หลังจากที่ปราณและดุจฟ้าคุยกันได้สองสัปดาห์ ทั้งคู่ก็เริ่มสนิทและไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยขึ้น แม้เขาจะต้องปลีกเวลานอนของตัวเองมาอยู่กับเธอ หรือการทำงานแค่กะเดียวในบางวันเพื่อมาใช้เวลาอยู่กับเธอ เขาก็ยอมทำเพื่อให้ได้ใกล้ชิดเธอ
“แล้วไม่เข้ากะบ่ายเหรอ ทำไมมาทานข้าวเย็นกับฉันได้” เธอถามเมื่อเห็นว่าช่วงนี้เขามาทานอาหารเย็นกับเธอถี่ๆ ทั้งๆ ที่ปกติกะบ่ายจะเข้างานบ่ายสองเลิกงานประมาณสี่ทุ่ม
“ไม่ล่ะ ฉันไม่รับงานกะบ่ายช่วงนี้ รู้สึกว่าร่างกายอ่อนแออย่างไรไม่รู้ และอีกอย่างอยากใช้เวลาในการจีบเธอด้วย”
“นายนี่ พูดอะไรก็ไม่รู้”
“พอฉันเข้าหาตรงๆ ก็บ่ายเบี่ยง พอฉันเข้าหาเหมือนเมื่อก่อนก็หาว่าฉันโรคจิต เธอนี่มันไม่มีความพอดีจริงๆ นะ ฉันทำตัวไม่ถูกแล้ว”
“นี่นายจีบฉันอยู่นะ มีสิทธิ์บ่นด้วยเหรอ”
“ก็รู้นี่ว่าฉันจีบ รับรักฉันหน่อยสิ”
“บ้า” เธอพูดแล้วก้มหน้าลงเขี่ยอาหารในจานแล้วตักขึ้นมาทานกลบเกลื่อนความตื่นเต้น เมื่อเห็นว่าเขาเริ่มรุกหนักจนทนไม่ไหว
“คบกันนะ”
ดุจฟ้าแทบจะสำลักอาหารออกมา เพราะคำพูดที่ดูตรงไปตรงมาและท่าทีที่จริงใจของเขา
“ขอกันแบบดื้อๆ แบบนี้เลยเหรอ”
“ใจร้อนแล้ว อยากเป็นแฟนกัน”
“แน่ใจแล้วนะว่าเลือกคนไม่ผิด ฉันกินจุนะ แล้วฉันก็ไม่มีเวลาให้นายด้วย”
“ฉันก็ไม่มีเวลาให้เธอเหมือนกัน งานฉันมีเวลาไม่แน่นอน เธอจะรังเกียจหรือเปล่าที่จะมีแฟนเป็นยามจนๆ แบบฉัน”
“ไม่รังเกียจหรอก” เธอตอบเป็นนัยว่า ‘ตกลง’ ไม่ได้พูดออกมาตรงๆ แต่มันก็ทำให้ปราณยิ้มออกมาได้
“หลังจากนี้ เรามาสร้างอนาคตด้วยกันนะ”
“อืม” เธอรับคำอย่างเขินอายเล็กน้อย
“ฉันจะทำให้เธอเป็นผู้หญิงที่ใครๆ ก็ต้องอิจฉา”
“ฉันจะคอยดู และเป็นกำลังใจให้นาย สู้ไปด้วยกันนะ”
“อืม”
ปราณยิ้มด้วยความดีใจ เขาตักอาหารให้กับเธอ แล้วหยิบทิชชูมาเช็ดมุมปากของเธอตรงที่คราบอาหารติดอยู่อย่างนุ่มนวลและอ่อนโยน
“เป็นแฟนฉันเธอไม่ต้องทำอะไรมาก แค่เป็นกำลังใจให้ฉันเท่านั้นก็พอ”
“เป็นแฟนกันแล้วก็ต้องช่วยเหลือกัน มีอะไรให้ช่วยก็บอกตรงๆ นะ ไม่ต้องมาหลอกยืมของห้องฉันไปอีก เจ้าเล่ห์จริงๆ”
“อย่าเอาเรื่องนี้มาแซวได้ไหม เขินเป็นเหมือนกันนะ”
ดุจฟ้ายิ้มไม่หุบ วันนี้เธอรู้สึกสุขใจและตื่นเต้นมากจนหุบยิ้มไม่ลงแล้ว
**********************
ดุจฟ้าไปทำงานอย่างอารมณ์ดี เธอหอบแฟ้มเอกสารเข้าไป ให้อคิน แล้วอมยิ้มกับตัวเองจนเขาเลิกคิ้วอย่างสงสัย
“วันนี้เลขาผมเป็นอะไรไป ยิ้มไม่หุบเชียว”
“มีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นนิดหน่อยค่ะท่านประธาน”
“เอาแฟ้มนี้ไปส่งคืนให้กับผู้จัดการฝ่ายบัญชี ให้เข้าตรวจสอบยอดดูอีกครั้งหนึ่ง แล้วค่อยเรียกเข้ามาหาผม” อยู่ๆ เขาก็เปลี่ยนเรื่อง เหมือนกับว่าถามเธอไปอย่างนั้นไม่ได้สนใจว่าจริงๆ แล้วเธอกำลังยิ้มเพราะอะไร
‘แล้วจะถามเราทำไม’ เธอนึกหมั่นไส้เขาในใจ แต่ก็ไม่ได้คิดมากอะไร เพราะว่าการที่ถูกเขาถามไถ่นั้น มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยากกับพนักงานในบริษัทนี้ ยกเว้นเธอที่เขายังพอมีปฏิสัมพันธ์ด้วยบ้าง
“ประชุมตอนบ่ายยกเลิก คุณช่อแก้วเธอรู้มาจากคุณนงคราญ เธอบอกว่าจะมาขอพบค่ะ ครั้งนี้ฉันกันออกไปไม่ได้จริงๆ” เธอรายงานเขา เพราะครั้งนี้อีกฝ่ายมีมารดาของเขาให้ท้ายอยู่
“ให้ตายสิ คุณแม่ก้าวก่ายชีวิตผมอีกแล้ว”เขาทำหน้าเครียด แล้วถอนหายใจออกมา
“ถ้ามีเอกสารอะไรก็รีบเอาเข้ามาให้ผมดูก็แล้วกัน อย่าลืมตามเรื่องกับผู้จัดการฝ่ายบัญชีให้ผมนะ ผมรู้สึกว่ายอดของ โครงการนี้มันแปลกๆ” เขาสั่งงานเธอด้วยน้ำเสียงที่ดูหงุดหงิดเล็กน้อย เธอรู้ว่าไม่เกี่ยวกับงานแน่
“ยอดนี้ฝ่ายบัญชีก็ได้รับมาจากฝ่ายโครงการนะคะ ถ้าอย่างนั้นให้ดิฉันติดต่อสอบถามไปยังผู้จัดการฝ่ายโครงการโดยตรงให้เขาประสานงานกับฝ่ายบัญชีอีกทีดีไหมคะ”
“ตามนั้น”
“จริงสิ งั้นท่านประธานก็เรียกประชุมฝ่ายโครงการ กับฝ่ายบัญชีเลยสิคะ เรื่องเอกสารจะได้เคลียร์ แล้วยังกันคุณช่อแก้วได้ด้วย” เธอเสนอความเห็นขึ้นมาตามที่นึกออก
“โอเค คุณไปจัดการมาตามนี้ได้เลย”
เขามองเธออย่างชื่นชมกับการทำงานที่ละเอียดรอบคอบ เข้าใจระบบงานของบริษัทเป็นอย่างดี และนำมาประยุกต์ใช้กับเรื่องส่วนตัวของเขาได้ ไม่ผิดหวังเลยที่เลือกเธอมาเป็นเลขานุการของเขา
สองปีที่ทำงานด้วยกันมา เธอพัฒนาความสามารถตนเองตลอดเวลา และเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ไม่พยายามเข้าหาเขาเหมือนอย่างเลขานุการคนที่ผ่านมา ที่อยากใช้เต้าไต่มากกว่าใช้ความสามารถในการทำงาน ทำให้เขาค่อนข้างสบายใจที่จะร่วมงานกับเธอ
“คุณมีแฟนหรือยัง” อยู่ๆ เขาก็ถามเธอออกมา
“มีแล้วค่ะ” เธอตอบแล้วอมยิ้มหน้าแดงเรื่อ
‘มิน่า ถึงไม่เคยให้ท่าหรือมาวุ่นวายกับเรา ที่แท้ก็มีแฟนอยู่แล้วนี่เอง’ เขานึกอย่างเสียดายเล็กน้อย
หน้าตาอย่างดุจฟ้านั้นถือว่าสวยเลยทีเดียว ถ้าไม่ติดที่ว่าเธอเป็นพนักงานในบริษัทและเป็นเลขานุการของเขา ป่านนี้เขาคงคิดอะไรเกินเลยกับเธอไปแล้ว
