“แล้วผมได้ไปฝึกที่ไหนเหรอครับ”
“ในพิษณุโลกมีที่ทางคณะไปติดต่อได้แค่ที่เดียว เป็นโรงเรียนเหมือนกันน่ะ ดังนั้นคุณกับเพื่อนก็จะไปฝึกงานในฐานะอาจารย์ฝึกสอนทุกคน”
เป็นอาจารย์ฝึกสอนก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่นัก ผมพอจะมีประสบการณ์การสอนพิเศษเด็กตามบ้าน ตามสถาบันกวดวิชามาบ้าง เลยพอจะโอเคกับตำแหน่งที่ได้รับ มันก็ดีกว่าการไปเป็นเด็กฝึกงานที่มีหน้าที่ถ่ายเอกสารอย่างเดียวแล้วกันล่ะวะถึงผมจะไม่ค่อยชอบสอนหนังสือก็เถอะ บอกตรงๆ เลยคือเกลียดเด็ก ไม่ว่าจะเป็นเด็กเล็กๆ หรือเด็ก ม.ปลาย ผมเกลียดทั้งนั้นแหละ เด็กเล็กก็งอแงน่ารำคาญ เด็กมัธยมก็ปีนเกลียว บางทีก็กวนตีน ผมเลยเกลียดหมด เกลียดแบบเหมารวม
“งั้นโรงเรียนที่ว่านี่ เป็นโรงเรียนเอกชนสหศึกษาเหมือนกันใช่มั้ยครับ” ผมถามไปอย่างนี้ก็เพราะเพื่อนทั้งคู่ของผมได้ไปโรงเรียนประเภทนั้น
หากแต่อาจารย์กลับส่ายหน้าพรืด
“เปล่า”
“เอ้า” ผมร้องออกมาทันใด สีหน้าสงสัยสุดๆ ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นตะลึงงันเมื่ออาจารย์พูดออกมา
“โรงเรียนเด็กช่าง... วิทยาลัยเทคนิคบุญอนันต์”
“โหย ‘จารย์ ไม่เอาอะ โรงเรียนช่าง ผมไม่เอา” ผมครวญครางออกมาทันที
ที่ครวญครางเป็นเพราะพอจะเดาได้ว่าการฝึกงานมันจะต้องสาหัสสากรรจ์แน่ๆ รับมือเด็ก ม.ปลายยังง่ายกว่าเด็กช่างหลายขุม ถึงพวกมันจะกวนตีนแต่ก็อยู่ในระดับที่ผมปรามได้ แต่พวกเด็กช่างนี่คืออิมเมจไม่ดีอะ คิดภาพออกลางๆ เลยว่ามันจะต้องตีกันทุกวันแน่ๆ เมื่อไม่นานนี้ก็เพิ่งมีข่าวเด็กช่างโรงเรียนหนึ่งต่อยครูฝ่ายปกครองเข้าโรง’บาลไปด้วย ขืนผมไปฝึกงานที่นั่นแล้วพวกมันกวนตีนขึ้นมา แล้วพอผมไปปรามเข้า ผมโดนพวกมันกระทืบขึ้นมา ใครจะรับผิดชอบ!
ทว่าอาจารย์กลับจ้องหน้าผมเขม็ง แล็วก็ยื่นใบสถานที่ฝึกงานมาตรงหน้า
“งั้นคุณก็เลือกเอาแล้วกันว่าถ้าไม่ไปที่นี่จะไปที่ไหน ที่เหลือก็เป็นพวกโรงเรียนบนดอยน่ะ”
ดอยจริงๆ ดอยมาก ชื่อโรงเรียนบ้านป่านกแลงี้ โรงเรียนห้วยอะไรสักอย่างอีก ดูท่าจะหนักกว่าวิทยาลัยเทคนิคบ้าบอคอแตกนั่นอีกด้วยซ้ำ
“ที่อื่นไม่มีอีกแล้วเหรอครับ”
“มี แต่คุณเพิ่งมา คนอื่นก็เลือกไปหมดแล้วน่ะสิ ตัดสินใจเอาว่าจะไปแค่ภาคเหนือตอนล่าง หรือจะไปบนดอย”
ตัดสินใจไม่ได้หรอกเว้ย! จะให้คนที่โตมากับแสงสีเมืองกรุงอย่างผมไปตักน้ำบาดาลอาบ หรือหาบน้ำมาเติมโอ่งแบบนั้น ผมก็ไม่เอาหรอก จะว่าสำอางก็เอาเถอะ แต่ตั้งแต่เล็กยันโต ผมมีแม่บ้านทำให้ทุกอย่างนี่หว่า จะไปลำบากทำมะเขือเผาอะไร แต่จะให้ไปที่โรงเรียนช่างนั่นก็ไม่เอาเหมือนกัน!
