ชีวิตของตัวประกอบ
ที่พลิกจากหน้ามือเป็นหลังฝ่าเท้า
ปึง!
แรงกระชากอันป่าเถื่อนส่งผลให้บานหน้าต่างที่ลงกลอนอย่างแน่นหนาเปิดออกอย่างแรง สายลมพัดหวนยามค่ำคืนชวนให้กายบางซึ่งนอนอยู่บนเตียงรู้สึกตื่น ทว่าไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะลืมตาขึ้นมา
ซุนมี่มี่หมกตัวอยู่ในเรือนนางกำนัลมายาวนานกว่าหกทิวาหกราตรี อาหารและน้ำแทบมิได้แตะต้องจนร่างกายอ่อนแรง จำได้ว่าก่อนที่ลี่ฮวา สหายคนสนิทจะจากไปเมื่อยามหัวค่ำ ได้บอกกับนางว่าวันนี้ที่วังพิชิตบูรพามีจัดงานเลี้ยงรับขวัญท่านหญิงซึ่งมีอายุครบหนึ่งเดือน วันนี้ตั้งแต่รุ่งเช้ามีแขกเหรื่อทั้งหลายหลั่งไหลมาจากทั่วทุกสารทิศ เห็นว่าแม้แต่ฮ่องเต้เองยังมีพระราชโองการส่งองค์ชายมาเพื่อร่วมแสดงความยินดีอย่างใกล้ชิด
ส่วนนางน่ะหรือ... หกวันก่อนหน้านี้ถูกคนรักซึ่งเป็นคนเลี้ยงม้าหนุ่มในวังพิชิตบูรพาที่เติบโตมาด้วยกันสลัดรัก ด้วยเหตุผลว่านางอ้วนอัปลักษณ์จนกระทั่งหมาตาบอดยังมิเหลียวแล
ฮึก ฮือๆ... เพียงแค่นึกถึงใบหน้าของอีกฝ่าย นางก็ชอกช้ำ ระทม ขมขื่น หยาดน้ำตาไหลรินอาบแก้มนวลเนียนทั้งที่ยังหลับตา สะอื้นไห้อยู่ท่ามกลางความเงียบงัน
นางกำนัลสาวมัวแต่จมอยู่ในห้วงความเจ็บปวด จนมิทันสังเกตว่าเงาร่างสีดำได้แทรกกายผ่านหน้าต่างดังกล่าวแล้วมุ่งมายังเตียงเล็ก ใบหน้าซีกล่างของเขาถูกบดบังด้วยผืนผ้าสีดำ เผยให้เห็นดวงตาคู่คมสีน้ำหมึกซึ่งเจือแววเคร่งเครียดก่อนที่มันจะแปรเปลี่ยนกลายเป็นตกตะลึงเมื่อสบเข้ากับร่างที่กำลังนอนร้องไห้อย่างน่าสงสาร
ผิวกายหญิงสาวขาวผ่องอมชมพู ริมฝีปากรูปกระจับอวบอิ่มน่าลิ้มลองแม้จะซีดเซียวอยู่บ้าง พวงแก้มที่อาบชื้นด้วยหยาดน้ำตาเปี่ยมด้วยเสน่ห์น่าปกป้อง คิ้วโก่งเรียวดั่งคันศรและแผงขนตายาวงอนทำเอาบุรุษผู้พบพานสตรีมามากถึงกับลมหายใจสะดุด
ในเวลาสองเดือนที่ผ่านมา ชายหนุ่มเคยเดินทางมายังวังพิชิตบูรพายามวิกาลมาก็หลายหน แต่ก็ไม่เคยมีสักคราที่ตนมีโอกาสได้พบโฉมสะคราญที่ทำให้แทบหลงลืมตัวตนเยี่ยงนี้
ไม่น่าเชื่อว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา ท่านอ๋องจะซุกซ่อนบุปผางามดอกนี้ไว้ในวังอย่างมิดชิด...