แต่ด้วยคำสั่งของบิดาที่ห้ามเป็นสมภารกินไก่วัด และให้เขารักษาภาพลักษณ์เพื่อให้เป็นที่น่าเชื่อถือกับคนในบริษัทและผู้ถือหุ้น ทำให้เขาไม่ได้แสดงนิสัยที่แท้จริงออกมา
**********************
ดุจฟ้าทำหน้าที่เป็นเลขานุการที่ฉลาดรอบรู้และเก่งรอบด้านในตอนกลางวัน พอกลับมาถึงที่พักเธอก็ใช้กุญแจสำรองที่ ปราณให้ไว เพื่อไปช่วยเขาทำความสะอาดห้องและเตรียมกับข้าวไว้รอเขาทำหน้าที่เป็นคนรักที่ดี
ทั้งคู่ตกลงกันว่าจะคบกันในสถานะแฟนและดูแลกันไปเรื่อยๆ พร้อมทั้งเก็บเงินสร้างอนาคตด้วยกัน
เธอมีหน้าที่ช่วยทำงานบ้านให้กับเขา คอยผลักดันเขาอยู่เบื้องหลัง โดยที่เขาไม่ได้ร้องขอการดูแลเหล่านี้จากเธอเลย แต่ดุจฟ้าทำมันอย่างเต็มใจ
จนตอนนี้ เวลาล่วงเลยมาถึงสองเดือนแล้ว กับสถานะคู่รักของทั้งคู่ ที่เปิดเผยต่อคนรอบข้างว่ากำลังคบหาดูใจกันอยู่
ปราณกลับมาที่ห้องในเย็นวันหนึ่ง มองหน้าเธอแล้วแกล้งทำหน้ารู้สึกผิด ก่อนที่จะฝืนยิ้มออกมาเพื่อให้เธอสบายใจ แต่ว่าดุจฟ้าก็ดูออกว่าเขาเปลี่ยนไป
“มีอะไรเล่าให้ฉันฟังหรือเปล่า”
“ไม่มีอะไรหรอก”
“อย่ามาโกหกหน่อยเลย ฉันดูออกนะว่านายกำลังมีเรื่องไม่สบายใจอะไรสักอย่าง”
“ฉันโง่เองแหละ ไม่มีอะไรหรอก” เขาพูดให้เธอยิ่งสนใจ
“พูดมาเถอะน่า เราเป็นแฟนกันนะ”
“ฉันเอาเงินเก็บที่มี ไปซื้อหุ้นและตอนนี้มีแววว่าราคามันกำลังดิ่งลง เทขายตอนนี้ก็ขาดทุน เก็บไว้ก็ไม่มีวี่แววว่าจะดีขึ้น”
“ไม่เป็นไรนะ ฉันเชื่อในการตัดสินใจของนาย ถ้านายซื้อหุ้นตัวนี้ก็แสดงว่านายเล็งเห็นว่าสักวันมันต้องมีราคา ไม่ต้องกังวลนะฉันจะอยู่ข้างๆ นายเอง ถ้าไม่มีเงินใช้ ก็เอาเงินเก็บของฉันมาใช้ก่อน” เธอบอกเขาแม้ไม่เข้าใจเรื่องนี้นัก
“ขอบใจนะ”
“เราเป็นแฟนกันนี่นา”
ปราณมองเธอด้วยแววแต่ที่รักใคร่ เธอไม่เคยจะต่อว่าหรือพูดบั่นทอนจิตใจเขาเลย มีแต่คำพูดที่ให้กำลังใจและความห่วงใยให้เขามาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว
“ฉันอยากยืมเงินเธอไปลงทุนอีกก้อน”
“เท่าไร”
“ห้าหมื่นได้หรือเปล่า”
“เอาสิ” เธอบอกเขาแล้วโอนเงินเก็บในบัญชีที่มีอยู่ทั้งหมด โอนให้เค้าห้าหมื่น เหลือติดบัญชีไว้เพียงสองพันบาทเท่านั้น
เขาประทับใจเธอเป็นอย่างมากที่ไว้ใจเขา และให้เขา ยืมเงินของเธอก่อนแบบนี้ ทั้งๆ ที่ไม่มีอะไรมารับรองหรือยืนยันว่าจะได้เงินคืน นอกจากคำพูดของเขาเท่านั้น