เห็นหน้าผมที่ทำเหมือนจะร้องไห้แล้ว อาจารย์ก็หัวเราะในลำคอออกมาเล็กน้อย ดึงใบเลือกที่ฝึกงานกลับไปแล้วก็ปลอบโยน
“ไม่ต้องห่วงหรอกคุณแสงเหนือ ถึงจะเป็นโรงเรียนช่าง แต่ก็เป็นเอกชน เด็กที่เข้ามาเรียนส่วนมากก็พวกบ้านมีเงินทั้งนั้นแหละ คงจะไม่เกเรให้คุณหนักใจเท่าไหร่ จะมีแต่คุณนั่นแหละที่น่ากลัวว่าจะเกเรกว่าเด็กนักเรียน” ตามมาด้วยเหน็บผมอีกต่างหาก
ผมก็ไม่ถือสาอะไรหรอกเพราะรู้ดีว่าผมเป็นนักศึกษาประเภทไม่ค่อยเข้าเรียนเท่าไหร่ เทอมนึงจะโผล่มาให้อาจารย์เห็นหน้าสักที ถ้าวิชาไหนไม่เช็กชื่อล่ะก็ ผมแทบจะไม่เข้าเรียนด้วยซ้ำ ไปผับบ่อยกว่าเข้าเรียนอีกต่างหาก แต่ถึงจะไม่เข้าเรียน ก็ต้องขอบอกก่อนเลยนะว่าผมกวาดเอมาเกือบทุกวิชา เห็นอย่างนี้ผมก็ไม่โง่นะครับ
ส่วนที่อาจารย์พูดเมื่อครู่ก็พอทำให้ผมคลายกังวลขึ้นมาได้บ้าง ทว่าก็ยังไม่พูดอะไร จนอาจารย์เป็นฝายถามอีกครั้ง
“ว่าไงคุณ ตกลงจะไปฝึกที่นี่มั้ย ถ้าไม่เอาที่นี่ก็ไปขึ้นดอยนะ”
ผมหันหน้าไปมองยีนส์กับกั้ง สองคนนั้นพยักหน้าเออออเป็นเชิงให้ผมตอบรับ ผมเลยพ่นลมหายใจออกมา ก่อนจะตอบรับอย่างจำนน
“ก็ได้ครับ ผมไปฝึกที่นี่แหละ”
“ดี งั้นคุณก็เตรียมตัวหาที่พักได้เลยนะ เดี๋ยวครูจะติดต่อไปทางนั้นให้ว่าจะส่งคุณไป ใกล้ๆ เปิดเทอมสอง คุณก็ไปที่นั่นเลย ไปล่วงหน้าก่อนหลายๆ วันก็ดี เดี๋ยวคุณจะเมาจนลืมวันลืมเวลาอีก” จบท้ายด้วยการแดกดันอีกจนได้ เรียกเสียงหัวเราะของยีนส์และกั้งได้เป็นอย่างดี ส่วนผมก็โอดครวญไปตามเรื่อง
“โธ่ อาจารย์ครับ ผมไม่ได้เมาทุกวันซะหน่อย”
“แต่ก็เกือบทุกวันใช่มั้ยครับ ครูรู้นะว่าเธอไปร้านเหล้าบ่อยกว่าเข้าเรียนอีก”
พูดมาอย่างนี้ ผมก็เถียงไม่ออกเลย ก่อนอาจารย์จะยุติบทสนทนาด้วยการเก็บเอกสารลงกระเป๋า แล้วเชิญพวกผมออกจากห้อง
“เสร็จเรื่องแล้วก็กลับไปพักผ่อนเถอะ ครูต้องไปจัดการเตรียมเอกสารประวัติของพวกเธออีก เดี๋ยวจะไม่ทันการ”
พูดจบ พวกผมก็ออกจากห้องพักอาจารย์ทันที ระหว่างลงลิฟต์ ผมก็ทำหน้าซังกะตายตลอด ไม่ใช่ว่าเป็นเพราะไม่ได้ไปฝึกกับพวกมัน แต่เป็นเพราะต้องไปโรงเรียนเด็กช่างที่ผมคิดไปไกลแล้วว่าต้องไม่ต่างจากขุมนรกแน่ ยีนส์ก็เลยยื่นมือมาแตะบ่าผมทันทีที่พวกเราก้าวเดินออกจากลิฟต์