นัยน์ตาของผู้คิดพร่างพราวระยิบระยิบ มิทันไรก็หรี่ตาลงเมื่อรับรู้ถึงฝีเท้ามากมายจากด้านนอกที่เคลื่อนเข้ามาใกล้มากขึ้นทุกที
‘ถูกตามตัวพบจนได้’
ร่างค่อนข้างบางกว่าบุรุษทั่วไปในชุดสีรัตติกาลคิดพลางพุ่งตรงไปยังเตียงเล็ก พริบตาเดียวก็คร่อมหญิงสาวไว้ใต้ร่าง เสียงหัวเราะในลำคอดังสะท้อนไปมาในห้องเล็ก ปลุกผู้ที่กำลังเศร้าสร้อยให้ฝืนลืมตาขึ้นมาในความมืดมิด
ซุนมี่มี่เบิกตาโตจนแทบถลนออกจากเบ้าเมื่อพบกับแขกผู้ไม่ได้รับเชิญ นางอ้าปากเตรียมจะส่งเสียงกรีดร้องให้คนช่วย ทว่าชายหนุ่มลงมือฉับไวกว่า
“ชู่ว์” นิ้วหยาบกร้านสัมผัสลงบนกลีบปากบาง ส่วนมืออีกข้างก็ตรึงข้อมือเรียวสองข้างไว้เหนือศีรษะ เมื่อสบกับแววตาดั่งอสูรจับจ้องเหยื่อ หัวใจของสาวน้อยก็เต้นระทึกด้วยความหวาดกลัวระคนขัดเขิน “เงียบเสีย มิเช่นนั้นข้าคงมิอาจรับประกันความปลอดภัยของริมฝีปากที่งดงามของเจ้าได้”
‘งดงาม?’
ซุนมี่มี่ทวนในใจพลางกะพริบตาถี่ สิบเจ็ดปีที่เกิดมานางไม่เคยได้ยินคำว่า ‘งดงาม’ ออกจากปากผู้ใด อย่าว่าแต่บุรุษเลย แม้กระทั่งสตรีที่สนิทสนมกันก็ยังไม่เคย มีแต่คำว่า ‘อ้วนอัปลักษณ์’ ไม่ก็ ‘สตรีหมูตอน’ มาโดยตลอด
ความมึนงงสับสนส่งผลให้ท่าทีขัดขืนในทีแรกสงบลงได้บ้าง แต่มันก็แค่ประเดี๋ยวเดียวเมื่อร่างบางเริ่มสั่นเทาราวกับลูกนกเสียขวัญ
“เจ้าเป็นใคร… ต้องการอะไร...” นางกระซิบถามแผ่วเบา โดยที่นิ้วหยาบกร้านยังแนบอยู่บนริมฝีปากของตน
“ข้ารึ...” เสียงนุ่มทุ้มเหนือร่างเจือความขบขันอยู่หลายส่วน แต่ถึงกระนั้นก็โอ้เอ้มิยอมตอบ ยิ่งเห็นคนใต้ร่างร้อนรนและหวาดกลัวก็ยิ่งรู้สึกสนุก คนอะไรช่างน่ากลั่นแกล้งเสียเหลือเกิน “เจ้าชื่ออะไร”
ซุนมี่มี่ส่ายหน้ารัว ยามปกติก็พอมีแรงต่อสู้ได้บ้างเพราะถูกใช้ให้ยกของหนักเป็นประจำ ทว่ายามนี้ไม่ได้กินข้าวเต็มอิ่มมาหลายมื้อจึงมิอาจดิ้นให้หลุดออกจากพันธนาการของบุรุษแปลกหน้า
เขาแต่งกายเยี่ยงนี้ย่อมเป็นคนร้ายมากกว่าคนดี
“ปล่อยข้าไปเถิด” นางกำนัลน้อยร้องขอเสียงสั่นพบว่าอีกฝ่ายกำลังผินสายตาไปยังหน้าต่างที่เปิดอยู่
“ข้าต้องไปแล้ว” เขาคลายข้อมือทั้งสองของหญิงสาวให้เป็นอิสระอย่างแสนเสียดาย ก่อนที่ใบหน้าจะโฉบลงมาโดยที่นางมิทันตั้งตัว
ดวงตาของซุนมี่มี่เหลือกโตเมื่อสัมผัสได้ถึงริมฝีปากอุ่นร้อนภายใต้ผ้าผืนบางที่แนบลงบนกลีบปากของตนเอง
นางโดนขโมยจุมพิตเข้าให้แล้ว!
