“สำคัญมากขนาดนั้นเชียวกะอีแค่จูบ คุณรู้ไหมผมเป็นใคร คุณโชคดีที่สุดในโลกแล้ว ที่ผมลดตัวไปจูบคุณ ผู้หญิงทั้งฝรั่งเศสต้องการสิ่งนี้จากผมที่สุด” เขาเข่นเขี้ยวต่อหน้าหญิงสาว ขณะสองมือไม่ยอมปล่อยไหล่มน
“นั่นมันผู้หญิงในฝรั่งเศส แต่ฉันคนไทยถือเรื่องนี้ที่สุด” สาวเสียจูบตลาดใส่หน้าเขาอย่างไม่กลัวเกรง แม้ร่างกายยังอยู่ในกรงเล็บนักจารกรรมตัวฉกาจเช่นเขา
“คนไทย” เขาเอ่ยถามเธอเสียงแผ่วกรอกตาไปมา ก็เพราะเธอเป็นหญิงไทยสิเขาถึงรู้สึกคลั่งได้มากขนาดนี้ เพื่อนเขาก็ได้เมียเป็นสาวไทย
“ใช่สิ รู้แล้วก็ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้คนถ่อย” ปากหวานๆต่อว่าเขา
“ถ้าไม่ปล่อยจะทำไมแม่สาวไทย” ฝ่ายชายไม่เกรงเช่นกัน คนต่อต้านอาดิลมักชอบปราบพยศ ไม่ค่อยได้เจอด้วยแบบนี้ ท้าทายดี
“ไม่ปล่อยฉันจะร้องให้คนช่วย ลองสิถ้าคุณกล้า รับรองคุณได้ไปคุยกับตำรวจฐานะที่คุณรังแกนักท่องเที่ยว” เธอขู่น้ำเสียงจริงจัง ไม่ต่างกับสีหน้าท่าทีหวังว่าเขาคงกลัวบ้างนะ
“ผมก็...อยากรู้นักว่า ถ้าปากคุณไม่ว่างดูซิจะร้องขอความช่วยเหลือได้ไหม” พูดไปใบหน้าคมหล่อโน้มลงไปเรื่อยๆ กระทั่งคนที่กำลังอวดดีแสดงอาการตื่นตระหนก
จากตาโตตอนนี้มะลิหลับตาปี๋กลั้นลมหายใจ ไม่กล้าสบดวงตาคมสีเทาที่ร้อนแรงดั่งสายตาของหมาป่ากระหายเหยื่อ ดวงตาสีนี้ช่างสามารถสะกดจิตวิญญาณของมะลิไม่ให้ต่อต้านได้ชะงักนัก
“อี๋...ปล่อยฉันนะคนบ้า พอๆฉันไม่ร้องก็ได้” ร่างบางดิ้นรนผลักไส ใช่แรงมดตัวน้อยสลัดตัวออกจากคีบเหล็กที่บีบรัดต้นแขนสองข้างของเธอ อย่างน้อยตอนนี้เธอก็ได้ตบล้างแค้นถือว่าหายกัน แต่ความติดตรึงยังฝังรากลึกลงไปในความรู้สึกของเธอท่าจะสลัดยาก
“นึกว่าจะแน่” มือใหญ่ดั่งคีมเหล็กทรงพลังคลายแรงบีบ แต่ยังคงจับกุมไว้ไม่ปล่อยซะทีเดียว แตะต้องเพียงเท่านี้กลับได้รับกระแสความนุ่มนิ่มจนไม่อยากผละห่าง
มะลิได้ทีรีบสลัดตัวเองออกมายืนห่างชายหนุ่มสามช่วงตัว เกรงโดนชายจอมฉวยโอกาสมากเล่ห์เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์มหาศาลคนนี้กระทำชำเราอีก คราวนี้จะตบเขาคงยากเต็มที
“ฝากไว้ก่อนเถอะคนถ่อย” นิ้วชี้หน้าเขาคาดโทษชายหนุ่ม เสน่ห์ลากไส้แค่ไหนก็ขออย่าให้เจอกันอีกเป็นดีที่สุด ทั้งหมดทั้งมวลที่หาข้อกล่าวอ้าวก็เพราะเกรงตัวเองจะหลงรักคนแปลกหน้า ยากระงับใจ การตกหลุมรักอาจยากต่อการถอนตัว
“ว่าอะไรนะ” เขาได้ยินไม่ถนัดเสียงที่เขาได้ยินไม่ต่างจากเสียงแมลงตัวเล็กๆ ปลายเท้าขยับเข้าไปหาเจ้าของเสียงหรีดหริ่งนั้น คล้ายกับเป็นคำด่าไม่ใช่คำชม
“ปะ...เปล่าไม่มีอะไร อยู่ตรงนั้นล่ะไม่ต้องเข้ามาใกล้ฉันอีก” ท่าทีหวาดระแวงเกรงเขาจะเข้าใกล้ ปากร้องสั่งให้เขาหยุดติดๆขัดๆ สมองประมวลเตรียมเผ่นหนีไปจากนักจารกรรมจูบไหนๆ ก็ได้ตบแล้วถือว่าหายกัน ไอ้ที่เสียไปไม่ได้สึกหรอกทางร่างกายมาก มีเพียงจิตใจที่สั่นไหวไม่เข้าท่า
“แต่ผมได้ยินชัดเชียวล่ะ อยากได้จูบคืนเมื่อไหร่ผมพร้อมเสียสละปากไว้สำหรับคุณเสมอ หวังว่าปากผมกับปากคุณจะได้ประกบกันเร็วๆนี้” ชายหนุ่มเอ่ยปากชวน “นัดมาเลยนี่นามบัตรผม” อาดิลล้วงนามบัตรในกระเป๋าเสื้อสูทด้านใน ใช้สองนิ้วดีดกระเด็นไปโดนหน้าหญิงสาว มะลิกระพริบตาปริบๆป้องตัวเองตามสัญชาติญาณ ลืมตาขึ้นอีกทีกระดาษใบเล็กปลิวตกลงตรงพื้นตรงปลายเท้า
เธอไม่สนใจคำเชิญจากปากถ่อยๆของเขาปากที่ดีแต่ฉวยโอกาสกับคนที่ไม่ทันได้ตั้งตัว ทั้งๆ ที่ไม่รู้จักกันเขายังแจกจูบไปทั่ว ลองอีแบบนี้คงได้แจกจูบกับผู้หญิงไปทั่ว มะลิเมินทั้งคนทั้งนามบัตรหมุนร่างไปจากสถานที่อโคจร เพราะอาจทำให้เธอเสียสมดุลทางใจอีกครั้งเท่านี้ก็แทบเอาตัวไม่รอด
อาดิลมองแผ่นหลังและเส้นผิวสีดำปลิวสลายตามแรงกระแทกของปลายเท้าในรองเท้าบู๊ทยาวถึงเข่าสีน้ำตาลนั้นไป ด้วยแววตากระหยิ่มทั้งหัวใจพองโต ก่อนยกมือลูบแก้มที่ถูกฝ่ามือพิฆาตสามครั้งซ้อน
“มือไวเป็นบ้า” สบถกับตัวเองเสร็จ จึงแทรกกายเข้าไปนั่งในรถ พาตัวเองออกไปจากสถานที่ตรงนั้นด้วยความสมหวังซ่อนเร้น
ระหว่างนั้นเขาให้นึกไปถึงเซบาสเตียนเพื่อนรักที่แต่งงานไปกับภรรยาสาวชาวไทย หล่อนสวยหยาดฟ้ามาดินรูปร่างอรชรงดงามด้วยความสุข สร้างพยานรักตัวป้อมหนึ่งสาว คราวนี้เห็นทีคงต้องปรึกษาเคล็ดลับจากเพื่อนคนนี้ซะแล้ว
นางแบบสาวหุ่นงามสูงยาว ขาเรียวสวยดึงดูดสายตาหนุ่มๆ หันมองด้วยแววตาสนเท่ห์ของเรียวขางดงามของนางแบบสาวเบอร์หนึ่งประจำการ์ริสม็อง โมเดลลิ่ง แมรี่ แอชชี่ ก้าวเข้าไปในสำนักงานที่ตั้งของห้องเสื้ออาดิลริส ทั้งที่สถานที่นี้ไม่ควรเป็นที่เดินเล่นหรือเดินแบบของหล่อนเลย แต่ก็อย่างว่าสถานที่อยู่ในอาคารเดียวกันบนถนนชองป์เซลิเซส์
“คุณดิลอยู่ไหม” แมรี่เอ่ยถามเลขาหน้าห้องทำงานส่วนตัวของอาดิล เลขาหนุ่มกำลังง่วนอยู่กับเอกสารบนโต๊ะ สีหน้าเคร่งเครียด ขยับแว่นขึ้นลงเหมือนยุ่งมากใจอยู่ครามครัน
“อ้อ คุณแม่รี่เองหรือครับ” สตีฟ กลิเดอบูเลขาผู้รู้งานรู้ใจและรู้นิสัยเจ้านายอย่างถ่องแท้ เขามักรู้ว่าเวลาอาดิลง่วนอยู่กับงานออกแบบเขาเอาจริงเอาจังจนน่ากลัว ใครไม่สามารถเข้าถึงตัวเขาได้ถ้าไม่มีคำสั่งอนุญาตการเข้าพบ ในห้องทำงานส่วนตัวเก็บความลับสุดยอดสำหรับคอลเลคชั่นใหม่ประจำฤดูร้อนที่ถุงนี้สำหรับงานปารีส แฟชั่น วีค
“คุณดิลล่ะคะ” หล่อนเอ่ยถามอีกครั้งสายตาเหย่อหยิ่ง หล่อนถือเสมอว่าตัวเองโด่งดัง ค่าตัวแพงที่สุดในบรรดานางแบบในสังกัดของอาดิล และที่มากกว่านั้นหล่อนไม่อยากเป็นแค่นางแบบในต้นสังกัดของอาดิล เป้าหมายของหล่อนคืออาดิล การ์ริสม็องผู้มีโลกส่วนตัวสูงลิบอยู่ปลายกิ่งต้นสนจนยากสอยให้ร่วง
“ยุ่งกับงานออกแบบเสื้อคอลเลคชั่นฤดูร้อนครับ คุณแมรี่ก็น่าจะทราบดีช่วงนี้เจ้านายห้ามใครรบกวน” เลขาหนุ่มบอกกับนางแบบสาว
“แม้แต่ฉันแม่รี่อย่างนั้นหรือ” หล่อนโน้มกายผ่านโต๊ะทำงานตัวใหญ่ถามเลขาหนุ่ม หมายใจเพื่อข่มอีกฝ่ายหวังจได้เข้าไปพบอาดิล รู้ทั้งรู้อาดิลไม่ชอบให้ใครรบกวนเวลาทำงาน หล่อนแอบคิดการดื้อมักได้มาซึ่งความสมหวัง
“ท่านสั่งว่าอย่างนั้นนะครับ” สตีฟเน้นอีกครั้ง
“ไม่จริงคุณดิลต้องไม่ห้ามฉัน” หล่อนยกตนพิเศษเหนือคนอื่น โดยที่ความเป็นจริงคุณค่าในสายตาทุกคนเท่ากันหล่อนดื้อดึงบางทีถ้าโวยวาย อาดิลอาจจะออกมาดูเหตุการณ์จากนั้นหล่อนจะได้พบกับเขา
“คุณแมรี่เวลาที่เจ้านายมุ่งมั่นทำงาน คุณก็ต้องรู้นะครับว่าท่านตั้งใจแค่ไหน” สตีฟตอกย้ำนิสัยส่วนตัวของเจ้านาย
“แต่ต้องไม่ใช่ฉันที่โดนห้ามสิ” แมรี่ไม่ยอมแพ้
“บอกแล้วไง แม้แต่ผมซึ่งเป็นเลขายังถูกห้ามไม่ให้โผล่หน้าเข้าไปรบกวนถ้าท่านไม่ได้เรียกใช้” สตีฟตอบตามความจริง ตอนนี้เขากำลังง่วนอยู่กับการติดต่อโรงทอเกี่ยวกับเนื้อผ้าไปถึงลายผ้าที่อาดิลสั่งโรงงานเจ้าประจำทอพิเศษ เพื่อเตรียมให้ช่างตัดเย็บต่อไปหลังจากแบบเสื้อชุดทุกแบบเสร็จสมบูรณ์
“เอาเถอะๆ คุณสตีฟฉันยอมแพ้ไม่พบคุณดิลก็ได้ ว่าแต่กำลังง่วนกับอะไรหรือคะ” สายตาเหลือไปเห็นบางอย่างบนโต๊ะ จึงเบนความสนใจมายังงานของสตีฟ
“ลายผ้าสำหรับชุดที่เจ้านายออกแบบฤดูร้อนนี้ครับ” เขาบอกพาซื่อ
“แมรี่ขอดูหน่อยได้ไหมลายผ้าปีนี้คงสวยไม่แพ้ของทุกปี ฉันจะได้ใส่ลายไหนออกไปเดินแบบให้คุณดิลกันนะ” ดวงตาแมรี่พราวพร่างเมื่อนึกภาพตัวเองเดินบนเวทีแฟชั่น วีคฤดูร้อนปีนี้ หล่อนวาดหวังได้สวมชุดฟินาเร่เดินแบบให้กับห้องเสื้ออาดิลริสอย่างเช่นทุกปี “แมรี่ว่าแม่รี่ช่วยดูเรื่องลายผ้าให้ได้นะคะคุณสตีฟ” หล่อนขันอาสาอย่างจริงจัง
“ก็ดีครับคุณแมรี่ช่วยผมคงเบาแรงได้เยอะ ตอนนี้ผมตาลายไปหมดแล้ว” เขาเลื่อนตัวอย่างลายผ้าให้กับนางแบบเบอร์หนึ่ง จริงๆ อาดิลไม่อนุญาตให้คนนอกรู้เรื่องลายผ้ารวมทั้งแบบชุดถือเป็นความลับสุดยอด แต่สำหรับแมรี่สตีฟคิดว่าหล่อนไม่ใช่คนนอก เป็นถึงนางแบบเบอร์หนึ่งในสังกัดนั่นเท่ากับหล่อนคือคนในได้บ้าง แค่ลายผ้าคงไม่เสียหายอะไร แมรี่เดินแบบมาเยอะคงพอมีความรู้บ้าง