**********************
ปราณไม่ได้บอกวิธีหาเงินที่แท้จริงของเขาให้กับดุจฟ้ารู้ จริงๆ แล้ว เขาเอาเงินที่มีไปลงทุนทำร้านอาหารเล็กๆ กับเพื่อนที่เซ้งต่อในราคาถูก ส่วนเรื่องเล่นหุ้นนั้นเขากำลังอยู่ในช่วงศึกษาและลงทุนกับมันไม่มากนัก รอโอกาสที่จะทำกำไรจากทั้งสองช่องทาง เพื่อที่จะเซอร์ไพรส์เธอตอนที่ได้กำไรมากพอแล้ว
และตอนนี้ทุกอย่างก็กำลังเป็นไปได้ด้วยดี เงินเก็บของเขาหนึ่งแสนรวมกับของเธออีกห้าหมื่น ทำให้เขากลายเป็นหุ้นส่วนของร้านอาหารแห่งนี้ รายได้ที่กลับคืนมาเดือนแรกนั้นก็พอให้ชื่นใจ แต่เขายังไม่ได้ค*****นเธอในตอนนี้ ตั้งใจว่าจะคืนเธอเป็นเงินก้อนใหญ่และทำให้เธอภูมิใจในตัวเขา
ปราณลาออกจากงานรักษาความปลอดภัยมาทำงานบริหารร้านอาหารอย่างเต็มตัว ตอนนี้เขากับหุ้นส่วนใหญ่ขยายกิจการทำร้านอาหารให้เป็นบาร์เล็กๆ และทำให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้นเกือบเท่าตัว
ไม่นานนัก ปราณก็เริ่มมีเงินเก็บจากการทำร้านอาหารของเขา ประกอบกับการหันไปเล่นหุ้นอย่างที่ศึกษาเอาไว้ ทำให้เขาเริ่มสนุกกับการหาเงินมากขึ้น และตัดสินใจบอกความจริงกับดุจฟ้าในที่สุด
เขาพาเธอมาทานอาหารที่ร้านของเขาในเย็นวันหนึ่ง แล้วเฉลยในตอนท้ายว่ามันคือร้านที่เขาถือหุ้นอยู่ ทำให้ดุจฟ้าดีใจเป็นอย่างมาก
“นี่นายแอบมาทำร้านอาหารเพื่อฉันเลยเหรอ”
“ใช่ ตั้งแต่คบกับเธอ ฉันก็มีเป้าหมายในชีวิต ต่อจากนี้ไปฉันจะเก็บเงินอย่างจริงจังแล้วสร้างครอบครัวกับเธอสักทีนะฟ้า” เขาบอกเธอแล้วกุมมือเอาไว้ด้วยความรัก
“ฉันรักนายนะปราณ ขอบใจที่ทำทุกอย่างเพื่อฉัน และอนาคตของเรา”
“ฉันบอกแล้วไง ว่าฉันจะทำให้เธอเป็นผู้หญิงที่น่าอิจฉาที่สุด และฉันก็จะทำให้ได้อย่างที่พูด ฉันรักเธอมากนะฟ้า"
ทั้งสองคนบอกรักกัน แล้วโอบกอดกันเอาไว้
ดุจฟ้าคิดว่ามันคือที่สุดแล้วของชีวิตรักของเธอ ที่มีปราณคอยดูแลและทำเพื่ออนาคตของทั้งคู่
“ตอนนี้อดทนอยู่ห้องเช่าไปก่อนนะ ฉันกำลังเก็บเงินจะกู้ซื้อบ้านมือสองสักหลังให้เป็นของเรา แล้วเราค่อยย้ายไปอยู่ด้วยกันนะ”
“มีห้องนอนส่วนตัวให้ฉันต่างหากหรือเปล่าล่ะ” เธอแกล้งถามเขา
“ฉันทำเพื่อเธอขนาดนี้แล้ว ถ้าเรามีบ้านเมื่อไหร่ มันคงต้องถึงเวลานั้นแล้วนะ ฉันให้เวลาเธอเตรียมใจอีกสองเดือน เธอจะต้องโดนฉันกอดนอนทั้งวันทั้งคืนแน่”
“จริงสิ ฉันมีอะไรให้เธอ” เขายิ้มให้เธอแล้วกดโอนเงินคืนให้เธอในบัญชีเป็นจำนวนหนึ่งแสนบาท
ดุจฟ้าน้ำตาคลอ กระโดดกอดเขาด้วยความดีใจ ไม่ใช่เพราะเงินที่เขาโอนให้ แต่เป็นเพราะมันเป็นสิ่งที่ยืนยันว่าเขาทำทุกอย่างเพื่อเธอจริงๆ
**********************