋วเลยค่ะแม่ พาวน์ได้ยินชัดแล้ว” “เอ้า ว่าไปคราวนี้มีอะไรจะรายงานแม่ให้ทราบล่ะจ้ะแม่รอฟังข่าวหนูอยู่ว่าไงทางนั้นอยู่กันกันดารลำบากหรือเปล่า” ฟังน้ำเสียงของคุณโฉมนภาผู้เป็นมารดาเอ่ยกล่าวจนผู้เป็นลูกสาวแสนสวยแทบจะหัวเราะคิกในความคิดของมารดาที่คอยนึกห่วงหล่อนสารพัด คงกลัวว่าหล่อนจะทนความยากลำบากไม่ได้ แต่ก็ถือว่าพาวน์รายงานตัวให้กับมารดาทราบแล้ว ไม่มีสิ่งใดที่เธอจะต้องมาห่วงเป็นกังวล และเป็นไปตามที่ใจของมารดาคิด หล่อนจึงบอกกล่าวเพื่อให้ท่านสบายใจ “พาวน์ขอยืนยันก็ได้ค่ะแม่ว่าที่นี่พาวน์อยู่ได้เพราะที่นี่ไม่มีอะไรน่ากลัวเลย มันไม่ใช่สถานที่กันดารหรือห่างไกลความเจริญหรอกค่ะ และที่สำคัญบรรยากาศแบบนี้น่าอยู่ออกค่ะแม่” เพราะหญิงสาวชอบบรรยากาศที่เงียบสงบอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ “เหรอ ถ้าหนูยืนยันว่าอยู่ได้ แม่ก็ไม่ขัด” ประโยคนี้ดูเหมือนคุณโฉมนภาจะรู้สึกสบายใจ จึงเอ่ยต่อ “อีกหน่อยเถอะในวันหนึ่งข้างหน้านะลูกถ้าแม่กับคุณพ่อว่างจริงๆจะแวะไปเยี่ยม” แค่คำพูดนี้กับมารดาก็ทำให้หญิงสาวยิ้มปลื้ม พร้อมกับพยักหน้ารับด้วยความเต็มใจ “ขอบคุณค่ะคุณแม่” คุยกับมารดาได้ประมาณครึ่งชั่วโมงจึงปิดเครื่องเพื่อล้มกายเอนนอนเพราะปาเข้าสี่ทุ่มแล้ว เพียงปัทม์มีความรู้สึกว่าเธอง่วงอย่างมาก จากนั้นมินานนักจึงปิดไฟดับสนิท ในเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้นเป็นอีกครั้งที่เขาตื่นมาแล้วนานโข และหลังจากที่กัลย์กฤษณ์ได้ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงของเจ้าขนปุกปุยที่เขาเป็นเจ้าของทั้งหมดแล้ว ก็ได้ปล่อยให้บรรดาฝูงแกะทั้งหลายและเล็มหญ้าอ่อนอยู่บริเวณนั้น ส่วนเขากลับนั่งเอกเขนกอยู่ใต้ต้นมะม่วง สมองกลับคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อค่ำวานนี้ ทำอย่างไรดีหนอถึงจะได้พบกับหญิงสาวที่หน้าหวานปานนางฟ้าเพราะรูปร่างและหุ่นของเธอนั้นเป็นที่ถูกตาต้องใจกัลย์กฤษณ์เป็นอย่างมากนี่เขามัวแต่ใจลอยครุ่นคิดถึงสาวสวยนางนั้นอีกแล้ว เจ้าหมอเพื่อนรักยังไม่มีทีท่าว่าจะโผล่เข้ามาหรือว่าวันนี้จะนอนหลับยาวและตื่นสายอีก ลืมสอบถามประวัติของสาวสวยเสียด้วย เขาคิดว่าเข้าถึงตัวเธอยากนักเลยอยากจะให้เจ้าหมอจามิกรเป็นตัวช่วยเห็นทีคงยากหน่อยเพราะรู้ดีว่าป่านแก้วก็ค่อนข้างขี้หึง หรือว่าจะให้ป่านแก้วได้รับรู้พร้อมกันจะได้รู้สึกสบายใจว่าเขารู้สึกสนใจหญิงสาวคนนี้ แต่นั่นแหละความยากก็คือจะรู้ได้อย่างไรว่าเธอกับคนของเธอพักอยู่ที่ไหน เป็นคนที่จะมาอาศัยอยู่ที่นี่อย่างถาวร หรือว่าเป็นแค่แขกขาจร แต่เขาคิดอีกทางว่า คนเราถ้าหากเป็นบุพเพสันนิวาสกัน ต้องมีโอกาสที่จะได้พบเจอกันอีกครั้งเป็นแน่ ต่อไปนี้ล่ะกัลย์กฤษณ์ให้สัญญากับตัวเองว่าเขาจะไม่ปล่อยให้เธอหลุดรอดเป็นแน่ “นายน้อยครับมานั่งหลบทำอะไรใต้ต้นมะม่วงประเดี๋ยวอีกหน่อยแดดออกร้อนแย่เลยเข้าไปหลบในร่มสิครับ” ทอนคนงานที่ดูแลเรื่องเกี่ยวกับหาหญ้าสดไปเกี่ยวมาให้สัตว์เลี้ยงแวะผ่านมาทางนี้ นึกว่าเจ้านายเผลอนอนหลับแต่ที่ไหนได้กลับนั่งครุ่นคิดเหมือนคนใจลอย และเมื่อกัลย์กฤษณ์เห็นว่าเป็นคนงานของเขาจึงยิ้มให้แล้วจากนั้นจึงโบกมือไล่ให้ไปทางอื่น “ไม่เป็นไรหรอกน่าฉันขอคิดอะไรตามลำพังขอบใจที่เป็นห่วงนะนายทอน” และกัลย์กฤษณ์ก็พูดกับลูกน้องของเขาดี โดยไม่ดุด่าตะคอกใส่ หากแต่น้ำเสียงก็ตึงเล็กน้อย เพราะไม่อยากให้ลูกจ้างมาสนใจเรื่องราวส่วนตัวของเขามากกว่า แต่ก็อดถามกลับไปไม่ได้ “อ้าวแล้วเกี่ยวหญ้าเสร็จแล้วหรือยังที่จะป้อนให้ลูกแกะตอนเช้า” หากนายทอนที่ทำท่าขยับจะก้าวจากไป ก็เลยต้องหันใบหน้ากลับมาคืน เพราะเห็นว่าเจ้านายหนุ่มหล่อยังสนใจอยากจะคุยด้วย และเห็นชัดว่า เจ้านายหนุ่มนั้นมีสีหน้าที่ดีขึ้นแล้ว “ได้พอประมาณแล้วครับทั้งฝูงคงอิ่มผมกับไอ้ปลั่งพากันไปเกี่ยวแต่เช้ามืดพอแดดใกล้ออกก็เสร็จพอดีถึงพากันเดินกลับมากินข้าวกัน” ลูกน้องของเขาเป็นคนรู้หน้าที่ดีเสมอ ทำงานก่อนเวลาเสียอีกด้วยอาจจะเป็นเพราะว่ากลัวแดดที่แผดเผาจัดมากกว่า ยิ่งถ้าเป็นเช้าตรู่ที่อากาศเย็นสบายชวนให้ทำงานสบายคล่อง เพราะบรรยากาศการทำงานนั้นดี ยังไม่มีแสงแดดกราดความอ้าวอบ มีสายลมพัดโชยมาตลอดเวลา รวมทั้งที่บริเวณใกล้ท้ายไร่โน่น ซึ่งมักปลูกพวกหญ้าเนเปียร์ หญ้าสตาร์หญ้าโรด เป็นอาหารเลี้ยงสัตว์ ปกติมักจะเป็นแบบนี้ อีกทั้งกัลย์กฤษณ์และมารดาของเขาก็ไม่ได้คิดเอาเปรียบลูกจ้าง และงานก็เริ่มต้นในเวลา7โมงครึ่งแต่พวกลูกน้องดันตื่นมาตั้งแต่ตีห้ามันเป็นความเคยชิน พอจะกล่าวว่าลูกน้องที่แสนจะขยัน ก็ว่าไม่ลงหากแต่ความผิดก็อยู่ที่ลูกน้องที่ซื่อสัตย์เหล่านี้ไม่เคารพกฎระเบียบ “เฮ้ยไอ้กิ้น แล้วนี่ทำไมนายมานั่งอยู่ที่นี่วะรู้อยู่หรอกน่าว่ากำลังมีความรัก” หมอจามิกรซึ่งเดินจ้ำอ้าวแบบพรวดมาอย่างรวดเร็ว ในชุดเครื่องแบบตามสบายคือสวมเสื้อเชิ้ตคอปกแขนยาวสีดำตัดขาวลายขวางในมือที่ว่างถือกระเป๋าแบบหิ้ว เสียงดังๆของเพื่อนแบบนี้แหละที่ทำให้อาการเคลิ้มของกัลย์กฤษณ์จางหายในทันทีเหมือนตื่นจากภวังค์ ก็ดีเหมือนกัน ที่ได้เพื่อนคู่คิดมิตรปรึกษาที่ดีเขามาถึงพอดี “อ้าวมาพอดีเลยนึกว่านายจะมาสายกว่านี้ เฮ้ย เมื่อคืนไปต่อที่ไหนอีกวะ” เสียงสัพยอกของเพื่อนและเย้าเพราะอยากรู้ทั้งๆที่อ่านนัยน์ตาก็รู้ความจริงจากจามิกรและสัตวแพทย์หนุ่มก็กล้าบอกเพื่อนโดยไม่ปิดบัง “ไม่ได้ไปต่อมันก็ไม่มีอะไรหรอกว่ะ ก็แค่ส่งน้องป่านกลับถึงบ้านเท่านั้น แล้วฉันก็กลับไปที่บ้านฉันสิ เมื่อยเพลียจะตายจะไถลไปไหนได้อีก ยิ่งรู้ว่าน้องป่านเป็นคนขี้หึงพอสมควร แล้วฉันก็ไม่กล้าเสี่ยง นี่ก็โทร.ตามมาเช็คด้วยว่ะ ลองไม่กลับบ้านสิ มีเรื่องแน่ไอ้กิ้น”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD