Chapter 1: ยังไงก็เพื่อนกัน (มัน) ดีอยู่แล้ว 1

1556 Words
Chapter 1: ยังไงก็เพื่อนกัน (มัน) ดีอยู่แล้ว ฉันตื่นขึ้นมาอีกครั้งในตอนที่ห้องสว่างจากแสงแดดที่ส่องผ้าม่านหน้าต่างระเบียงห้อง ตกใจแทบช็อกเมื่อเห็นใบหน้าตัวเองเกยอยู่บนอกเปลือยที่รอยสักรูปสิงโต ฉันรีบผละออกจากอกนั้นจนเกือบตกโซฟาเบด พอดีกับไอ้เจ้าของอกมันปรือตาขึ้นมอง คงเห็นสีหน้าตกใจของฉัน มันเลยพึมพำ “อะไรของมึง ทำแบบนี้มันจะยิ่งดูไม่ปกตินะโว้ย” มันพูดแค่นั้นแล้วก็หันหลังให้เหมือนเคือง แล้วมันก็หลับต่อหรือเปล่าไม่รู้ เพราะฉันเดินเหม่อๆ เข้าห้องนอนไป พร้อมกับคิดถึงคำพูดของไอ้ตรีเมื่อครู่ ก็จริงของมัน ยิ่งฉันทำตัวเหมือนระแวง หรือเงอะงะกับการที่ได้ใกล้ชิดกัน มันยิ่งไม่ปกติ และยิ่งทำให้เกิดรอยแยกระหว่างความเป็นเพื่อน ที่เราพูดกันเมื่อวานว่าจะลืมเรื่องนั้นไป ฉันเข้าห้องน้ำจัดการธุระส่วนตัว แล้วออกไปหาซื้อของกิน ปกติจะซื้ออาหารสดมาทำอะไรกินง่ายๆ ประหยัดด้วย แต่พรุ่งนี้เราจะไปเที่ยวกันแล้ว ฉันไม่อยากให้มีอะไรค้างในตู้เย็น เลยซื้ออาหารสำเร็จมากิน ทั้งข้าวแกง อาหารตามสั่ง ขนมขบเคี้ยว และผลไม้เพียงพอที่จะกินทั้งวันสำหรับสองคน ฉันเข้ามาในห้องพร้อมของกินเต็มมือ ไอ้ตรีเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยผ้าเช็ดตัวพันท่อนล่าง ก็ว่าจะไม่ทำตัวผิดปกติ แต่มันก็อดไม่ได้จริงๆ รู้สึกหน้าร้อนวูบวาบแปลกๆ ตอนเห็นแผงอก กล้ามแขนและซิกแพ็กของมัน “ขืนมึงมองสำรวจกูอีกวินาทีเดียว กูจะปล้ำมึงนะ” มันพูดทำเสียงกวนๆ “ถ้ามึงอยากกินตีนเป็นมื้อแรกก็เข้ามาเหอะ” ฉันทำปากดีใส่มัน เพราะรู้ว่ามันไม่กล้าหรอก เพราะคืนนั้นที่เกิดขึ้นเพราะฉันขาดสติปล้ำมันด้วยซ้ำ “งั้นมึงก็เลิกมอง เดี๋ยวกูหวั่นไหว” “หวั่นไหวพ่องมึงสิ และมึงก็หัดแต่งตัวให้เรียบร้อยมั่งเหอะ ถึงเราจะเป็นเพื่อนกัน มึงก็หัดเกรงใจในความเป็นผู้หญิงกูมั่ง” “ผู้...หญิง...” มันทวนคำช้าๆ ทำหน้ากวนตีนใส่อีก ฉันละอยากจะเหวี่ยงของในมือใส่หน้ามัน แต่คิดได้ว่ามันคือของกินที่ฉันจ่ายไปหลายร้อย เลยยั้งมือไว้ทัน “ไปใส่เสื้อผ้า แล้วก็เอาของกินไปใส่จาน” ฉันออกคำสั่งแล้วเดินไปวางของกินทั้งหมดบนโต๊ะอาหาร “เอ้อ...” มันรับคำ แล้วรื้อกระเป๋าเสื้อผ้า หยิบมันใส่ต่อหน้าฉันอีก จากนั้นมันก็จัดการแกะถุงกับข้าวอาหารใส่จาน พร้อมเสิร์ฟน้ำดื่มเรียบร้อย เรากินข้าว และก็คุยเรื่องเที่ยว รวมทั้งเรื่องต่างๆ ตามปกติ และไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องในคืนนั้นอีกเลย