ตอนที่ 10
ซึ่งกัลย์กฤษณ์พยักหน้าอย่างเห็นด้วยอย่างมาก เพราะเขาไม่อยากจะเดินไปที่รถ
“แล้วฉันจะเดินเอากุญแจมาส่งนายเองนะเพื่อน นายรออยู่นี่ล่ะ ก็พยายามสร้างฝันหรือวางแผนการของนายให้เสร็จเถอะฉันขอแสดงความยินดีด้วยนะถ้านายตัดสินใจทำขอให้ความสำเร็จนั้นเป็นของนาย” และท้ายประโยคพูดเหมือนกระซิบที่ข้างหู
“ก็ได้ว่ะขับรถให้ดีก็แล้วกันนะ เพราะนายจะได้ไปส่งป่านแก้วถึงที่บ้าน” ฝ่ายกัลย์กฤษณ์เขาก็ตอบเพื่อนด้วยท่าทีเป็นห่วงทั้งสองหนุ่มสาว “เออไม่เป็นไรคนรักของฉันทั้งคนนี่นาและฉันห่วงทะนุถนอมมากกว่าใคร นายน่ะห่วงแต่ตัวเองก็พอเถอะ นะกิ้น และระวังจะไปสะดุดตอเบ้อเร่อเข้าล่ะเดี๋ยวจะหาว่าเพื่อนอย่างฉันไม่เตือนด้วย”
เมื่อฝากคำทิ้งท้ายด้วยประโยคนั้นแล้วทั้งสองก็ก้าวจากไป กัลย์กฤษณ์รับคำของเพื่อนด้วยสีหน้าอมยิ้มและกัลย์กฤษณ์คิดไปว่ามันคงไม่เป็นอย่างนั้นหรอกคิดว่าสาวสวยคนนี้คงไม่มีใครเป็นแฟน ท่าทางเธอสดใสดูร่าเริงแสนซน และในเวลาต่อมาหมอจามิกรก็เดินกลับมาอีกครั้ง ยื่นส่งกุญแจกลับคืนบอกว่า
“นายก็ระวังตัวเหมือนกันอย่ากลับดึกนะเดี๋ยวแม่นายจะเป็นห่วงอีกแล้วก็อีกอย่างนายก็ถูกพวกฝ่ายโน้นเพ่งเล็งอยู่นะกิ้นอย่าประมาท แค่นี้ล่ะป่านรอฉันอยู่ที่รถ”
“ตามสบายวะหมอแล้วเจอกันตอนเช้าวันพรุ่งนี้” กัลย์กฤษณ์โบกมือให้เพื่อนเป็นการอำลา
และฝ่ายของหญิงสาวสวยอย่างเพียงปัทม์หล่อนใช้สายตาสังเกตอยู่นานเช่นกัน เกี่ยวกับคู่ฝ่ายตรงกันข้าม ที่เขามานั่งทานอาหารในกลุ่มเช่นเดียวกับหล่อนที่มาพร้อมกับพนักงานและผู้ช่วยที่ถือว่าเป็นคนของคุณป้าธิดา ซึ่งชายหนุ่มคนนี้เท่าที่เพียงปัทม์มองด้วยสายตาดูแล้ว เขาเป็นคนที่มีรูปหน้าเรียวยาวจมูกโด่งคมคาย แต่หล่อนไม่ชอบท่าทีของเขาที่พอมองครั้งแรกก็เห็นว่าดวงตาของเขาส่อแววตาเจ้าชู้ เพราะหล่อนมองเห็นมันไหวระริกในดวงตาคู่นั้น ฮึ เหมือนกรุ้มกริ่มใส่หล่อน
อีกประการนั้นคนอย่างยัยพาวน์หรือเพียงปัทม์ระมัดระวังตัวอยู่เสมอด้วยความรอบคอบ เพราะใครเล่นเหลี่ยมมาตัวหล่อนก็จะใช้เหลี่ยมเล่ห์ย้อนแทงกลับไปเหมือนกัน แต่ยังอยากจะรู้ว่า ชายหนุ่มคนนี้จะมาไม้ไหน เพราะเห็นเขายังอ้อยอิ่งนั่งอยู่คนเดียว ขณะที่เพื่อนทั้งสองของเขาดูเหมือนหนุ่มสาวอีกคู่กลับไปแล้ว แล้วเขานั่งรอคอยใครอยู่อีกล่ะ หัวคิ้วสีดำเข้มของหญิงสาวอดขมวดเข้าหากันไม่ได้ เพราะอยากรู้
อีกประมาณยี่สิบนาทีต่อมา ดูเหมือนว่าร่างสูงโปร่งในชุดสวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าคนเดียวกันที่นั่งอยู่กับเพื่อนสนิทของเขาและมีเพื่อนหญิงด้วย เมื่อสักพักใหญ่ๆจะก้าวลุกจากโต๊ะตามหนุ่มสาวทั้งสองที่เพียงปัทม์ใช้สายตามองดูแล้ว ทั้งคู่น่าจะเป็นแฟนกัน แล้วหล่อนก็ดึงสายตากลับมากับอาหารที่ทานบนโต๊ะรู้สึกว่ากับข้าวถูกปากและเอร็ดอร่อย มีแกงเขียวหวานมะพร้าวอ่อนปลากรายของชอบต้มยำปลากะพงกับอีกอย่างคือผัดคะน้าหมูกรอบแค่นี้ก็เพียงพอแล้วแถมมียำวุ้นเส้นกับเนื้อปลาอินทรีย์แล่บางทอดเค็ม และก็มีข้าวต้มกุ๊ย ขืนสั่งไปมากกว่านี้ น้ำหนักตัวของหล่อนต้องเพิ่มขึ้นแน่ ปัจจุบันนี้ก็42 กิโลกรัมเข้าแล้ว