“ไว้ข้าจะมาใหม่” เจ้าของเงาร่างสีดำกล่าวจบก็พุ่งหายไปทางช่องหน้าต่าง หลงเหลือเพียงสายลมหวีดหวิวยามราตรีพร้อมกับกลิ่นชื้นอ่อนๆ ของน้ำค้างบนใบหญ้า มีเพียงความปวดหน่วงตรงข้อมือเท่านั้นที่ตอกย้ำว่าสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเป็นความจริง มิใช่ภาพหลอนหรือภาพฝันที่นางปรุงแต่งไปเอง
ร่างบางเด้งกายขึ้นเป็นท่านั่งบนเตียง มองซ้ายแลขวาโดยพยายามตั้งสติ ก่อนจะตัดสินใจได้ว่านางควรออกไปตามหาลี่ฮวาเพื่อแจ้งเรื่องที่มีคนร้ายแฝงกายเข้ามาในวังพิชิตบูรพา
...หากยังมิทันได้กระทำดั่งใจหวัง ประตูห้องนอนของนางก็ถูกเตะโครมเข้าอย่างแรงตามด้วยฝีเท้ามากมายวิ่งกรูกันเข้ามาในห้องอันคับแคบ
ซุนมี่มี่ร่างกายแข็งทื่อกลายเป็นเสาหินทันทีเมื่อเห็นผู้ที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุดของกลุ่มผู้บุกรุกเข้ามาอย่างเต็มตา
รูปร่างสูงโปร่งองอาจเยี่ยงนี้...
แต่งกายด้วยชุดสีครามขลิบเงินเยี่ยงนี้...
มีป้ายหยกขาวแสดงฐานะห้อยอยู่ข้างเอวเยี่ยงนี้...
ย่อมเป็นผู้ใดไปมิได้นอกจากเยว่หมิง... ท่านอ๋องน้อยเพียงผู้เดียวแห่งวังพิชิตบูรพา!
เยว่หมิงจ้องมองโฉมสะคราญบนเตียงอยู่ครู่หนึ่ง เขาตระหนักดีว่าห้องนี้เป็นของนางกำนัลซุนมี่มี่ ทว่าสตรีที่นั่งอยู่เตียงนั้นไม่ใช่ เหตุผลเพียงเท่านี้ก็มากพอที่จะทำให้ใบหน้าของเขาแดงก่ำไปด้วยเปลวเพลิงแห่งโทสะ
“เจ้าเป็นใคร!”
พวกมันส่งสายลับมาในห้องนอนของนางกำนัล คราวนี้คิดจะใช้แผนหญิงงาม... ชั่วช้าไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ!
“ท่านอ๋องน้อย...” ซุนมี่มี่ตกใจน้ำตาไหลพราก หลายวันมานี้นางร้องไห้เสียจนดวงตาปูดโปน ดวงตาแสบร้อนไปหมด “เป็นข้าน้อย...”
“ข้าไม่รู้จักเจ้า!” ท่านอ๋องน้อยแห่งวังพิชิตบูรพาตวาดเสียงเหี้ยมพลางหันไปสั่งการทหารกล้าทั้งหลาย “พวกเจ้าจับตัวนางไปขังคุก ครั้งนี้ข้าต้องรู้ให้ได้ว่ามันผู้ใดกันที่กล้าส่งสายลับอ่อนหัดเข้ามาในวังพิชิตบูรพา!”
“พ่ะย่ะค่ะ!” ทหารทั้งหลายพากันกรูเข้ามาดึงร่างอันปวกเปียกในชุดนอนนางกำนัลลงมาจากเตียง เหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเสียจนซุนมี่มี่ทำใจตั้งรับได้ไม่ทัน กว่านางจะรู้ตัวอีกครั้งก็ยามที่ถุงเท้าลากขรูดไปตามพื้น มุ่งตรงไปยังคุกใต้ดินอันน่าสะพรึงกลัว
นางเป็นนางกำนัลในวังพิชิตบูรพาแห่งนี้แท้ๆ แล้วเหตุใด...เหตุใดท่านอ๋องน้อยที่นางคอยปรนนิบัติรับใช้ดูแลมาตลอดชีวิตกลับจดจำนางไม่ได้!