เหมือนทั้งมันและฉันก็ตัดสินใจที่จะลืมมันไปจริงๆ เพื่อรักษามิตรภาพความเป็นเพื่อนสนิทของกันและกันที่มีมาตั้งแต่เป็นเด็ก “ถามจริงตรี มึงไม่คิดจะกลับบ้านตัวเองเลยเหรอ” “ไม่อะ กลับไปทำไม ในเมื่อบ้านนั้นก็ไม่มีแม่แล้ว อีกอย่างเขาก็ตัดหางปล่อยวัดกูแล้ว แถมยังมีลูกใหม่ที่น่ารัก เชื่อฟังเขามากกว่ากู” ไอ้ตรีบอกว่าพ่อมันรับหลานของแม่เลี้ยงเป็นลูกบุญธรรมไปเรียบร้อยแล้ว “โทษทีว่ะ กูไม่น่าถามเลย” ฉันเห็นสีหน้าเศร้าๆ ของมันแล้วก็รู้สึกไม่ดี “ไม่เป็นไร ที่มึงถาม ไม่ใช่เพราะมึงไม่อยากให้กูอยู่ด้วยหรือเปล่า” “เปล่า กูไม่ได้คิดขนาดนั้น แค่อยากรู้เรื่องหนึ่งกับที่บ้านบ้างก็เท่านั้น” “ตอนนี้กูไม่มีบ้าน ไม่มีแม่ ไม่มีครอบครัว กูมีแต่มึงกับเพื่อนๆ” “เอ่อๆ กูรู้ มึงไม่ต้องทำหน้าเศร้าหรอกน่า ยังไงมึงก็มีกู มีไอ้ปี ไอ้พัทและยัยนุ่นโว้ย ครอบครัวถ้ามันไม่โอเค ไม่ต้องมีก็ได้” ฉันปลอบใจมันแบบที่คิดว่ามันคงจะรู้สึกดีขึ้นบ้าง “มึงก็จำไว้นะ ไม่ว่าชีวิตมึงจะมีใคร หรือไม่มีใคร แต่มึงจะมีกูตลอดไป” “อือ มึงก็เหมือนกัน มีกูตลอดไป” เรายิ้มให้กัน แล้วหัวเราะเหมือนวันเก่าๆ ไม่มีอะไรติดค้างในเรื่องคืนนั้นอีกต่อไป นั่นคือสิ่งที่ฉันเข้าใจ ทั้งวันเราจึงขลุกอยู่ด้วยกัน เล่นเกม เถียงและด่าทอกันยามอีกฝ่ายแพ้เกม กระทั่งเย็น “ไปว่ายน้ำกันเถอะ” ไอ้ตรีชวน ตรงข้ามหอพักเป็นคลับเฮ้าส์ ที่มีทั้งสระว่ายน้ำ ฟิตเนส ฉันกับไอ้ตรีก็ไปใช้บริการบ่อยๆ “ก็ดีเหมือนกัน” ฉันลุกจากที่นั่งเดินไปหยิบกระเป๋าใบย่อมที่ในนั้นมีทั้งชุดว่ายน้ำ เสื้อคลุมและของใช้สำหรับอาบน้ำครบครัน ไอ้ตรีหยิบแค่กางเกงว่ายน้ำแบบขาสั้นกับหมวกว่ายน้ำมายัดใส่กระเป๋าฉัน “ผ้าขนหนูล่ะ” ฉันทวง มันจึงหันไปหยิบในกระเป๋ามายื่นให้ เราออกจากห้องและใช้เวลาเดินข้ามถนนในซอยไปยังคลับเฮ้าส์แค่ไม่กี่นาทีก็ถึง เราแยกย้ายกันไปเปลี่ยนชุด และที่นี่มีสระแยกชายหญิง แต่ก็สระก็อยู่ติดกัน ชุดว่ายน้ำฉันก็ชุดปกติที่เคยใส่ คือวันพีชแบบกางเกงและเสื้อแขนสั้น แต่ทำไมพอไอ้ตรีมันหันมามองตอนที่ล้างตัวข้างสระ ฉันรู้สึกแปลกๆ ในขณะที่มองมัน ซึ่งก็ใส่กางเกงว่ายน้ำตัวเดิม แต่ฉันดันแก้มร้อนขึ้นมาเสียเฉยๆ ที่เห็นแผงอกที่มีกล้ามเนื้อแน่นตึงที่มีรอยสักสิงโตดึงดูดตาเข้าไปอีก กางกางขาสั้นที่เห็นรอยสักรูปนกเหยี่ยวแพลมๆ บนขาของมันก็นั่นอีก กล้ามขาของคนที่ชอบว่ายน้ำก็ดูแข็งแรงดึงตาตาอีกเช่นกัน ที่ร้ายสุดคือฉันดันเผลอมองตรงกลางลำตัวของมัน นูนเด่น สะดุดตา ไม่ใช่แค่ฉัน เพราะสาวๆ ที่อยู่นั่งอยู่บนเก้าอี้ริมสระพากันกรี๊ดกันเสียงดัง