ในที่สุดหญิงสาวก็วางช้อนกับส้อมลงหากเพียงเท่านั้นก็ได้ยินเสียงบ่นจากพนักงานผู้ช่วยหรือเรียกง่ายๆว่าเป็นทั้งแม่บ้านและผู้ช่วยของหล่อนที่คุณป้าธิดาส่งมาให้เพื่อจะได้อยู่เป็นเพื่อน และดูแลเรื่องอาหารการกิน “อ้าวคุณพาวน์ นั่นอิ่มแล้วเหรอคะนั่น ต่ออีกนิดสิคะกับข้าวน่าทานทั้งนั้นเลย ไม่หมดเสียดายแย่นี่พี่แก้วก็กะว่าจะต่ออีกจานแหม..ไม่ได้กินอาหารดีๆอย่างนี้มานานแล้ว ลาภปากแท้”
นางแก้วซึ่งเป็นแม่บ้านกำลังหาคนสนับสนุนซึ่งก็ได้นายเต้งคนขับรถที่พยักหน้าด้วยอีกคนอย่างเห็นชอบใจ เพราะนายเต้งได้ยินชื่อเสียงของร้านมาจากคนงานที่เข้ามาทำการก่อสร้างอาคารภายในรีสอร์ทและเคยแวะมาใช้บริการสองสามครั้ง จนติดใจ
“คงจะไม่ไหวหรอกค่ะ นี่ พาวน์อิ่มแล้ว เชิญพี่แก้วกับน้าปลอด ทานต่อเถอะ พาวน์จะนั่งรอ” เอ่ยตอบพร้อมกับหยิบทิชชู่ในกล่องขึ้นมาเช็ดริมฝีปาก จากนั้นแล้วเพียงปัทม์ก็รีบยกข้อมือซึ่งมีนาฬิกาเรือนจิ๋วคาดอยู่ขึ้นมาดู “ตายจริง ไม่ทันไรเลย จวนจะสองทุ่มแล้ว พาวน์ว่าจะต้องรีบกลับไปซักผ้า แล้วเตรียมเอกสารด้วยสิคะกะว่าพรุ่งนี้จะไปอำเภอแต่เช้าหน่อย กลัวคนเยอะ”
เพียงปัทม์เอ่ยเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้และหญิงสาวจำเป็นต้องไปติดต่อกับหน่วยงานทางราชการเพราะมีเอกสารสำคัญเกี่ยวกับผังและแบบแปลนของรีสอร์ท และหญิงสาวจะต้องไปขอคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายโยธิการ รวมทั้งต้องไปติดต่อเกี่ยวกับการเดินสายไฟฟ้าและประปาที่ยังไม่เสร็จ และเรื่องนี้คุณป้าของเธอ คือคุณธิดาได้วานให้เธอช่วยจัดการด้วย
ไม่นานนักจากนั้นทั้งหญิงสาวและพนักงานผู้ช่วยทั้งสองก็พากันเดินกลับมาที่ลานจอดรถ หลังจากเช็คบิลรายการอาหารทั้งหมด และหญิงสาวจ่ายอย่างเรียบร้อย นายเต้งเตรียมสตาร์ทรถคอย เมื่อมาถึงแล้ว ทั้งหมดจึงเข้าไปนั่งโดยเพียงปัทม์เข้าไปนั่งตอนหน้าคู่กับคนขับ แล้วหล่อนสั่งนายเต้ง
“ออกรถได้แล้วนายเต้ง” นายเต้งพยักหน้าตามคำสั่ง
“ครับคุณพาวน์”
ระหว่างที่รถพาแล่นไปนั้นเวลาสองทุ่มกว่าทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นมืดสนิทจนมองไม่เห็นอะไร ที่เพียงปัทม์มองเห็นอยู่เบื้องหน้าเป็นสีดำทะมึน แต่ท้องฟ้าก็ปรากฏแสงจันทร์ที่อวดแสงสกาวกับหมู่ดาวที่รายล้อม สิ่งที่หญิงสาวภาวนาอย่างมากที่สุดก็คือขอให้เธอได้กลับไปถึงบ้านพักโดยเร็วก็จะได้จัดเตรียมเอกสารและซักเสื้อผ้า บางทีเธออาจจะไปรอซักในวันรุ่งขึ้นเพราะถ้ารู้สึกเพลียและง่วงขึ้นมาก็คงทำไม่ไหว
และนายเต้งคนขับเองก็คอยระมัดระวัง ถือว่าเพิ่งมาอยู่ใหม่เช่นเดียวกับหลานสาวคนสวยของเจ้านาย แม้จะมาอยู่ก่อนหนึ่งอาทิตย์ ก็เพื่อศึกษาเส้นทางที่จะพาหลานสาวของเจ้านายมารับผิดชอบภารกิจที่นี่