คืนที่สองของการทำงาน
ฉันสลัดความรู้สึกเคอะเขินและไม่กล้าออกไปได้จนหมด รับออเดอร์และเสิร์ฟได้อย่างคล่องแคล่ว ขณะเข้ามาส่งออเดอร์ที่หน้าครัว ผู้จัดการหรือที่พวกเราเรียกว่าเจ๊ชาตรีก็เดินเข้ามาบอกฉัน
“ นิดา เดี๋ยวเข้าไปสวัสดีคุณเอริคกับฉัน เป็นบอสเป็นเจ้าของที่นี่ วันนี้ท่านมา จริง ๆ เมื่อคืนก็มาแหละแต่ดึกแล้ว ก็เลยยังไม่ได้รายงานท่านว่ารับพนักงานเพิ่ม ๆ ”
“ ได้ค่ะ เจ๊ชาตรี ” ฉันเอาถาดไปวาง พยายามจัดเสื้อผ้าเผ้าผมให้ดูเรียบร้อยที่สุดก่อนจะเดินตามเจ๊ชาตรีเข้าไปในห้องที่ซ่อนอยู่ด้านหลังแคชเชียร์
เมื่อเปิดประตูเข้าไป เจ๊ชาตรีก็ส่งเสียงเอ่ยทักทายชายคนหนึ่งซึ่งนั่งพิงเบาะเก้าอี้ทำงานหรูหราที่หันหลังอยู่
“ บอสคะ ชาตรีพาพนักงานใหม่มารายงานตัวค่ะ ”
เขาหมุนเก้าอี้กลับมา ทำให้ฉันเห็นใบหน้าเขาอย่างเต็มตา ผู้ชายคนนั้น ที่ฉันเห็นเขาแสดงหนังสดในห้องน้ำหญิงเมื่อคืนนี่นา !
ฉันอ้าปากหวอ ตะลึงค้างอยู่อย่างนั้น จนเจ๊ชาตรีต้องเอื้อมมือมาเขย่า
“ นิดา สวัสดีคุณเอริคสิ นี่แหละบอสของเรา เจ้าของผับ ปาปิยองแห่งนี้ ”
ฉันได้สติ กระพริบตาถี่แล้วยกมือทำความเคารพแล้วรีบหลบสายตาคล้ายว่า หากสบสายตาคม ๆ คู่นั้นจะทำให้เขารู้ว่าเมื่อคืนฉันบังเอิญไปเห็นหนังสดอันร้อนแรงของเขา
เขาลุกขึ้นยืนแล้วค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้ เมื่อคืนที่ฉันเห็นเขานั้นก็พอกะเกณฑ์ได้บ้างว่าเขารูปร่างสูงใหญ่เหลือเกิน แต่นี่ได้มาสัมผัสตัวจริงใกล้ ๆ ฉันยิ่งรู้สึกว่าตัวเองตัวลีบเล็กแล้วเขาเหมือนยักษ์วัดแจ้งก็ไม่ปาน
“ สวัสดีครับ ” เสียงทุ้มใหญ่เอ่ยทักทายด้วยภาษาไทยแปร่งปร่าอย่างคนต่างชาติ ฉันยืนตัวแข็ง ทำอะไรไม่ถูก
“ เอ้า นิดา บอสทัก ไม่ได้ยินหรือไง ” เจ๊ชาตรีบอกพร้อมเอื้อมมือมาเขย่าแขนฉันอีกครั้ง ฉันสะดุ้งนิด ๆ แล้วเอ่ยตอบไป
“ เอ่อ สะ.. สวัสดีค่ะ ”
ฉันเอ่ยตอบแต่ก็ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมอง ฉันก้มลงจ้องเท้าอย่างเอาเป็นเอาตาย ฉันได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มนุ่มน่าฟัง
“ กลัวผมเหรอ ไหนเงยหน้ามาคุยกันหน่อยซิ ” เขาสั่ง เจ๊ชาตรีเอามือมาดันคางฉันขึ้น
“ นิดา นี่เธอเป็นอะไร เงยหน้ามาคุยกับบอสสิ ”
ฉันกลืนน้ำลายลงคอแล้วเงยหน้าขึ้นสบตาเขาตามคำสั่ง แล้วก็รู้ว่าตัวเองทำพลาดเข้าให้แล้ว
ใบหน้าหล่อเหลานั้นอยู่ห่างจากฉันราวสองฟุต แต่ช่างมีอิทธิพลแรงกล้า ดวงตาสีน้ำตาลมีประกายเร่าร้อนบางอย่าง เต้นระริกอยู่ในนั้น ฉันสบตาเขาแล้วเสียวท้องน้อยวูบวาบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน รู้สึกราวกับถูกดูดวิญญาณออกไปยังไงยังงั้น
เขาก้าวเข้ามาใกล้ฉันอีกหนึ่งก้าว ฉันถอยหลังโดยอัตโนมัติ แต่ก็ยังคงไม่สามารถหลบสายตาอันร้อนแรงของเขาได้ นี่ฉันเป็นอะไรไปนะ ไม่เป็นตัวของตัวเองเลย
“ ชื่อนิดาเหรอครับ ”
“ ค่ะ ” ฉันหลุดตอบไปเบาหวิวคล้ายคนไร้สติ
“ อายุเท่าไรแล้ว ยังเรียนอยู่หรือเปล่า ”
“ อายุยี่สิบ เรียนปีสองค่ะ ”
“ ผมเอริคนะ อายุสามสิบปี เรียนจบมานานแล้ว ยินดีที่ได้รู้จักครับ ” เขาเอ่ยติดตลก พร้อมยื่นมือใหญ่ส่งมาเบื้องหน้า ฉันยกมือสั่นเทาขึ้นมา เขาเป็นฝ่ายคว้ามือฉันไปบีบเบา ๆ แล้วปล่อย
“ ชาตรี พานิดาออกไปเถอะ ก่อนที่เธอจะกลัวผมจนขาดใจตาย ” เขาพูดกลั้วหัวเราะ เจ๊ชาตรีรีบลากแขนฉันออกมา
เมื่อมาถึงห้องพนักงาน ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วรีบไปรินน้ำดื่มหนึ่งแก้วเต็ม ๆ เจ๊แกหัวเราะขำอาการของฉันมาก
“ แกเป็นอะไรนิดา กลัวอะไรบอสนักหนา ”
ฉันไม่ตอบแต่เทน้ำดื่มอีกแก้วรวดเดียว เจ๊ชาตรีหัวเราะ เฟิร์นที่เข้ามาพอดีก็เลยถามขึ้นด้วยความสงสัย
“ อะไรกันคะซิส หัวเราะดังออกไปถึงหน้าร้าน ”
“ ก็เพื่อนแกน่ะซี้เฟิร์น ฉันพาไปไหว้บอสมา กลัวจนขี้ขึ้นหัว ตัวสั่น พูดไม่ออกเลย ”
“ ว้าย จริงดิ นี่แกเจอบอสแล้วเหรอ เป็นไง เป็นอย่างที่ฉันเคยพูดให้ฟังใช่ไหมล่ะ หล่อลากไส้ หล่อแบบแบดบอย หล่อแบบดิบ ๆ หล่อชนิดที่ผู้หญิงทุกคนที่ได้เจออยากถวายตัวให้แบบฟรี ๆ ไม่มียั้ง ”
“ ไม่ใช่แต่ผู้หญิงนะยะ เจ๊ยังอยากเลย ”
แล้วสองคนก็หันไปกรี๊ดกร๊าดกิ๊วก๊าวกันเพลิน วันนั้นที่เฟิร์นเล่าเรื่องเจ้าของผับให้ฟังฉันไม่ได้สนใจนัก แต่วันนี้ฉันยอมรับเลยว่าเขามีอิทธิพลกับหัวใจฉันมาก เพราะมันเต้นตึ้กตั้กจนถึงตอนนี้ อาจเป็นเพราะว่าฉันบังเอิญไปเห็นภาพกีฬามันส์ ๆ ของเขาในห้องน้ำแล้วกลัวเขาจะรู้ก็เป็นได้
เจ๊ชาตรีเม้าท์อยู่สักครู่โทรศัพท์ก็ดังขึ้น นางหยิบขึ้นมาดูก็หันหน้ามาบอกพวกเรา
“ ผัวโทรมา ขอตัวก่อนนะ ” แล้วก็เดินระริกระรี้จากไป เหลือแต่เฟิร์นกับฉันสองคน เฟิร์นเขยิบเข้ามาหาแล้วกระซิบ ข้างหูฉัน
“ เป็นไงแก บอสน่ากินไหม ”
“ ไอ้บ้า ” ฉันยกมือขึ้นตีแขนเพื่อน มันหัวเราะ
“ หล่อใช่ไหมล่ะ ทั้งหล่อทั้งใหญ่ทั้งหุ่นดี ฉันบอกแล้ว ”
“ เขาเป็นฝรั่งใช่ไหมแก ”
“ อือ เห็นเจ๊ชาตรีบอกว่าแม่แกเป็นลูกครึ่งไทยสเปนหรืออะไรเนี่ยแหละ แล้วก็ไปแต่งงานกับคนฝรั่งเศส บอสก็เลยมีสามเสี้ยวเลย ไทย สเปน ฝรั่งเศส ” นั่นไง เป็นส่วนผสมที่ลงตัวมาก ๆ ของสามเชื้อชาติ รวมข้อดีไว้ที่ตัวเขาหมดเลย
“ แล้วเขาอยู่ที่นี่ประจำเลยเหรอ ”
“ ก็บินไป ๆ มา ๆ ระหว่างไทยกับฝรั่งเศส เห็นว่าที่โน่นก็มีผับแบบนี้ด้วย ร้านนี่ก็มาสัปดาห์ละสองสามหนนะ ฉันล่ะฝันอยากโดนบอสกินสักครั้ง คงจะแซ่บจนลืมไม่ลงเลยล่ะ ”
เฟิร์นบอกความต้องการออกมาตรง ๆ ฉันตีแขนเพื่อนดังเพี้ยะ
“ ไอ้บ้า พูดอะไรออกมา น่าเกลียด เป็นผู้หญิงนะ ” มันหัวเราะ
“ โอ๊ย นางชี พูดอะไรก็ไม่ได้ ก็มันเรื่องจริงนี่ ฉันจะบอกแกให้เลยนะ แค่ฉันมองด้วยตาเปล่าก็รู้แล้วว่าบอสน่ะ ทั้งใหญ่ ทั้งยาว ทั้งแซ่บ ผู้หญิงที่ไหนเขาก็อยากให้บอสกินทั้งนั้นล่ะ ยกเว้นผู้หญิงผิดปกติอย่างแก ”
ฉันยืนนิ่งเงียบ ไม่ตอบมัน เพราะฉันยังไม่แน่ใจในตัวเองว่าไม่อยากให้เขากินจริงหรือเปล่า ไอ้ที่ใจเต้นตึ้กตั้กอยู่อย่างนี้มันเพราะอะไรกันแน่