บางคนตะโกนเรียกชื่อมัน เพราะวัยรุ่นหนุ่มสาวที่มาใช้บริการที่นี่ก็เป็นเด็กมหา’ ลัยเดียวกันเสียส่วนใหญ่ ไอ้ตรีหันไปยิ้มโปรยเสน่ห์ให้สาวๆ พวกนั้น ก่อนกระโดดลงสระว่ายน้ำอย่างเท่ๆ เรียกเสียงกรี๊ดจากสาวๆ อีกครั้ง ส่วนฉันก็พาร่างกายอันผอมบาง นอกจากความสูงที่ทำให้ขายาวเรียวแล้ว ก็ไม่มีอะไรสะดุดตาใครทั้งนั้น เพราะหน้าอกนั้นน้องๆ ไข่ดาว ตามสไตล์ทอมบอย แต่บังเอิญก็หน้าตาดีระดับหนึ่ง ก็มีเด็กสาวๆ หนุ่มๆ หันมามองอยู่บ้าง บางคนก็ที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีในหอพัก ที่เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันก็ร้องทักทาย และมาขอถ่ายรูปด้วย ฉันใช้เวลาในการว่ายน้ำเพียงหนึ่งชั่วโมงก็ขึ้นจากสระ พักเหนื่อย และโทรศัพท์ตอบแชทเพื่อนๆ คอนเฟิร์มเวลาออกเดินทางในวันพรุ่งนี้ ซึ่งนัดกันที่มหา’ลัย หน้าคณะ โดยรถตู้ที่บ้านของไอ้พัท แต่พวกเราลงขันค่าน้ำมัน แน่นอนรวมทั้งค่ากินและที่พักก็ต้องแชร์กันแบบเท่าเทียม ไม่ว่าคนนั้นจะฐานะดีหรือไม่ดี ในความเป็นเพื่อนก็ต้องเท่าเทียมกัน เงยหน้าขึ้นอีกทีก็เห็นไอ้ตรีถ่ายรูปกับสาวๆ ที่เก้าอี้ริมสระ มันถูกสาวๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นน้องๆ หรือรุ่นเดียวกันในมหา’ ลัยแทะโลม บางคนก็เล่นเอานมตูมๆ เบียดแขนมันอย่างจงใจ บางคนก็วางมือที่หัวสิงโตที่หน้าอกมันแล้วทำเผลอลูบ ในยุคสมัยนี้ไม่ว่าเพศไหนก็โดนลวนลามจริงๆ ฉันมองด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย แต่ไม่กล้าแสดงออกว่าหวงเพื่อนเหมือนเมื่อก่อน ที่พอเห็นอะไรแบบนี้ ฉันจะรีบเข้าไปแทรก ทำทีว่าไอ้ตรีต้องรีบไปธุระกับฉันด่วนๆ อะไรที่เคยทำได้ ฉันก็ไม่กล้าทำซะงั้น การที่ฉันบอกว่าเราจะลืมเรื่องที่เกิดขึ้นคืนนั้น เหมือนจะเป็นไปได้ยากจริงๆ แต่ยังไงก็ต้องพยายามต่อไป ไอ้ตรีใช้เวลาถ่ายรูปกับสาวๆ อยู่นับสิบนาที ก่อนที่จะขอตัว มันพยักหน้าเรียกฉัน เราจึงต่างลุกไปห้องน้ำอาบน้ำ แต่งตัวเสร็จก็ออกมาพร้อมกับความหิวโหย “หิวมากเลย กินหมูกระทะกันเถอะ” มันบ่นพร้อมกับเอ่ยปากชวน “ไม่มีเงินจ่ายค่าหอ แต่จะกินหมูกระทะ” ฉันย้อนถามมัน เพราะบุฟเฟต์หมูกระทะร้านโปรดหัวละ299 เลยนะ ซึ่งนานๆ จะพากันมากินสักครั้ง “เออน่า เรื่องกินเรื่องใหญ่ และวันนี้กูเลี้ยงมึงเอง” มันพูดแค่นั้นแล้วรีบเดินนำหน้าไปยังร้านหมูกระทะร้านโปรดของเรา ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากหอพักของฉัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD